xs
xsm
sm
md
lg

ปชป.จี้สมชายล่าแก๊งหมิ่นสถาบัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน - ป๋าเปรม ชี้ยุติความรุนแรงเป็นเรื่องดีแต่ทำยาก ด้าน อนุพงษ์ เซ็นคำสั่งตั้ง กรรมการติดตามการกระทำอันเป็นการละเมิดสถาบันแล้ว มีทหาร ตำรวจและ ข้าราชการพลเรือนร่วมทีม พร้อมสั่งหน่วยขึ้นตรง ทบ.ติดตามดำเนินการกับพวกจาบจ้วง พร้อมจี้ตำรวจจัดการคนแจกใบปลิว วิทยุชุมชนและเว็บไซต์หมิ่นเบื้องสูงอย่างเด็ดขาด มท.เพิ่งตื่นสั่งผู้ว่าฯ เกาะติด ด้าน ปชป.สงสัยหมิ่นสถาบันแพร่หลายมากขึ้นเหมือนขานรับแถลงการณ์ของทักษิณ ระบุรัฐบาลไม่จัดการเหมือนร่วมขบวนการ เตรียมเล่นงานนายกฯ ฐานละเว้น

พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ให้สัมภาษณ์หลังเป็นประธานพิธีปิดโครงการ สานใจไทยสู่ใจใต้ รุ่นที่ 10 ถึงกรณีที่ใกล้ถึงวันราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ และวันเฉลิมพระชนม์พรรษา 5 ธันวาคม คนไทยจะสร้างความปรองดองได้หรือไม่ว่า คำถามนี้ต้องแบ่งเป็นสองส่วน เรื่องราชพิธีและงานพระชนม์พรรษามั่นใจว่า ไม่มีปัญหาคนไทยรู้ว่าอะไรควรทำ รือไม่ควรทำ ในพระราชพิธีทั้ง 2 พิธี ตนแน่ใจ

***ป๋าชี้ยุติความรุนแรงดีแต่ทำยาก
ผู้สื่อข่าวถามว่า อยากเตือนคนไทยที่แบ่งเป็น 2 ฝ่ายอย่างไร พล.อ.เปรม ย้อนถามว่า คุณแน่ใจหรือว่าพูดถูก แบ่งแยกอย่างนั้นจริงหรือ ผู้สื่อข่าวตอบว่า ดูจากสถานการณ์ที่มีการใส่เสื้อสีแดง ขาว และเหลือง พล.อ.เปรม กล่าวว่า ตนเคยพูดว่า ขอให้สื่อมวลชนทำงานให้หนักขึ้น แต่แปลไม่ออกว่าจะให้สื่อไปทำอย่างไร เมื่อวันที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา เห็นสื่อมวลชนและสมาคมต่างๆพูดคุยกัน และมีคำตอบออกมา ฟังแล้วค่อนข้างยากและทำยาก แต่ดีใจที่มีการพูดคุยกัน
เขาใช้คำว่ายุติความรุนแรงเป็นสิ่งที่ดีมาก ที่องค์กรอื่นนอกจากสื่อมวลชน พูดถึงเรื่องนี้ แต่เป็นปัญหาที่ยากและทำยาก แต่การที่เขาพูดกันแสดงให้เห็นถึง ความต้องการของคนไทย สื่อมวลชนก็สะท้อนให้เห็นความต้องการขอประชาชนว่า ประชาชนต้องการอย่างไร เป็นเรื่องที่ดีมาก อยากชมและขอให้ช่วยกันทำให้ได้อย่างที่พูดกัน ยืนยันว่าสื่อมีความสำคัญ ที่คุณถามเรื่องมีสีนั้น ผมจะไม่พูดเรื่องสี แต่อยากพูดให้เข้าใจว่า ที่สื่อขอร้องน่าจะถือว่าคนไทยขอร้อง เพราะสื่อคือสื่อความต้องการของคนไทยในประเทศเราว่า ขอยุติความรุนแรง อยากขอขอบใจและเอาใจช่วยให้ทำให้สำเร็จ
ผู้สื่อข่าวถามว่าอยากให้ทุกคนรับฟังข้อเสนอแนะยุติความรุนแรงใช่หรือไม่ พล.อ.เปรม กล่าวว่า หากถามว่าแล้วจะทำอย่างไร ใครจะเป็นคนตอบ เรื่องยุติความรุนแรง ซึ่งคนไทยต้องช่วยกันตอบว่าจะทำอย่างไร ตอบได้หรือยังว่า ขณะนี้จะทำอย่างไร
ส่วนที่ตอนนี้มีการนำสถาบันไปเชื่อมโยงการเมืองนั้น พล.อ.เปรม กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่เอา ข้อนี้ไม่เอา พูดเรื่องที่เรากำลังพูดกันดีกว่า ว่าจะทำอย่างไร เพื่อยุติความรุนแรง หรืออย่างน้อยค่อยๆ ลดลงมา คำว่าอดทน อดกลั้น เสียสละ 3 คำนี้อาจจะเป็นคำตอบได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าควรถอยคนละก้าวเพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวายใช่หรือไม่ พล.อ.เปรม กล่าวว่า การเจรจาต้องหันหน้าเข้าหากัน หากหันหลังเจรจากันไม่ได้ ตนคิดว่าการเสียสละเป็นสิ่งสำคัญ ทุกคนต้องยอมเสียบ้าง เพื่อให้มาสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อคนส่วนใหญ่ และส่วนร่วมทุกคนต้องอดทน อดกลั้น ไม่ใช้อารมณ์ เป็น 3 คำที่ทำให้ลดความขัดแย้ง

