00 มันน่าเศร้าใจจริงๆ ที่ประเทศของเรายังมีพวกนักวิชาการประเภทนี้อยู่จำนวนไม่น้อย รำคาญนักวิชาการที่ชอบอ้างความเป็นกลาง เรียกร้องให้หยุดทะเลาะ หยุดปะทะกัน หยุดใช้ความรุนแรงแล้วหันมานั่งคุยกันกันสันติวิธี คนพวกนี้ไม่รู้ว่ามันไม่เข้าใจ หรือว่าจงใจไม่เข้าใจสถานการณ์ความเป็นจริงว่าต้นเหตุมาจากไหน ใครเป็นคนทำร้ายทำลายชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์
00 คนพวกนี้มักประดิษฐ์ประดอยถ้อยคำสวยหรูฟังแล้วกินใจ แต่ถ้าพิจารณาให้ดีแล้วมันก็เป็นแค่กลางกลวงเท่านั้น แถมยังพาลน่าสงสัยอีกว่าในข้ออ้างความเป็นกลางมีเจตนาเอื้อประโยชน์ให้อีกฝ่ายหรือไม่
00 ถามว่าการปะทะหรือความรุนแรงใครมีเจตนายั่วยุ และถ้ากล่าวกันแบบตรงไปตรงมาแบบเลือกข้าง ก็ต้องยืนยันว่าการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอย่างต่อเนื่องนานกว่า 150 วันต้องนอนกลางดิน ตากแดด ตากฝน ไม่ได้ยกขบวนไปปะทะกับใคร ทุกครั้งไม่ว่าจะเดินทางไปยังหน่วยงานใดก็ดำเนินการด้วยความสงบ ขณะเดียวกันถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่าการชุมนุมของกลุ่ม “คนเสื้อแดง” ที่ปักหลักที่สนามหลวงหรือที่ไหนก็ตาม ก็ถือว่าเป็นการแสดงความคิดเห็น กลุ่มพันธมิตรฯไม่เคยไปขัดขวางต่อต้าน
00 ตรงกันข้าม “คนเสื้อแดง-รักทักษิณ” กลับมีเจตนาก่อความรุนแรง เคยยกขบวนพร้อมอาวุธมีดดาบโดยมี ส.ส.ของพรรคพลังประชาชนร่วมมาด้วย และมีเจตนาทำร้ายทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนไม่น้อย เพื่อสร้างสถานการณ์และนำไปสู่การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน จนถูกประณามไปทั่ว
00 ถ้าย้อนไปวันที่ 7 ตุลาคม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหากมองด้วยใจเป็นธรรมแล้วต้องไม่เรียกว่าการปะทะ แต่เป็นการทำร้าย ปราบปรามประชาชนของฝ่ายรัฐบาล ถือเป็นการจงใจฆ่ากันชัดๆ เพราะมีการใช้อาวุธระดมยิงทำร้ายประชาชนตั้งแต่เช้ายันดึก อย่างนี้ถ้าไม่เจตนาก็ไม่รู้จะเรียกอะไรแล้ว
00 และครั้งล่าสุดก็ยังมีการประกาศอีกว่าจะมาปิดล้อมพันธมิตรฯ โดยใช้กองกำลังติดอาวุธที่ไม่เปิดเผยอีก อย่างนี้ขอถามทั่นนักสันติวิธี “ขี้เท่อ” ทั้งหลายหน่อยว่า ใครกันแน่ที่ก่อความรุนแรง
00 ทีนี้มาว่ากันถึงการเจรจา ความสามัคคี ขอถามอีกว่า จะเจรจากับใคร เจรจากับพวกโจรที่มันสุมหัวกันปล้นชาติ เมื่อถูกเจ้าของบ้านจับได้แล้วโวยวาย เรียกร้องให้ช่วยกันจับโจรเข้าคุก แต่กลายเป็นว่า ให้ “ถอยคนละก้าว” หรือให้มาพูดจากัน มันจะบ้าหรือเปล่า (วะ)
00 คนพวกนี้ไม่รู้ว่าหูหนวกหรือตาบอด ทั้งที่ “ทักษิณ ชินวัตร” ออกแถลงการณ์ด่าศาลโครมๆว่ากลั่นแกล้ง ไม่ยุติธรรม แล้วก็มีกลุ่มคนเสื้อแดงทั้งมาในรูปแบบสารพัดชื่อไม่ว่า นปก. นปช. รักเชียงใหม่-อุดรฯ ฯลฯ ส่งเสียงเชียร์กันดังลั่น และในขณะเดียวกันคนพวกนี้ก็พูดจาจาบจ้วงหมิ่นสถาบันเบื้องสูงอย่างที่ไม่อาจยอมรับได้ นักวิชาการพวกนี้กลับไม่พูดถึง
