ผู้จัดการรายวัน- พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินในพิธียกยอดสัปตปฎลเศวตฉัตรพระเมรุวันนี้ สมเด็จพระเทพฯทรงเป็นองค์ประธานในพิธีบูชาครูด้านดนตรี และนาฏศิลป์ แก่ผู้ร่วมบรรเลงประโคม และการแสดงมหรสพสมโภช ด้านเหล่าทัพร่วมซ้อมกระบวนพระอิสริยยศ ในงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ครั้งที่ 2 อย่างตระการตาท่ามกลางสายฝนตกหนัก กระทั่งเชิญพระโกศ ฝนจึงหยุดท้องฟ้าเปิดให้แสงสว่าง พระราชครูวามเทพมุนีชี้เป็นสิริมงคล
วานนี้(19 ต.ค.) เมื่อเวลา 07.00 น. ได้มีการซ้อมกระบวนพระอิสริยยศ ในงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ซึ่งเป็นการซ้อมเหมือนจริงครั้งที่ 2 โดยการซ้อมเริ่มต้นจากภายในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง มี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก นายวัชรกิติ วัชโรทัย กรมวังผู้ใหญ่ และ ร.อ.จิทัศ ศรสงคราม พระนัดดาในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ร่วมนำขบวน
ทั้งนี้ การซ้อมแบ่งเป็นช่วงเช้า ซ้อม 3 ริ้วขบวน ได้แก่ ริ้วขบวนแรกอัญเชิญพระโกศโดยพระยานมาศสามลำคานจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ไปยังพระมหาพิชัยราชรถ หน้าวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ใช้เส้นทางออกจากประตูศรีสุนทร ประตูเทวาภิรมย์ เคลื่อนไปตามถนนมหาราช ถนนท้ายวัง และถนนสนามชัย
ริ้วขบวนที่สอง เชิญพระโกศโดยพระมหาพิชัยราชรถ จากหน้าวัดพระเชตุพนฯ ไปยังพระเมรุ เส้นทางจากหน้าวัดพระเชตุพนฯ ผ่านถนนสนามชัย ถนนราชดำเนินใน เข้าถนนกลางท้องสนามหลวง และริ้วขบวนที่สาม เชิญพระโกศโดยพระยานมาศสามลำคาน เวียนรอบพระเมรุโดยอุตราวัฎ (เวียนซ้าย) ครบ 3 รอบ แล้วเชิญพระโกศ ประดิษฐานบนพระเมรุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การซ้อมในช่วงเช้า เป็นการซ้อมท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก จนกระทั่งเวลา 09.00 น. ฝนจึงเริ่มหยุดตกท้องฟ้าเปิดสว่าง ซึ่งเป็นช่วงที่เริ่มซ้อมเคลื่อนพระมหาพิชัยราชรถอัญเชิญพระโกศไปยังพระเมรุ โดยมีประชาชนให้ความสนใจเฝ้าการซ้อมและถ่ายภาพเป็นที่ระลึกจำนวนมาก โดยการซ้อมเคลื่อนริ้วขบวนช่วงเช้า ที่เริ่มตั้งแต่เวลา 07.00 น. ท่ามกลางสายฝนนั้น ได้เสร็จสิ้นลงเมื่อเวลา 11.30 น.