***ผบ.ทบ.ให้ทหารติดตามกลุ่มจาบจ้วง
ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. กล่าวถึงกลุ่มบุคคลที่กล่าวพาดพิงสถาบันเบื้องสูงว่า สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นสถาบันหลักของปวงชนชาวไทย ตนมีแนวคิด 2 เรื่อง คือ 1.ต้องไม่ดึงพระองค์ท่านลงมายุ่งเกี่ยวกับเงื่อนไขต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมือง เรื่องความขัดแย้ง 2.ต้องไม่จาบจ้วงสถาบัน ไม่ทำอะไรที่หมิ่นเหม่ ต่อการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพทุกกรณี กองทัพบกจะดำเนินการทุกอย่าง ตามกฎหมาย ไม่ให้คนใดกลุ่มใดมาจาบจ้วงหรือหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
ผู้สื่อข่าวถามว่าในฐานะทหารเสือราชินีมีแนวทางปกป้องอย่างไร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ทหารทุกคนดำเนินการที่จะปกป้องพระองค์ท่าน เราแจ้งหน่วยขึ้นตรง ให้ติดตามกลุ่มที่จาบจ้วงสถาบันแล้ว เมื่อพบผู้ที่เกี่ยวข้องให้ตำรวจดำเนินการ และให้หน่วยต่างๆ มุ่งเทิดทูนสถาบัน พระองค์ท่านมีโครงการมากมาย ซึ่งจะให้หน่วยต่างๆ ดำเนินการเทิดทูนและให้เกียรติสถาบันพระมหากษัตริย์
ส่วนกรณีวิทยุชุมชนที่ออกมาชักชวนไม่ให้เลื่อมใสในสถาบันนั้น พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ขอไม่พูด แต่วิทยุชุมชนนั้นตนให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ติดตามดูแลส่วนนี้ เมื่อถามว่า พบผู้กระทำความผิดบ้าง หรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ที่เห็นชัดใน กทม. เราดำเนินการไปเรียบร้อยแล้ว ทำหนังสือถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และ สตช. ดำเนินการไปแล้ว ส่วนต่างจังหวัดขณะนี้มีแต่ในลักษณะที่หมิ่นเหม่ต่อการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ แต่ยังไม่มีความผิดปรากฏชัดเจน

