ผู้จัดการรายวัน – เกษรเจอพิษการเมือง-เศรษฐกิจกระหน่ำ ประกาศเลื่อนแผนก่อสร้างโปรเจ็คต์ใหญ่ออกไปก่อนเป็นปลายปีหน้า หวั่นภัยการเมืองถล่ม แต่ยืนยันยังเดินหน้าซื้อที่ดินเก็บไปต่อเนื่อง สนที่ดินงามบิ๊กซีราชดำริ ปฎิเสธโดนัลด์ ทรัมป์ร่วมหุ้น แค่รับเชิญให้ดูงานเท่านั้น
นายชาย ศรีวิกรม์ ในฐานะผู้บริหารศูนย์การค้าเกษร พลาซ่า เปิดเผยว่า จากปัญหาความวุ่นวายและความขัดแย้งทางการเมืองของประเทศไทย และปัญหาวิกฤติการเงินของสหรัฐอเมริกาที่ส่งผลกระทบทั่วโลก ทำให้บริษัทฯต้องพิจารณาทบทวนแผนการลงทุนโครงการใหม่ซึ่งมีมูลค่ามากอีกครั้ง ซึ่งแต่เดิมคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างช่วงปลายปี 2552 แต่คงจะรอเวลาที่เหมาะสมอีกครั้งในการลงทุน
นอกจากนี้บริษัทฯก็ยังมีความกังวลเรื่องการเมือง การควบคุมอัตราค่าเงินบาทของภาครัฐ ซึ่งมองว่าเป็นเรื่อที่สำคัญมาก เพราะประเทศไทยเคยประสบกับปัญหาวิกฤตทางด้านการเงินมาอย่างรุนแรงแล้วในปี 2540 ซึ่งภาวการณ์แบบนี้ก็กำลังเกิดขึ้นกับประเทศในย่านยุโรปเหมือนกัน
นายชายยืนยันว่า แม้โครงการใหม่จะชะลอการก่อสร้าง แต่ในแง่ของการลงทุนหาซื้อที่ดินนั้น ก็ยังดำเนินการต่อเนื่องยังไม่มีการะชะลอแต่อย่างใด โดยบริษัทฯยังให้ความสนใจและความสำคัญกับที่ดินบริเวณห้างบิ๊กซีราชดำริ เนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ ที่จะร่วมประมูลจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์อีกด้วย
สำหรับโครงการใหม่ของบริษัทฯที่ชะลอการก่อสร้างนั้น มีแผนจะสร้างเป็นโครงการค้าปลีกและที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ บนพื้นที่เดิมของห้างนารายณ์ภัณฑ์ ติดกับศูนย์การค้าเกษร ซึ่งจะสร้างเป็นอาคารสูงประมาณ 40 ชั้น พื้นที่ใช้สอยรวม 40,000 ตารางเมตร ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรื้อถอนอาคารเก่า
เนื่องจากว่าโครงการนี้เป็นโครงการแบบนิชมาร์เก็ต จึงต้องทบทวนแผนงานใหม่ เพราะอารมณ์การจับจ่ายของลูกค้าในโครงการนี้จะมีความแตกต่างกับเกษรพลาซ่า ซึ่งเรามีเป้าหมายว่าเมื่อโครงการใหม่นี้เสร็จจะทำให้ย่านราชประสงค์นี้เป็นเหมือนกับย่านเซ็นทรัลที่เกาฮ่องกง
นายชายกล่าวต่อว่า แม้ว่าจะทบทวนแผนใหม่ แต่ในส่วนตัวแล้วมองว่าปีหน้า ยังเป็นโอกาสที่ดี เพราะค่าก่อสร้างมีแนวโน้มที่จะต่ำลง เนื่องจากราคาวัสดุก่อสร้างต่างๆมีการปรับลดลงในช่วงนี้ โดยเฉพาะราคาเหล็กจากเดิมประมาณ 38 บาทต่อกิโลกรัมลดลงมาเหลือเพียง 16 บาทเท่านั้น
