ผู้จัดการรายวัน-รัฐ-เอกชน จับมือทำแผนแม่บทส่งเสริมและพัฒนาค้าปลีกไทย หลังตลาดสด-โชห่วยเดี้ยง เพราะค้าปลีกสมัยใหม่ คาดแล้วเสร็จเดือนพ.ย.นี้ ก่อนนำเสนอ “ไชยา” ดันเข้าครม. พร้อมวอนการเมืองหยิบไปใช้ อย่าปล่อยให้โชห่วย-ตลาดสดหายหมู่
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการศึกษาการส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง ภายใต้คณะกรรมการศึกษาปัญหาค้าปลีก ที่ตั้งขึ้นตามนโยบายนายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.พาณิชย์ว่า ที่ประชุมอยู่ระหว่างการจัดทำแผนแม่บทในการส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจค้าปลีกของไทย ซึ่งจะเป็นแผนสำหรับระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว โดยเฉพาะในกลุ่มค้าปลีกดั้งเดิม (โชห่วย) และตลาดสด ที่ได้รับผลกระทบจากการขยายสาขาของห้างค้าปลีกสมัยใหม่ ที่มีสัดส่วนในระบบการค้าส่งค้าปลีกไทยเกิน 50% ขณะที่กลุ่มค้าปลีกทั่วไปที่ขายสินค้าเฉพาะ เช่น ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า ร้านแว่นตา แม้จะได้รับผลกระทบน้อย แต่ก็จำเป็นต้องส่งเสริมและพัฒนาเช่นกัน คาดว่า จะจัดทำแล้วเสร็จภายในเดือนพ.ย.นี้
“ที่ประชุม ซึ่งมีทั้งห้างค้าปลีกสมัยใหม่ โชห่วย และหน่วยงานรัฐ ยอมรับว่า กลุ่มโชห่วย และตลาดสด ได้รับผลกระทบอย่างมากจากการขยายสาขาของห้างค้าปลีกสมัยใหม่ อีกทั้งยังเป็นกลุ่มที่มีปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงิน ขาดองค์ความรู้ในการบริหารจัดการ มีปัญหาด้านการตลาด จากการที่ผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการซื้อ หันไปซื้อของในห้างค้าปลีกสมัยใหม่มากขึ้น และยังมีปัญหาด้านต้นทุนสูงที่กว่าห้างค้าปลีก ดังนั้น จึงจำเป็นที่รัฐต้องให้การส่งเสริม และพัฒนา เพื่อให้สามารถแข่งขันกับห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ได้”
ทั้งนี้ ในด้านการตลาดนั้น จะกระตุ้นให้พฤติกรรมผู้บริโภคกลับมา โดยขอความร่วมมือกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ให้ขอความร่วมมือไปยังองค์การบริหารการปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมมือโชห่วย และตลาดสด จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ เพื่อเรียกลูกค้า ส่วนปัญหาสภาพคล่องนั้น จะหาแนวทางให้สถาบันการเงินช่วยเหลือ เช่น ปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ขณะที่ด้านองค์ความรู้นั้น จะขอความร่วมมือกรมพัฒนาธุรกิจการค้า สำนักส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม (สสว.) จัดการฝึกอบรมในด้านต่างๆ มากขึ้น และด้านต้นทุนนั้น รัฐบาลอาจช่วยเหลือด้วยการลดภาษีต่างๆ ให้ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ได้มอบหมายให้กรมการค้าภายในรวบรวมข้อเท็จจริงถึงปัญหาที่กำลังเกิดขึ้น และตัวเลขความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง เพื่อนำมากำหนดแนวทางในการช่วยเหลือและส่งเสริมระยะสั้น กลาง และยาว โดยจะมีการหารืออีกครั้งกลางเดือนพ.ย.นี้ ก่อนเสนอคณะกรรมการศึกษาธุรกิจค้าปลีกชุดใหญ่ ที่มีนายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เป็นประธาน พิจารณาก่อนนำเสนอขอความเห็นชอบจากรมว.พาณิชย์ และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป คาดว่า ประกอบการพิจารณาและกำหนดแนวทางการดูแลค้าปลีกทั้งระบบ และเสนอขอความเห็นชอบต่อนายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.พาณิชย์ และที่ประชุมครม.ภายในเดือนพฤศจิกายน2551
“แผนแม่บทจะเป็นแนวทางที่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง ตามเจตนารมณ์ที่ต้องการช่วยเหลือธุรกิจค้าปลีกดั้งเดิม โดยไม่ต้องรอการออกกฎหมายค้าปลีก และเป็นการสะท้อนความเป็นจริงที่ต้องการให้ดูแล ซึ่งการค้าปลีกเป็นเส้นเลือดหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจไทย หากรัฐไม่ดูแล และปล่อยให้ปัญหายืดเยื้อจะกระทบต่อเศรษฐกิจ การจ้างงาน ส่งผลกระทบต่อสังคม และการเมืองได้ในที่สุด” นายธนวรรธน์กล่าว