***จี้ตำรวจล่ามือปล่อยใบปลิวตีสถาบัน
ส่วนที่มีการมีการทำใบปลิวโจมตีสถาบันนั้น พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า หากมีการดำเนินการอย่างนั้นตำรวจต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาดและรวดเร็ว เพราะเป็นการดำเนินการของคนกลุ่มเดียวเท่านั้น คงไม่ใช่เสียงของประชาชน ดังนั้น ตำรวจต้องดำเนินการส่วนนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่าการแก้ปัญหาต้องทำตามที่ นาย สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการ มูลนิธิชัยพัฒนา เสนอโดยใช้สติและหันหน้าเข้าหากันใช่หรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ปัญหาชาติบ้านเมือง ม่ว่าใครก็เห็นเป็นแนวทางเดียวกัน แต่ยังไม่เกิดกระแสว่าทุกคน ต้องใช้แนวทางที่จะยึดถือประเทศชาติเป็นหลัก ไม่ใช่เอาความ ขัดแย้งมาแก้ปัญหา ทุกคนเห็นตรงกัน แต่กระแสยังอยู่ในกลุ่มคน 2 กลุ่มเท่านั้น

**ปิดปากพูดถึงความสัมพันธ์กับนายกฯ
ส่วนแนวทางยุติความขัดแย้งของกองทัพนั้น พล.อ.อนุงพงษ์ กล่าวว่า สิ่งใดกองทัพทำได้ ก็ทำไปแล้ว เมื่อถามว่า วันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ จะมีการชุมนุมเพื่อฟัง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต่อสายเข้ามาพูดในรายการความจริงวันนี้ จะสร้างความแตกแยกให้สังคมในชาติหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ผู้ชุมนุมระบุชัดเจนว่าจะชุมนุมโดยสันติอยู่ในขอบเขต จบตามระยะเวลา ส่วนกองทัพจะดูแลไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน นำมาถึงการเสียเลือดเนื้อ ทุกคนต้องคำนึงถึงประเทศชาติเป็นหลัก ประเทศชาติเราต้องมาลำดับแรก เรื่องส่วนตัวเอาไว้ทีหลัง หากใครคิดถึงประเทศชาติ ต้องทำทุกอย่างให้ประเทศชาติอยู่ได้ ไม่ว่าอะไรต้องลืมเรื่องส่วนตัว
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯขอให้กองทัพดูแลความสงบอย่างไร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ยังไม่มีการสั่งการอะไรเป็นพิเศษ คงเป็นการรักษาความเรียบร้อยตามปกติ ตามที่ได้ให้แนวทางกันไว้ คือดูแลอย่าให้มีการกระทบกระทั่งของกลุ่มคน หากตำรวจ ร้องขอให้ทหารออกไปช่วยเราพร้อมให้การสนับสนุน เมื่อถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับนายกฯหลัง ผบ.เหล่าทัพ ออกมากดดัน พล.อ.อนุพงษ์ ปฏิเสธที่จะตอบคำถามพร้อมเดินเลี่ยงสื่อมวลชน

***กอ.รมน.ตั้ง กก.ติดตามหมิ่นสถาบัน
มีรายงานว่า กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ออกคำสั่งตั้งคณะกรรมการติดตามการกระทำอันเป็นการละเมิดสถาบัน และ หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ในสื่อทุกประเภท รวมทั้งพฤติกรรมที่ส่อไปในทางบ่อนทำลายสถาบัน ให้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ในฐานะ รองผอ.รมน. เป็นประธาน โดยมีหัวหน้าส่วนราชการในจังหวัดต่างๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจในส่วนที่เกี่ยวข้องเป็นคณะกรรมการ เพื่อติดตามผู้ที่เข้าข่ายกระทำความผิดมาดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย เพื่อไม่ให้กระบวนการบ่อนทำลายสถาบัน ขยายวงกว้างไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการเข้ายึดอำนาจของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) กองทัพบก ได้มอบหมายให้กองทัพภาคที่ 1 จัดตั้ง ฉก. 6080 เพื่อดำเนินการติดตามขบวนการละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งการเผยแพร่ ทางสื่ออิเลคโทรนิค หรือ สื่ออื่นๆ เพื่อยับยั้งการดำเนินการดังกล่าวไม่ให้ขยายตัวไปมากกว่านี้ โดย กองทัพบกจ ะปรับ ฉก.6080 รองรับการการปฏิบัติงานตามคำสั่งดังกล่าว เพื่อให้การทำงานเกิดประสิทธิภาพ