จากนั้นในเวลา 14.00 น. มีการซ้อมในภาคบ่ายอีก 2 ริ้วขบวน ได้แก่ ริ้วขบวนที่สี่ อัญเชิญพระโกศ พระอัฐิ โดยพระที่นั่งราเชนทรยาน และเชิญพระสรีรางคารโดยพระวอสีวิกากาญจน์ เส้นทางจากถนนกลางท้องสนามหลวง ถนนราชดำเนินใน ถนนหน้าพระลาน เข้าประตูวิเศษไชยศรี พระบรมมหาราชวังริ้วขบวนที่ห้า อัญเชิญพระโกศ พระอัฐิ โดยพระที่นั่งราเชนทรยาน เส้นทางจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ไปยังพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท
จากนั้นในวันที่ 2 พ.ย.นี้ จะมีการซ้อมใหญ่ทุกริ้วขบวน โดยแต่งกายเหมือนวันจริงทุกประการ และมีพระบรมวงศ์เสด็จพระราชดำเนินด้วย
พระราชครูวามเทพมุนี หัวหน้าพราหมณ์ เทวสถานโบสถ์พราหมณ์ เปิดเผยว่า ในช่วงเช้าที่มีฝนตก และหยุดตกขณะที่ถึงขั้นตอนการอัญเชิญพระโกศ ท้องฟ้าให้แสงสว่าง ซึ่งถือเป็นสิริมงคลตามปณิธานของทุกคนที่ตั้งใจไว้ และแม้จะมีฝนตกอย่างหนักก็ไม่เป็นอุปสรรค และการซ้อมสำเร็จได้ด้วยดี
ทั้งนี้ ในวันนี้ (20 ต.ค.) มีหมายกำหนดการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จพระราชดำเนินในพิธียกยอดสัปตปฎลเศวตฉัตรพระเมรุ ซึ่งในช่วงเช้าคณะพราหมณ์จะประกอบพิธีบวงสรวง บอกกล่าวครูบาอาจารย์ องค์เทพเทวา และไหว้ครูช่าง เพื่อขอให้องค์เทพเทวาประทานพรให้งานเป็นไปอย่างราบรื่น
**พระเทพฯ เป็นประธานพิธีบูชาครู
วันเดียวกัน เวลา 9.30 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นองค์ประธานในพิธีบูชาครูด้านดนตรี และนาฏศิลป์ แก่ผู้ร่วมบรรเลงประโคม และการแสดงมหรสพสมโภชในพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ
สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนากรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ณ หอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมีนายเกรียงไกร สัมปัชชลิต อธิบดีกรมศิลปากร ศ.นพ.ภิรมย์ กมลรัตนกุล อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เฝ้ารับเสด็จ ซึ่งภายใน
พิธีมีเหล่าศิลปิน นักเรียน นักศึกษา ที่จะแสดงในวันงานพระราชพิธีเข้าร่วมบูชาครูประมาณ 500 คน
จากนั้นสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จมายังภายในหอประชุมจุฬาฯ ทรงจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย วงดนตรีไทยบรรเลงเพลงสาธุการ ทรงกราบ และเสด็จฯไปทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายสักการะ พระรูปสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ทรงกราบ จากนั้นทรงจุดธูปเทียนท้ายที่นั่งบูชาครู ทรงสุหร่าย ทรงโปรยข้าวตอกดอกไม้ที่เครื่องดนตรีไทย ทรงวางพวงมาลัยที่หน้าตะโพนเสด็จฯไปยังโต๊ะเครื่องสังเวย ทรงจุดธูปหางปักที่เครื่องสังเวย เสร็จแล้วประทับพระราชอาสน์ นายเกรียงไกร กราบบังคมทูลถวายรายงานและขอพระราชทานพระราชานุญาตเบิกดร.สิริชัยชาญ ฟักจำรูญ ผู้ประกอบพิธีบูชาครู ต่อมาผู้ประกอบพิธีบูชาครู เพิ่มพิธีบูชาครู โดยใช้ระยะเวลากว่า 1 ชั่วโมง จึงเสร็จพิธีบูชาครูเพื่อขอความเป็นสิริมงคลในการแสดงมหรสพสมโภชในครั้งนี้
เมื่อเสร็จพิธี สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ทรงกราบพระรัตนตรัย พระรูปสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ และโต๊ะบูชาครู จึงเสด็จพระราชดำเนินกลับ
ดร.สิริชัยชาญ กล่าวว่า การประกอบพิธีในครั้งนี้ เพื่อเป็นการบูชาครู และขอพรจากบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้าทุกพระองค์ขอให้เกิดความเป็นสิริมงคลแก่ผู้แสดงในงานมหรสพ และขอให้การดำเนินงานสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ซึ่งเป็นไปตามโบราณราชประเพณี ทั้งนี้พิธีบูชาครูดนครี นาฏศิลป์ เป็นพิธีที่สำคัญมากของศิลปินที่สืบทอดมาตั้งแต่โบราณ แสดงถึงความกตัญญูของศิษย์ที่มีต่อครู ในขณะเดียวกันก็เชื่อกันว่านอกจากมีครูที่เป็นมนุษย์แล้วยังมีครูที่เป็นเทพเจ้าซึ่งเป็นผู้ให้กำเนิดสรรพวิชาการ เช่น พระอิศวร พระนารายณ์ พระพรหม เป็นต้น ดังนั้นพิธีบูชาครูจึงมีความสำคัญและได้รับการสืบทอดมาหลายชั่วอายุคน
