ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 07.30 น. วานนี้ (23ต.ค.) นายสมชาย วงศ์สวัดิ์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีวางพวง มาลาถวายราชสักการะพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าอยู่หัว ณ พระบรมราชานุสรณ์ ลานพระราชวังดุสิต (ลานพระบรมรูปทรงม้า) เนื่องในวันปิยะมหาราช พร้อมด้วยรัฐมนตรีต่างๆ และผู้บัญชาการเหล่าทัพ
นายสมชาย ให้สัมภาษณ์หลังเสร็จพิธีถึงการเตรียมข้อมูลในการ เดินทางไป ประชุมสุดยอดผู้นำเอเชีย-ยุโรป หรืออาเซม ที่สาธารณรัฐประชาชนจีนว่า มีการเตรียมข้อมูลหลายด้านเพราะเป็นการประชุมทวิภาคีอย่างต่ำ 6 ประเทศ ซึ่งกระทรวงต่างประเทศบอกว่าตนเดินทางไปจีนครั้งนี้จะไม่ได้เห็นประเทศจีนเลยคงจะอยู่ประชุมแต่ในโรแงรมและกลับทันที เพราะต้องทำงานให้คุ้มค่ากับเวลา
ส่วนข้อมูลที่เตรียมนำไปหารือกับสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชานั้น นายสมชาย กล่าวว่า จริงๆ แล้วเราจะไปยืนยันหลักทั่วๆ ไปว่าเราเป็นประเทศใกล้ชิดกันยังไงเราก็แยกจากกันไม่ได้ เราจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันโดยมิตรภาพ แล้วก็ถ้าเกิด ปัญหาขึ้นเราจะแก้ไขโดยวิธีการที่สันติ โดยอย่างแรกคือจะต้องเจรจากันต้องพูดจากันหารือกัน เหตุกระทบกระทั่งถ้าหากมีขึ้นต้องพยายามดำเนินการให้สงบเรียบร้อย ให้เร็วที่สุด และนำไปสู่เวทีการเจรจา ซึ่งท่านก็เห็นด้วยว่าเราควรจะคุยทวีภาคี เราจะไม่ยกเรื่องนี้ไปสู่เวทีอื่น เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่เราจะตกลงกันเอง
ผู้สื่อข่าวถามว่าใครจะติดตามสถานการณ์ในช่วงที่นายกรัฐมนตรีไม่อยู่ นายสมชาย กล่าวว่า ก็มีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่ต้องทำงานตามปกติ
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผ้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวนายกรัฐมนตรีควรใช้โอกาสที่พบและหารือกับสมเด็จฮุนเซนยืนยันว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นจะต้องแก้ด้วยการเจรจาแบบทวิภาคี ภายใต้กรอบความตกลงและบันทึกความเข้าใจระหว่าง 2 ประเทศ ไม่จำเป็นต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ ลุกลามไปในเวทีนานาชาติ เพราะในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน เรามีความร่วมมือที่ดีอยู่แล้ว หากสามารถเจรจากันได้ ก็จะเป็นโอกาสดี ที่จะพัฒนาร่วมกันต่อไป
พล.ท. คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวว่าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 1 ที่กองกำลังบูรพาดูแลเรียบร้อยดี เพราะเรามีความสัมพันธ์อันดีต่อกันทั้งทางทหารการค้าสังคม
ส่วนกรณีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นห่วงเกี่ยวกับทหารพราน ในพื้นที่แนวหน้านั้น แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวว่า กองกำลังบูรพารับผิดชอบกรมทหารพราน ที่ 12-13 กองทัพภาคที่ 1 ดูแลเป็นอย่างดี เพราะตนก็เติบโตจากที่นั้น ส่วนครอบครัวของทหารพรานนั้นเรามีสวัสดิการให้ครอบครัว สิ่งตอบแทนกับครอบครัวเขา
ผมก็หวังอยากจะให้ปัญหามันยุติ แต่การเจรจาจะออกมาในรูปแบบไหน ผมไม่ทราบ อย่างไรก็ตามในการประชุม RBC ของกองทัพภาคที่ 1 ครั้งต่อไปน่าจะเป็นไปในทางที่สร้างสรรค์ ส่วนการที่กองกำลังกัมพูชาเคลื่อนกำลังมาประชิดชายแดนนั้น ในส่วนกองทัพภาคที่ 1 ก็มีการเตรียมแผนต่างๆ รองรับ เรามีการลาดตระเวนรวมกันมา 3 ปี แล้ว ไม่มีปัญหาอะไร ทั้งนี้ในทางทหารถ้าคิดจะทำอะไรก็ต้องได้เปรียบและมีศักยภาพ ส่วนรูปแบบคงจะบอกไม่ได้ว่าจะเป็นแบบไหน