***มท.ตื่นสั่งผู้ว่าฯ ฟันหมิ่นเบื้องสูง
นายพีรพล ไตรทศาวิทย์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการออกหนังสือเวียนให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศเฝ้าติดตามการใช้ถ้อยคำหมิ่นเบื้องสูง ว่า เป็นสิ่งที่ได้กำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัดติดตามเรื่องดังกล่าวอย่างใกล้ชิด หากพบว่า เข้าข่ายมีการดำเนินการใช้ถ้อยคำหมิ่นเบื้องสูง ให้ดำเนินการตามกฎหมาย อย่างเฉียบขาด
โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดจัดเวรยามติดตามความเคลื่อนไหวตามสถานีวิทยุ ต่างๆ วิทยุชุมชน รวมถึงเวทีแสดงความคิดเห็น หากมีการพูดจาพาดพิงให้บันทึกไว้ เป็นหลักฐานและรายงานโดยตรงให้ตนทราบเป็นระยะๆ ขณะนี้ได้มีรายงานเข้ามาแล้ว ในบางจังหวัด แต่จะไม่ขอเจาะจงว่าเป็นภาคใดที่มีความเคลื่อนไหวมากเป็นพิเศษ

***สงสัยหมิ่นสถาบันรับแถลงการณ์แม้ว
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ประธานวิปฝ่านค้าน กล่าวว่า ขณะนี้มีการเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่มีการพาดพิงสถาบันสูงสุด โดยผ่านการเคลื่อนไหว การปราศรัย บนเว็บไซต์ และบางคนใน นปช. ที่ท้องสนามหลวง ซึ่งเห็นว่า มีการพาดพิงสถาบันเบื้องสูงมากผิดปกติ ไม่แน่ใจว่ามาจากการส่งสัญญาณของ พ..ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่เขียนจดหมายแล้วพาดพิงไปถึง ชนชั้นสูง หรือไม่ ทั้งนี้วิปฝ่ายค้านอยากเห็นการปราบปรามจากรัฐบาล ทั้งในส่วนของนายกรัฐมนตรีกระทรวงไอซีที กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม เพราะที่ผ่านมามีเพียงกองทัพบกเท่านั้นที่จริงจังเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งรัฐบาลไม่ควรยักคิ้วหลิ่วตา รวมถึงอยากเห็น ท่าทีที่จริงจังของนายกฯและกระทรวงที่เกี่ยวข้องมากกว่านี้ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนทำร้ายจิตใจประชาชน

***ปชป.ซัดรัฐบาลรู้เห็นเป็นใจ
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าคำตัดสินของ ศาลฏีกาฯ จำคุก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร 2 ปี เป็นเงื่อขไขที่จะทำให้สังคมไปสู่ความขัดแย้ง จึงอยากให้นายกรรัฐมนตรีแสดงความรับผิดชอบต่อบ้านเมือง และป้องกันไม่ให้เกิดความรุนแรงขึ้น
นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า ที่เห็นได้ชัดคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่ใช่สิทธิขอลี้ภัยทางการเมือง เนื่องจากเงื่อนไขในการลี้ภัยต้องไม่ดำเนินกิจกรรมทางการเมือง แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังดำเนินการอยู่ จึงขอลี้ภัยทางการเมืองไม่ได้ นอกจากนี้ยังเป็นญาติกับนายกรัฐมนตรีด้วย ดังนั้นกรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ จึงถือเป็นการลี้ภัยหนีคดีที่มีการ พิพากษาแล้วมากกว่า ซึ่งรัฐบาลไม่ได้ดำเนินการใดๆ ในการปกป้องสถาบันตุลาการ ในการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นคนต้องคำพิพากษาจำคุกกำลังโจมตีกระบวนการยุติธรรมอย่างต่อเนื่อง
นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่านอกจากรัฐบาลไม่ดำเนินการใดๆ แล้ว ยังปล่อยให้มีการจัดหลายเวที ที่จะเป็นเงื่อนไขในการสร้างความรุนแรง ใช้สื่อของรัฐโจมตีการทำงาน ของสถาบันตุลาการและองค์กรอิสระ และการที่พ.ต.ท.ทักษิณพยายาม เบี่ยงเบนว่า เป็นความขัดแย้งของผู้มีอภิสิทธ์เหนือประชาชนกับสามัญชน เป็นแนวคิดเดียวกับนายจักรภพ เพ็ญแข จนเป็นที่มาของการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