"สมเด็จพระเทพฯทรงมีพระราชดำริให้จัดมหรสพถวายสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ พระองค์ทรงแนะนำให้เหล่าศิลปิน นักแสดง ของกรมศิลปากร ค้นคว้าตำราวิชาการต่างๆ เพื่อศึกษาการจัดพิธีมหรสพ เพราะนักแสดงต้องใช้เวลามากกว่า 11-12 ชั่วโมงในการแสดงทำให้กรมศิลปากร ได้ค้นพบตำราดนตรีไทยของครูที่ได้มีการบันทึกไว้เป็นโน้ตสากล ตั้งแต่ปี 2479 เพื่อนำมาใช้บรรเลงในพิธีมหรสพดังกล่าว ซึ่งนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระองค์ได้ได้ทรงแนะนำต่อเหล่านักแสดงมาโดยตลอด"ดร.สิริชัยชาญ กล่าว
ด้านนายเกรียงไกร กล่าวว่า ผู้ที่มาเข้าเฝ้าฯต่างปราบปลื้ม และสำนึกในพระกรุณาธิคุณที่พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินมาเป็นองค์ประธานในพิธีบูชาครู ก่อนการแสดงมหรสพสมโภชในงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ซึ่งพิธีบูชาครู จะทำให้ศิษย์ได้แสดงถึงความกตัญญู ที่ได้ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ให้ จะทำให้เกิดความสิริมงคลในการทำงาน และขอให้การจัดมหรสพครั้งนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่จะเริ่มพิธีในเวลา 9.30 น. ฝนได้โปรยปรายมาอย่างหนักอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อถึงเวลาที่สมเด็จพระเทพฯ ได้เสด็จพระราชดำเนินมาถึงยังหอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเริ่มพิธีบูชาครู ฝนได้หยุดตกท้องฟ้าเปิดแจ่มใส มีแสงแดดรำไรอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้เข้าร่วมพิธีในหอประชุมวิพากษ์วิจารณ์ถึงความอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น
วานนี้(19 ต.ค.) เมื่อเวลา 07.00 น. ได้มีการซ้อมกระบวนพระอิสริยยศ ในงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ซึ่งเป็นการซ้อมเหมือนจริงครั้งที่ 2 โดยการซ้อมเริ่มต้นจากภายในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง มี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก นายวัชรกิติ วัชโรทัย กรมวังผู้ใหญ่ และ ร.อ.จิทัศ ศรสงคราม พระนัดดาในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ร่วมนำขบวน
ทั้งนี้ การซ้อมแบ่งเป็นช่วงเช้า ซ้อม 3 ริ้วขบวน ได้แก่ ริ้วขบวนแรกอัญเชิญพระโกศโดยพระยานมาศสามลำคานจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ไปยังพระมหาพิชัยราชรถ หน้าวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ใช้เส้นทางออกจากประตูศรีสุนทร ประตูเทวาภิรมย์ เคลื่อนไปตามถนนมหาราช ถนนท้ายวัง และถนนสนามชัย
ริ้วขบวนที่สอง เชิญพระโกศโดยพระมหาพิชัยราชรถ จากหน้าวัดพระเชตุพนฯ ไปยังพระเมรุ เส้นทางจากหน้าวัดพระเชตุพนฯ ผ่านถนนสนามชัย ถนนราชดำเนินใน เข้าถนนกลางท้องสนามหลวง และริ้วขบวนที่สาม เชิญพระโกศโดยพระยานมาศสามลำคาน เวียนรอบพระเมรุโดยอุตราวัฎ (เวียนซ้าย) ครบ 3 รอบ แล้วเชิญพระโกศ ประดิษฐานบนพระเมรุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การซ้อมในช่วงเช้า เป็นการซ้อมท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก จนกระทั่งเวลา 09.00 น. ฝนจึงเริ่มหยุดตกท้องฟ้าเปิดสว่าง ซึ่งเป็นช่วงที่เริ่มซ้อมเคลื่อนพระมหาพิชัยราชรถอัญเชิญพระโกศไปยังพระเมรุ โดยมีประชาชนให้ความสนใจเฝ้าการซ้อมและถ่ายภาพเป็นที่ระลึกจำนวนมาก โดยการซ้อมเคลื่อนริ้วขบวนช่วงเช้า ที่เริ่มตั้งแต่เวลา 07.00 น. ท่ามกลางสายฝนนั้น ได้เสร็จสิ้นลงเมื่อเวลา 11.30 น.