00 ถามอีกว่า ยังจะเจรจากับรัฐบาลไร้ความชอบธรรม มาจากการโกงเลือกตั้งที่ กกต. มีมติให้ยุบพรรค รัฐบาลที่กระทำขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 190 กรณีออกมติรับรองแถลงการณ์ร่วมยกปราสาทพระวิหารให้เขมรขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเพียงฝ่ายเดียว หรือแม้แต่ตัวนายกรัฐมนตรีเองเมื่อครั้งเป็นปลัดกระทรวงยุติธรรมก็ได้ถูกป.ป.ช.ชี้มูลว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง กรณีไม่เรียกเก็บเงินค่าธรรมศาลธัญญบุรีจำนวน 70 ล้านบาท ฯลฯ คนประเภทนี้หรือที่สมควรจะนั่งลงเจรจาด้วย เพราะถ้าไม่มีอะไรแอบแฝงแล้ว นักวิชาการอย่างพวกคุณก็ต้องออกมาร่วมกันขับไล่ให้พ้นไปด้วยถึงจะถูก
00 นี่ก็ไม่รู้ว่าเป็นด้วยสาเหตุความรู้สึกช้า หรือว่าหมดทางยื้อหรือเปล่าก็สุดจะเหลือเดา แต่อดแปลกใจไม่ได้กับความเคลื่อนไหวล่าสุดของ ผบ.ทบ. ที่เพิ่งหูตาตื่นออกคำสั่งขึงขังให้จัดการกับบุคคล เว็บไซต์ ใบปลิวที่จาบจ้วงดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูง เพราะเป็นถึง ผบ.ทบ.ที่สวมหมวกอีกใบในฐานะรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน มีหน่วยข่าวคอยสืบเสาะอยู่เต็มพื้นที่กลับเพิ่งรู้ว่ามีคนกล่าวจาบจ้วงสถาบันฯ ทั้งที่ชาวบ้านเขารู้เขาเห็นและส่งเสียงโวยวายจนเสียงแหบเสียงแห้ง แต่ก็เงียบมาตลอด และมักอ้างว่าต้องรักษาความเป็นกลาง ทหารไม่ยุ่งการเมือง หรือปล่อยให้แก้ปัญหาด้วยการเมือง แต่เอาเถอะจะรอดู “น้ำยา” ว่าจะเอาจริงอย่างปากว่าหรือเปล่า !!
00 คนพวกนี้มักประดิษฐ์ประดอยถ้อยคำสวยหรูฟังแล้วกินใจ แต่ถ้าพิจารณาให้ดีแล้วมันก็เป็นแค่กลางกลวงเท่านั้น แถมยังพาลน่าสงสัยอีกว่าในข้ออ้างความเป็นกลางมีเจตนาเอื้อประโยชน์ให้อีกฝ่ายหรือไม่
00 ถามว่าการปะทะหรือความรุนแรงใครมีเจตนายั่วยุ และถ้ากล่าวกันแบบตรงไปตรงมาแบบเลือกข้าง ก็ต้องยืนยันว่าการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอย่างต่อเนื่องนานกว่า 150 วันต้องนอนกลางดิน ตากแดด ตากฝน ไม่ได้ยกขบวนไปปะทะกับใคร ทุกครั้งไม่ว่าจะเดินทางไปยังหน่วยงานใดก็ดำเนินการด้วยความสงบ ขณะเดียวกันถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่าการชุมนุมของกลุ่ม “คนเสื้อแดง” ที่ปักหลักที่สนามหลวงหรือที่ไหนก็ตาม ก็ถือว่าเป็นการแสดงความคิดเห็น กลุ่มพันธมิตรฯไม่เคยไปขัดขวางต่อต้าน
00 ตรงกันข้าม “คนเสื้อแดง-รักทักษิณ” กลับมีเจตนาก่อความรุนแรง เคยยกขบวนพร้อมอาวุธมีดดาบโดยมี ส.ส.ของพรรคพลังประชาชนร่วมมาด้วย และมีเจตนาทำร้ายทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนไม่น้อย เพื่อสร้างสถานการณ์และนำไปสู่การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน จนถูกประณามไปทั่ว