***จ่อเล่นงานละเว้นปฏิบัติหน้าที่
เรื่องนี้จึงเป็นความรับผิดชอบโดยตรงของนายกฯและรมว.ต่างประเทศ ที่ต้องดูแล จะปัดความรับผิดชอบว่าเป็นเรื่องส่วนตัวหรือต้องรอเวลาไม่ได้ จึงขอเรียกร้องไปยังบุคคลทั้งสอง ที่ปล่อยให้มีเวปไซต์เกิดใหม่หลังคดีที่ดินรัชดา มีใบปลิว มีขบวนการใต้ดินพูดถึงความขัดแย้งระหว่างชนชั้น และโจมตีตุลาการ เรื่องนี้เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ร้ายแรงที่สุดของนายสมชาย ซึ่งพรรค เตรียมสรุปประเด็นต่าง ๆ หารือที่ประชุมพรรควันนี้ (27 ต.ค.) ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า การปล่อยให้ขบวนการบ่อนทำลายสถาบันเบื้องสูง ทำให้กองทัพบกต้องออกมาเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูแล และเข้ามารับผิดชอบด้วยตัวเอง ก็เพราะนายกฯไม่ยอมดำเนินการ ดังนั้นพรรคประชาธิปัตย์ จะดำเนินการในลักษณะเดียวกันคือการร้องทุกข์กล่าวโทษ ผู้ที่กระทำความผิด และขอเรียกร้องประชาชนที่พบเบาะแสให้นำข้อมูลมาให้พรรคเพื่อดำเนินการ ตามกฎหมายต่อไป
ผมคิดว่าสิ่งที่รัฐบาลทำได้ทันทีคือการให้นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ ยุติการสร้างกระแสสนับสนุนแถลงการณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะอ้างว่าเป็นการทำงานส่วนตัวของนายณัฐวุฒิไม่ได้ เพราะเป็นโฆษกรัฐบาล โดยทุกเวทีที่นายณัฐวุฒิไปร่วม รัฐบาลและนายกฯ ต้องรับผิดชอบ พรรคประชาธิปัตย์เป็นห่วงว่าเวทีเหล่านี้จะเพิ่มความขัดแย้งในสังคม เป็นขบวนการจงใจให้ประเทศชาติถึงทางตัน เช่นการปลุกระดมทั่วประเทศว่าจะมีการปฏิวัติ เพื่อให้คนไทยเคลื่อนขบวนมาต่อต้านการปฏิวัติ

***ชาย เทศน์สอนคนทะเลาะกัน
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งขาติ ตอนหนึ่งว่า ประเทศไทยอยู่ควบคู่กับพระพุทธศาสนามาช้านาน เท่าที่ตนเองได้อ่านประวัติศาสตร์ พระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ล้วนนับถือศาสนาพุทธ ย่างไรก็ตามทุกศาสนามีความสำคัญ สอนให้เป็นคนดีเหมือนกัน วันนี้บ้านเมืองเกิดความขัดแย้งเพราะขาดหลักศีลธรรม ถ้าหากมีศีลธรรม รักชาติบ้านเมืองอย่างมีเหตุมีผลแล้ว ไม่ใช่เรื่องยากที่จะอยู่กันอย่างสันติสุข พูดคุยกันได้ง่าย แต่ถ้าละเลยสิ่งนี้ไปก็จะพูดคุยกันลำบาก
ชีวิตคนเราอยู่แค่ช่วงระยะเวลานี้ก็จากไป เหมือนสายฟ้าผ่านมา ก็ผ่านไปครู่เดียว เวลามีอยู่น้อยแต่ยังมาตบตี ทะเลาะกันอีก แบบนี้เมื่อไหร่จะเรียบร้อย พระพุทธเจ้าเคยบอกไว้ว่าเป็นความประมาทอย่างยิ่ง พวกเราไม่รู้จะตายวันไหน มีโอกาสแล้วไม่ทำดีก็เสียดายเวลา การทำชั่วนั้นมันเป็นเรื่องที่ฝืนธรรมชาติ