จากนั้นในเวลา 14.00 น. มีการซ้อมในภาคบ่ายอีก 2 ริ้วขบวน ได้แก่ ริ้วขบวนที่สี่ อัญเชิญพระโกศ พระอัฐิ โดยพระที่นั่งราเชนทรยาน และเชิญพระสรีรางคารโดยพระวอสีวิกากาญจน์ เส้นทางจากถนนกลางท้องสนามหลวง ถนนราชดำเนินใน ถนนหน้าพระลาน เข้าประตูวิเศษไชยศรี พระบรมมหาราชวังริ้วขบวนที่ห้า อัญเชิญพระโกศ พระอัฐิ โดยพระที่นั่งราเชนทรยาน เส้นทางจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ไปยังพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท
จากนั้นในวันที่ 2 พ.ย.นี้ จะมีการซ้อมใหญ่ทุกริ้วขบวน โดยแต่งกายเหมือนวันจริงทุกประการ และมีพระบรมวงศ์เสด็จพระราชดำเนินด้วย
พระราชครูวามเทพมุนี หัวหน้าพราหมณ์ เทวสถานโบสถ์พราหมณ์ เปิดเผยว่า ในช่วงเช้าที่มีฝนตก และหยุดตกขณะที่ถึงขั้นตอนการอัญเชิญพระโกศ ท้องฟ้าให้แสงสว่าง ซึ่งถือเป็นสิริมงคลตามปณิธานของทุกคนที่ตั้งใจไว้ และแม้จะมีฝนตกอย่างหนักก็ไม่เป็นอุปสรรค และการซ้อมสำเร็จได้ด้วยดี
ทั้งนี้ ในวันนี้ (20 ต.ค.) มีหมายกำหนดการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จพระราชดำเนินในพิธียกยอดสัปตปฎลเศวตฉัตรพระเมรุ ซึ่งในช่วงเช้าคณะพราหมณ์จะประกอบพิธีบวงสรวง บอกกล่าวครูบาอาจารย์ องค์เทพเทวา และไหว้ครูช่าง เพื่อขอให้องค์เทพเทวาประทานพรให้งานเป็นไปอย่างราบรื่น
**พระเทพฯ เป็นประธานพิธีบูชาครู
วันเดียวกัน เวลา 9.30 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นองค์ประธานในพิธีบูชาครูด้านดนตรี และนาฏศิลป์ แก่ผู้ร่วมบรรเลงประโคม และการแสดงมหรสพสมโภชในพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ
สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนากรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ณ หอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมีนายเกรียงไกร สัมปัชชลิต อธิบดีกรมศิลปากร ศ.นพ.ภิรมย์ กมลรัตนกุล อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เฝ้ารับเสด็จ ซึ่งภายใน
พิธีมีเหล่าศิลปิน นักเรียน นักศึกษา ที่จะแสดงในวันงานพระราชพิธีเข้าร่วมบูชาครูประมาณ 500 คน
จากนั้นสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จมายังภายในหอประชุมจุฬาฯ ทรงจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย วงดนตรีไทยบรรเลงเพลงสาธุการ ทรงกราบ และเสด็จฯไปทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายสักการะ พระรูปสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ทรงกราบ จากนั้นทรงจุดธูปเทียนท้ายที่นั่งบูชาครู ทรงสุหร่าย ทรงโปรยข้าวตอกดอกไม้ที่เครื่องดนตรีไทย ทรงวางพวงมาลัยที่หน้าตะโพนเสด็จฯไปยังโต๊ะเครื่องสังเวย ทรงจุดธูปหางปักที่เครื่องสังเวย เสร็จแล้วประทับพระราชอาสน์ นายเกรียงไกร กราบบังคมทูลถวายรายงานและขอพระราชทานพระราชานุญาตเบิกดร.สิริชัยชาญ ฟักจำรูญ ผู้ประกอบพิธีบูชาครู ต่อมาผู้ประกอบพิธีบูชาครู เพิ่มพิธีบูชาครู โดยใช้ระยะเวลากว่า 1 ชั่วโมง จึงเสร็จพิธีบูชาครูเพื่อขอความเป็นสิริมงคลในการแสดงมหรสพสมโภชในครั้งนี้