00 ถ้าย้อนไปวันที่ 7 ตุลาคม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหากมองด้วยใจเป็นธรรมแล้วต้องไม่เรียกว่าการปะทะ แต่เป็นการทำร้าย ปราบปรามประชาชนของฝ่ายรัฐบาล ถือเป็นการจงใจฆ่ากันชัดๆ เพราะมีการใช้อาวุธระดมยิงทำร้ายประชาชนตั้งแต่เช้ายันดึก อย่างนี้ถ้าไม่เจตนาก็ไม่รู้จะเรียกอะไรแล้ว
00 และครั้งล่าสุดก็ยังมีการประกาศอีกว่าจะมาปิดล้อมพันธมิตรฯ โดยใช้กองกำลังติดอาวุธที่ไม่เปิดเผยอีก อย่างนี้ขอถามทั่นนักสันติวิธี “ขี้เท่อ” ทั้งหลายหน่อยว่า ใครกันแน่ที่ก่อความรุนแรง
00 ทีนี้มาว่ากันถึงการเจรจา ความสามัคคี ขอถามอีกว่า จะเจรจากับใคร เจรจากับพวกโจรที่มันสุมหัวกันปล้นชาติ เมื่อถูกเจ้าของบ้านจับได้แล้วโวยวาย เรียกร้องให้ช่วยกันจับโจรเข้าคุก แต่กลายเป็นว่า ให้ “ถอยคนละก้าว” หรือให้มาพูดจากัน มันจะบ้าหรือเปล่า (วะ)
00 คนพวกนี้ไม่รู้ว่าหูหนวกหรือตาบอด ทั้งที่ “ทักษิณ ชินวัตร” ออกแถลงการณ์ด่าศาลโครมๆว่ากลั่นแกล้ง ไม่ยุติธรรม แล้วก็มีกลุ่มคนเสื้อแดงทั้งมาในรูปแบบสารพัดชื่อไม่ว่า นปก. นปช. รักเชียงใหม่-อุดรฯ ฯลฯ ส่งเสียงเชียร์กันดังลั่น และในขณะเดียวกันคนพวกนี้ก็พูดจาจาบจ้วงหมิ่นสถาบันเบื้องสูงอย่างที่ไม่อาจยอมรับได้ นักวิชาการพวกนี้กลับไม่พูดถึง
00 ถามอีกว่า ยังจะเจรจากับรัฐบาลไร้ความชอบธรรม มาจากการโกงเลือกตั้งที่ กกต. มีมติให้ยุบพรรค รัฐบาลที่กระทำขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 190 กรณีออกมติรับรองแถลงการณ์ร่วมยกปราสาทพระวิหารให้เขมรขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเพียงฝ่ายเดียว หรือแม้แต่ตัวนายกรัฐมนตรีเองเมื่อครั้งเป็นปลัดกระทรวงยุติธรรมก็ได้ถูกป.ป.ช.ชี้มูลว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง กรณีไม่เรียกเก็บเงินค่าธรรมศาลธัญญบุรีจำนวน 70 ล้านบาท ฯลฯ คนประเภทนี้หรือที่สมควรจะนั่งลงเจรจาด้วย เพราะถ้าไม่มีอะไรแอบแฝงแล้ว นักวิชาการอย่างพวกคุณก็ต้องออกมาร่วมกันขับไล่ให้พ้นไปด้วยถึงจะถูก
00 นี่ก็ไม่รู้ว่าเป็นด้วยสาเหตุความรู้สึกช้า หรือว่าหมดทางยื้อหรือเปล่าก็สุดจะเหลือเดา แต่อดแปลกใจไม่ได้กับความเคลื่อนไหวล่าสุดของ ผบ.ทบ. ที่เพิ่งหูตาตื่นออกคำสั่งขึงขังให้จัดการกับบุคคล เว็บไซต์ ใบปลิวที่จาบจ้วงดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูง เพราะเป็นถึง ผบ.ทบ.ที่สวมหมวกอีกใบในฐานะรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน มีหน่วยข่าวคอยสืบเสาะอยู่เต็มพื้นที่กลับเพิ่งรู้ว่ามีคนกล่าวจาบจ้วงสถาบันฯ ทั้งที่ชาวบ้านเขารู้เขาเห็นและส่งเสียงโวยวายจนเสียงแหบเสียงแห้ง แต่ก็เงียบมาตลอด และมักอ้างว่าต้องรักษาความเป็นกลาง ทหารไม่ยุ่งการเมือง หรือปล่อยให้แก้ปัญหาด้วยการเมือง แต่เอาเถอะจะรอดู “น้ำยา” ว่าจะเอาจริงอย่างปากว่าหรือเปล่า !!