***เตรียมทำบุญประเทศถวายพระพร
นายสมชายกล่าวว่า ส่วนตัวอยากให้มีการทำกิจกรรมร่วมกันระหว่างพระสงค์กับฆราวาส ทำให้เห็นว่าพระคุณเจ้ามีความห่วงใยพวกเรา ที่ผ่านมาเห็นฆราวาส หลายคนเกรงกลัว และเกรงใจ ที่จะเข้าหาพระสงฆ์ คล้ายกับว่าอยู่คนละที่ ก็อยากให้สำนักพระพุทธศาสนา ประสานกับกระทรวงวัฒนธรรม จัดงานกิจกรรมขึ้นมา สถานที่อาจจะใช้พุทธมณฑล เนื่องจากมีความกว้างขวางเหมาะสม คิดว่าช่วงต้นเดือนหน้า หรืออาจเป็นวันที่ 1 พ.ย. น่าจะดี จะได้เป็นการทำบุญสักครั้งหนึ่ง ถึงแม้เราจะมีความคิดที่แตกแยกกัน แต่ในเรื่องธรรมะคงไม่แตกแยก น่าจะร่วมกันได้ วันนั้นตนจะมาร่วมงานด้วย ในฐานะพุทธศาสนิกชน
นายสมชายให้สัมภาษณ์ถึงแนวคิดที่จะจัดทำบุญครั้งใหญ่ ท่ามกลาง สถานการณ์แตกแยกทางความคิดในบ้านเมือง ว่า คิดว่าช่วงจังหวะเวลานี้ใกล้กับงานวันเฉลิมพระชนม์พรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ อีกประการหนึ่งคือเห็นว่า หากพระสงฆ์และชาวบ้านมาร่วมทำบุญกันก็จะเป็นการแสวงหาแนวทางธรรมะ เพื่อให้เราพวกเรามีจิตใจสงบสุข ซึ่งนี่เป็นงานพระงานสงฆ์ อย่าไปคิดประเด็นอื่น ตนไม่มีประเด็นการเมือง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถือเป็นการทำบุญประเทศหรือไม่ นายสมชายตอบว่า มันก็ไม่เชิงทำบุญประเทศ เป็นเรื่องนิมิตรหมายที่บอกคือ ถวายพระพรด้วย ให้คนทำบุญด้วย ซึ่งคิดว่าดี น่าจะทำกัน ทำให้คนจิตใจผ่องแผ้ว หัวโล่ง คิดอะไรออกได้ เมื่อถามว่า จะทำให้ประเทศสงบสุขปรองดองได้หรือไม่ นายสมชายตอบว่า ก็นี่ไง ตนเห็นว่าเป็นแนวทาง ก็แนวทางสันติในการอยู่ร่วมกัน

***ทำงงถูถามพร้อมเจรจา 4 ฝ่ายไหม
ผู้สื่อข่าวถามถึงการเจรจา 4 ฝ่าย ในการหาทางออกให้บ้านเมือง ในฐานะรัฐบาลพร้อมจะพูดจาหรือไม่ นายสมชาย ทำงงก่อนย้อนถามกลับว่า 4 ฝ่ายหมายถึงใคร ผู้สื่อข่าวจึงบอกว่ามีกลุ่มพันธมิตรฯ ,รัฐบาล, แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และพรรคฝ่ายค้าน นายสมชาย จึงกล่าวว่า ตนเจรจาได้หมด ใครก็ได้ถ้าพูดกันรู้เรื่อง ยินดีทั้งนั้น
เมื่อถามอีกว่า จะหาใครมาแทน พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกฯ ที่ลาออกไปให้มาเจรจากับกลุ่มพันธมิตรฯ นายสมชายกล่าวว่า ใครก็ได้ คือถ้าตั้งใจคุยกัน ใครก็คุยได้หมด เมื่อถามว่า นายกฯพร้อมจะเป็นคนกลางในการเจรจา หรือไม่ นายสมชายย้อนถามผู้สื่อข่าวว่า รัฐบาลเหรอ รัฐบาลตอนนี้ดูว่ามีอำนาจอะไรหรือเปล่า แต่ว่าสิ่งหนึ่งที่ทำคือการดูและประชาชน ในเรื่องพืชผล เรื่องการเกษตร เรื่องการทำมาหากิน.
กำลังโหลดความคิดเห็น