ส่วนการหาพันธมิตรที่จะมาร่วมลงทุนในโครงการใหม่นี้ บริษัทฯจะเปิดทางให้กับพันธมิตรเที่เป็นหุ้นส่วนอยู่คือ ฮ่องกงแลนด์ฯเป็นผู้พิจารณาก่อน ขณะที่มีกระแสข่าวว่า จะมีนักลงทุนรายใหญ่ด้านอสังหาริมทรัพย์จากอเมริกาคือ โดนัลด์ ทรัมป์ เข้าร่วมลงทุนด้วยนั้น ที่จริงแล้วบริษัทฯได้รับเชิญให้เข้าไปเยี่ยมชมโครงการอสังหาริมทรัพย์ของโดนัลด์เท่านั้น ยังไม่ได้มีการเจรจารายละเอียด
ปัจจุบันยอมรับว่า มีการเจรจากันกับกลุ่มนักลงทุนประมาณ 5 ราย ที่มาจากตะวันออกกลางเช่น ซาอุดิอาระเบีย โอมาน เป็นต้น ที่สนใจจะร่วมลงทุนโครงการใหม่นี้ คาดว่าในปลายปีนี้จะมีข้อสรุประดับหนึ่งได้
นายชายกล่าวให้ความเห็นถึงสถานการณ์เศรษฐกิจในขณะนี้ด้วยว่า ภาครัฐควรจะหามาตรการมากระตุ้นเศรษฐกิจหรือแม้แต่การที่รัฐบาลก็ควรเร่งการลงทุนโครงการขนาดใหญ่อย่างจริงจังและรีบดำเนินการให้เร็วที่สุด เพื่อสร้างความมั่นใจและทำให้มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ มากขึ้น รัฐบาลไม่ควรอยู่เฉยรอให้เกิดเหตุการณ์วิกฤติต่างๆเข้ามากระทบประเทศไทยก่อนแล้วจึงค่อยหาทางแก้ไข
นายชายยังได้กล่าวในฐานะนายกสมาคมผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ (RSTA) ด้วยว่า สมาคมฯเตรียมจัดกิจกรรมต้อนรับปีใหม่ หรืองานเคาน์ดาวน์อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังไม่มีแนวคิดที่จะปรับลดขนาดงานให้เล็กลงด้วย โดยอยู่ระหว่างการประเมินสถานการณ์ต่างๆว่าจะจัดรูปแบบใด โดยเน้นเรื่องความปลอดภัยให้มากที่สุด เช่น การติดตั้งกล้องวงจรปิดในย่านนั้นกว่า 100 จุด
นายชาย ศรีวิกรม์ ในฐานะผู้บริหารศูนย์การค้าเกษร พลาซ่า เปิดเผยว่า จากปัญหาความวุ่นวายและความขัดแย้งทางการเมืองของประเทศไทย และปัญหาวิกฤติการเงินของสหรัฐอเมริกาที่ส่งผลกระทบทั่วโลก ทำให้บริษัทฯต้องพิจารณาทบทวนแผนการลงทุนโครงการใหม่ซึ่งมีมูลค่ามากอีกครั้ง ซึ่งแต่เดิมคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างช่วงปลายปี 2552 แต่คงจะรอเวลาที่เหมาะสมอีกครั้งในการลงทุน
นอกจากนี้บริษัทฯก็ยังมีความกังวลเรื่องการเมือง การควบคุมอัตราค่าเงินบาทของภาครัฐ ซึ่งมองว่าเป็นเรื่อที่สำคัญมาก เพราะประเทศไทยเคยประสบกับปัญหาวิกฤตทางด้านการเงินมาอย่างรุนแรงแล้วในปี 2540 ซึ่งภาวการณ์แบบนี้ก็กำลังเกิดขึ้นกับประเทศในย่านยุโรปเหมือนกัน
นายชายยืนยันว่า แม้โครงการใหม่จะชะลอการก่อสร้าง แต่ในแง่ของการลงทุนหาซื้อที่ดินนั้น ก็ยังดำเนินการต่อเนื่องยังไม่มีการะชะลอแต่อย่างใด โดยบริษัทฯยังให้ความสนใจและความสำคัญกับที่ดินบริเวณห้างบิ๊กซีราชดำริ เนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ ที่จะร่วมประมูลจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์อีกด้วย