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการศึกษาการส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง ภายใต้คณะกรรมการศึกษาปัญหาค้าปลีก ที่ตั้งขึ้นตามนโยบายนายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.พาณิชย์ว่า ที่ประชุมอยู่ระหว่างการจัดทำแผนแม่บทในการส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจค้าปลีกของไทย ซึ่งจะเป็นแผนสำหรับระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว โดยเฉพาะในกลุ่มค้าปลีกดั้งเดิม (โชห่วย) และตลาดสด ที่ได้รับผลกระทบจากการขยายสาขาของห้างค้าปลีกสมัยใหม่ ที่มีสัดส่วนในระบบการค้าส่งค้าปลีกไทยเกิน 50% ขณะที่กลุ่มค้าปลีกทั่วไปที่ขายสินค้าเฉพาะ เช่น ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า ร้านแว่นตา แม้จะได้รับผลกระทบน้อย แต่ก็จำเป็นต้องส่งเสริมและพัฒนาเช่นกัน คาดว่า จะจัดทำแล้วเสร็จภายในเดือนพ.ย.นี้
“ที่ประชุม ซึ่งมีทั้งห้างค้าปลีกสมัยใหม่ โชห่วย และหน่วยงานรัฐ ยอมรับว่า กลุ่มโชห่วย และตลาดสด ได้รับผลกระทบอย่างมากจากการขยายสาขาของห้างค้าปลีกสมัยใหม่ อีกทั้งยังเป็นกลุ่มที่มีปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงิน ขาดองค์ความรู้ในการบริหารจัดการ มีปัญหาด้านการตลาด จากการที่ผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการซื้อ หันไปซื้อของในห้างค้าปลีกสมัยใหม่มากขึ้น และยังมีปัญหาด้านต้นทุนสูงที่กว่าห้างค้าปลีก ดังนั้น จึงจำเป็นที่รัฐต้องให้การส่งเสริม และพัฒนา เพื่อให้สามารถแข่งขันกับห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ได้”
ทั้งนี้ ในด้านการตลาดนั้น จะกระตุ้นให้พฤติกรรมผู้บริโภคกลับมา โดยขอความร่วมมือกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ให้ขอความร่วมมือไปยังองค์การบริหารการปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมมือโชห่วย และตลาดสด จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ เพื่อเรียกลูกค้า ส่วนปัญหาสภาพคล่องนั้น จะหาแนวทางให้สถาบันการเงินช่วยเหลือ เช่น ปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ขณะที่ด้านองค์ความรู้นั้น จะขอความร่วมมือกรมพัฒนาธุรกิจการค้า สำนักส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม (สสว.) จัดการฝึกอบรมในด้านต่างๆ มากขึ้น และด้านต้นทุนนั้น รัฐบาลอาจช่วยเหลือด้วยการลดภาษีต่างๆ ให้ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ได้มอบหมายให้กรมการค้าภายในรวบรวมข้อเท็จจริงถึงปัญหาที่กำลังเกิดขึ้น และตัวเลขความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง เพื่อนำมากำหนดแนวทางในการช่วยเหลือและส่งเสริมระยะสั้น กลาง และยาว โดยจะมีการหารืออีกครั้งกลางเดือนพ.ย.นี้ ก่อนเสนอคณะกรรมการศึกษาธุรกิจค้าปลีกชุดใหญ่ ที่มีนายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เป็นประธาน พิจารณาก่อนนำเสนอขอความเห็นชอบจากรมว.พาณิชย์ และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป คาดว่า ประกอบการพิจารณาและกำหนดแนวทางการดูแลค้าปลีกทั้งระบบ และเสนอขอความเห็นชอบต่อนายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.พาณิชย์ และที่ประชุมครม.ภายในเดือนพฤศจิกายน2551
“แผนแม่บทจะเป็นแนวทางที่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง ตามเจตนารมณ์ที่ต้องการช่วยเหลือธุรกิจค้าปลีกดั้งเดิม โดยไม่ต้องรอการออกกฎหมายค้าปลีก และเป็นการสะท้อนความเป็นจริงที่ต้องการให้ดูแล ซึ่งการค้าปลีกเป็นเส้นเลือดหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจไทย หากรัฐไม่ดูแล และปล่อยให้ปัญหายืดเยื้อจะกระทบต่อเศรษฐกิจ การจ้างงาน ส่งผลกระทบต่อสังคม และการเมืองได้ในที่สุด” นายธนวรรธน์กล่าว