นายสมชาย ให้สัมภาษณ์หลังเสร็จพิธีถึงการเตรียมข้อมูลในการ เดินทางไป ประชุมสุดยอดผู้นำเอเชีย-ยุโรป หรืออาเซม ที่สาธารณรัฐประชาชนจีนว่า มีการเตรียมข้อมูลหลายด้านเพราะเป็นการประชุมทวิภาคีอย่างต่ำ 6 ประเทศ ซึ่งกระทรวงต่างประเทศบอกว่าตนเดินทางไปจีนครั้งนี้จะไม่ได้เห็นประเทศจีนเลยคงจะอยู่ประชุมแต่ในโรแงรมและกลับทันที เพราะต้องทำงานให้คุ้มค่ากับเวลา
ส่วนข้อมูลที่เตรียมนำไปหารือกับสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชานั้น นายสมชาย กล่าวว่า จริงๆ แล้วเราจะไปยืนยันหลักทั่วๆ ไปว่าเราเป็นประเทศใกล้ชิดกันยังไงเราก็แยกจากกันไม่ได้ เราจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันโดยมิตรภาพ แล้วก็ถ้าเกิด ปัญหาขึ้นเราจะแก้ไขโดยวิธีการที่สันติ โดยอย่างแรกคือจะต้องเจรจากันต้องพูดจากันหารือกัน เหตุกระทบกระทั่งถ้าหากมีขึ้นต้องพยายามดำเนินการให้สงบเรียบร้อย ให้เร็วที่สุด และนำไปสู่เวทีการเจรจา ซึ่งท่านก็เห็นด้วยว่าเราควรจะคุยทวีภาคี เราจะไม่ยกเรื่องนี้ไปสู่เวทีอื่น เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่เราจะตกลงกันเอง
ผู้สื่อข่าวถามว่าใครจะติดตามสถานการณ์ในช่วงที่นายกรัฐมนตรีไม่อยู่ นายสมชาย กล่าวว่า ก็มีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่ต้องทำงานตามปกติ
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผ้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวนายกรัฐมนตรีควรใช้โอกาสที่พบและหารือกับสมเด็จฮุนเซนยืนยันว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นจะต้องแก้ด้วยการเจรจาแบบทวิภาคี ภายใต้กรอบความตกลงและบันทึกความเข้าใจระหว่าง 2 ประเทศ ไม่จำเป็นต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ ลุกลามไปในเวทีนานาชาติ เพราะในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน เรามีความร่วมมือที่ดีอยู่แล้ว หากสามารถเจรจากันได้ ก็จะเป็นโอกาสดี ที่จะพัฒนาร่วมกันต่อไป
พล.ท. คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวว่าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 1 ที่กองกำลังบูรพาดูแลเรียบร้อยดี เพราะเรามีความสัมพันธ์อันดีต่อกันทั้งทางทหารการค้าสังคม
ส่วนกรณีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นห่วงเกี่ยวกับทหารพราน ในพื้นที่แนวหน้านั้น แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวว่า กองกำลังบูรพารับผิดชอบกรมทหารพราน ที่ 12-13 กองทัพภาคที่ 1 ดูแลเป็นอย่างดี เพราะตนก็เติบโตจากที่นั้น ส่วนครอบครัวของทหารพรานนั้นเรามีสวัสดิการให้ครอบครัว สิ่งตอบแทนกับครอบครัวเขา
ผมก็หวังอยากจะให้ปัญหามันยุติ แต่การเจรจาจะออกมาในรูปแบบไหน ผมไม่ทราบ อย่างไรก็ตามในการประชุม RBC ของกองทัพภาคที่ 1 ครั้งต่อไปน่าจะเป็นไปในทางที่สร้างสรรค์ ส่วนการที่กองกำลังกัมพูชาเคลื่อนกำลังมาประชิดชายแดนนั้น ในส่วนกองทัพภาคที่ 1 ก็มีการเตรียมแผนต่างๆ รองรับ เรามีการลาดตระเวนรวมกันมา 3 ปี แล้ว ไม่มีปัญหาอะไร ทั้งนี้ในทางทหารถ้าคิดจะทำอะไรก็ต้องได้เปรียบและมีศักยภาพ ส่วนรูปแบบคงจะบอกไม่ได้ว่าจะเป็นแบบไหน