สำหรับโครงการใหม่ของบริษัทฯที่ชะลอการก่อสร้างนั้น มีแผนจะสร้างเป็นโครงการค้าปลีกและที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ บนพื้นที่เดิมของห้างนารายณ์ภัณฑ์ ติดกับศูนย์การค้าเกษร ซึ่งจะสร้างเป็นอาคารสูงประมาณ 40 ชั้น พื้นที่ใช้สอยรวม 40,000 ตารางเมตร ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรื้อถอนอาคารเก่า
เนื่องจากว่าโครงการนี้เป็นโครงการแบบนิชมาร์เก็ต จึงต้องทบทวนแผนงานใหม่ เพราะอารมณ์การจับจ่ายของลูกค้าในโครงการนี้จะมีความแตกต่างกับเกษรพลาซ่า ซึ่งเรามีเป้าหมายว่าเมื่อโครงการใหม่นี้เสร็จจะทำให้ย่านราชประสงค์นี้เป็นเหมือนกับย่านเซ็นทรัลที่เกาฮ่องกง
นายชายกล่าวต่อว่า แม้ว่าจะทบทวนแผนใหม่ แต่ในส่วนตัวแล้วมองว่าปีหน้า ยังเป็นโอกาสที่ดี เพราะค่าก่อสร้างมีแนวโน้มที่จะต่ำลง เนื่องจากราคาวัสดุก่อสร้างต่างๆมีการปรับลดลงในช่วงนี้ โดยเฉพาะราคาเหล็กจากเดิมประมาณ 38 บาทต่อกิโลกรัมลดลงมาเหลือเพียง 16 บาทเท่านั้น
ส่วนการหาพันธมิตรที่จะมาร่วมลงทุนในโครงการใหม่นี้ บริษัทฯจะเปิดทางให้กับพันธมิตรเที่เป็นหุ้นส่วนอยู่คือ ฮ่องกงแลนด์ฯเป็นผู้พิจารณาก่อน ขณะที่มีกระแสข่าวว่า จะมีนักลงทุนรายใหญ่ด้านอสังหาริมทรัพย์จากอเมริกาคือ โดนัลด์ ทรัมป์ เข้าร่วมลงทุนด้วยนั้น ที่จริงแล้วบริษัทฯได้รับเชิญให้เข้าไปเยี่ยมชมโครงการอสังหาริมทรัพย์ของโดนัลด์เท่านั้น ยังไม่ได้มีการเจรจารายละเอียด
ปัจจุบันยอมรับว่า มีการเจรจากันกับกลุ่มนักลงทุนประมาณ 5 ราย ที่มาจากตะวันออกกลางเช่น ซาอุดิอาระเบีย โอมาน เป็นต้น ที่สนใจจะร่วมลงทุนโครงการใหม่นี้ คาดว่าในปลายปีนี้จะมีข้อสรุประดับหนึ่งได้
นายชายกล่าวให้ความเห็นถึงสถานการณ์เศรษฐกิจในขณะนี้ด้วยว่า ภาครัฐควรจะหามาตรการมากระตุ้นเศรษฐกิจหรือแม้แต่การที่รัฐบาลก็ควรเร่งการลงทุนโครงการขนาดใหญ่อย่างจริงจังและรีบดำเนินการให้เร็วที่สุด เพื่อสร้างความมั่นใจและทำให้มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ มากขึ้น รัฐบาลไม่ควรอยู่เฉยรอให้เกิดเหตุการณ์วิกฤติต่างๆเข้ามากระทบประเทศไทยก่อนแล้วจึงค่อยหาทางแก้ไข
นายชายยังได้กล่าวในฐานะนายกสมาคมผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ (RSTA) ด้วยว่า สมาคมฯเตรียมจัดกิจกรรมต้อนรับปีใหม่ หรืองานเคาน์ดาวน์อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังไม่มีแนวคิดที่จะปรับลดขนาดงานให้เล็กลงด้วย โดยอยู่ระหว่างการประเมินสถานการณ์ต่างๆว่าจะจัดรูปแบบใด โดยเน้นเรื่องความปลอดภัยให้มากที่สุด เช่น การติดตั้งกล้องวงจรปิดในย่านนั้นกว่า 100 จุด