เมื่อเสร็จพิธี สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ทรงกราบพระรัตนตรัย พระรูปสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ และโต๊ะบูชาครู จึงเสด็จพระราชดำเนินกลับ
ดร.สิริชัยชาญ กล่าวว่า การประกอบพิธีในครั้งนี้ เพื่อเป็นการบูชาครู และขอพรจากบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้าทุกพระองค์ขอให้เกิดความเป็นสิริมงคลแก่ผู้แสดงในงานมหรสพ และขอให้การดำเนินงานสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ซึ่งเป็นไปตามโบราณราชประเพณี ทั้งนี้พิธีบูชาครูดนครี นาฏศิลป์ เป็นพิธีที่สำคัญมากของศิลปินที่สืบทอดมาตั้งแต่โบราณ แสดงถึงความกตัญญูของศิษย์ที่มีต่อครู ในขณะเดียวกันก็เชื่อกันว่านอกจากมีครูที่เป็นมนุษย์แล้วยังมีครูที่เป็นเทพเจ้าซึ่งเป็นผู้ให้กำเนิดสรรพวิชาการ เช่น พระอิศวร พระนารายณ์ พระพรหม เป็นต้น ดังนั้นพิธีบูชาครูจึงมีความสำคัญและได้รับการสืบทอดมาหลายชั่วอายุคน
"สมเด็จพระเทพฯทรงมีพระราชดำริให้จัดมหรสพถวายสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ พระองค์ทรงแนะนำให้เหล่าศิลปิน นักแสดง ของกรมศิลปากร ค้นคว้าตำราวิชาการต่างๆ เพื่อศึกษาการจัดพิธีมหรสพ เพราะนักแสดงต้องใช้เวลามากกว่า 11-12 ชั่วโมงในการแสดงทำให้กรมศิลปากร ได้ค้นพบตำราดนตรีไทยของครูที่ได้มีการบันทึกไว้เป็นโน้ตสากล ตั้งแต่ปี 2479 เพื่อนำมาใช้บรรเลงในพิธีมหรสพดังกล่าว ซึ่งนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระองค์ได้ได้ทรงแนะนำต่อเหล่านักแสดงมาโดยตลอด"ดร.สิริชัยชาญ กล่าว
ด้านนายเกรียงไกร กล่าวว่า ผู้ที่มาเข้าเฝ้าฯต่างปราบปลื้ม และสำนึกในพระกรุณาธิคุณที่พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินมาเป็นองค์ประธานในพิธีบูชาครู ก่อนการแสดงมหรสพสมโภชในงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ซึ่งพิธีบูชาครู จะทำให้ศิษย์ได้แสดงถึงความกตัญญู ที่ได้ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ให้ จะทำให้เกิดความสิริมงคลในการทำงาน และขอให้การจัดมหรสพครั้งนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่จะเริ่มพิธีในเวลา 9.30 น. ฝนได้โปรยปรายมาอย่างหนักอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อถึงเวลาที่สมเด็จพระเทพฯ ได้เสด็จพระราชดำเนินมาถึงยังหอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเริ่มพิธีบูชาครู ฝนได้หยุดตกท้องฟ้าเปิดแจ่มใส มีแสงแดดรำไรอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้เข้าร่วมพิธีในหอประชุมวิพากษ์วิจารณ์ถึงความอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น