ประจานผลงานหมอเลี้ยบ ผู้ตรวจการแผ่นดินชี้บอร์ดแบงก์ชาติขัดกฎหมาย "สุชาติ" ทำมึนรอรายละเอียด บอกไม่รู้จะรับผิดชอบอย่างไร ลั่นไม่แตะบอร์ด ก.ล.ต.-ตลท.อ้างคนละส่วน แบงก์ชาติชี้กระทรวงการคลังกับรัฐบาลต้องรับผิดชอบและดำเนินการ จวกปัญหาเกิดจากคนขาดสามัญสำนึก
จากกรณีที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินแจ้งผลดำเนินการวินิจฉัยกรณี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ร้องเรียนกระบวนการแต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และได้แจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแจ้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังยกเลิกการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการ ธปท. และการแต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกบุคคลที่สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการ ธปท.ใหม่ เพื่อเป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยธนาคารแห่งประเทศไทย พร้อมแจ้งให้นายกรัฐมนตรีระงับการทูลเกล้าฯ เพื่อทรงแต่งตั้งประธานกรรมการ ธปท. และแจ้งเลขาธิการสำนักราชราชเลขาธิการเพื่อทราบนั้น
วานนี้ (16 ต.ค.) นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.คลัง กล่าวว่า จะไม่เปลี่ยนแปลงเรื่องที่ น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ทำมาก่อนหน้า เช่น คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ที่แต่งตั้งไว้แล้วก็จะไม่เปลี่ยน แต่เมื่อคณะกรรมการ ธปท.ซึ่งสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินวินิจฉัยมาแล้วก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะขณะนี้กระทรวงการคลังยังไม่ได้รับเรื่องดังกล่าว ต้องรอหนังสือแจ้งอย่างเป็นทางการจากสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา แต่กระทรวงการคลังพร้อมดำเนินการตามกฎหมายทุกประการ
"ความรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นคงไม่สามารถบอกได้เพราะยังไม่เห็นรายละเอียด ผมยังไม่รู้ว่าขั้นตอนกฎหมายจากนี้จะทำอย่างไรกับบอร์ดแบงก์ชาติชุดใหม่ แต่ผมพร้อมเดินหน้าทำตามกฎหมาย" นายสุชาติกล่าว
แหล่งข่าวกระทรวงการคลังระบุว่า ตามขั้นตอนภายหลังจากที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้วินิจฉัยว่ากระบวนการแต่งตั้งคณะกรรมการ ธปท.ไม่ชอบด้วยกฎหมายแล้วกระทรวงการคลังโดยอำนาจของรมว.คลัง ไม่จำเป็นต้องรอให้มีการแจ้งอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรจากสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินแต่อย่างใด ให้เริ่มต้นกระบวนการคัดเลือกคณะกรรมการ ธปท.ได้เลยทันทีและให้ดำเนินการอย่างรอบคอบไม่และเป็นไปโดยมีเจตนาบริสุทธิ์
ในกระบวนการคัดเลือกคณะกรรมการธปท. ที่ผ่านมา มีการเมืองเข้ามาแทรกแซงการแต่งตั้งอยู่ตลอดเวลา เริ่มจากการแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาที่ล้วนเป็นบุคคลใกล้ชิดกับกลุ่มอำนาจเก่าและมีผลประโยชน์ทับซ้อน โดยการแต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกโดย นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ประกอบด้วย นายสมใจนึก เองตระกูล นายมนู เลียวไพโรจน์ นายนิพัทธ พุกกะณะสุต นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ นายวิจิตร สุพินิจ และนายชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ 3 ใน 7 คน คือนายวิจิตรเป็นประธานกรรมการตรวจสอบธนาคารทหารไทย นายชัยวัฒน์เป็นประธานกรรมการบริหารธนาคารกรุงไทย และนายสถิตย์เป็นประธานกรรมการธนาคารทหารไทย
ทั้งนี้ พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย พ.ศ.2485 กำหนดไว้ว่าจะต้องไม่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และไม่มีผลประโยชน์หรือส่วนได้เสีย มาตรา 7 กำหนดให้ ธปท.มีวัตถุประสงค์เพื่อดำรงไว้ซึ่งเสถียรภาพทางการเงิน และเสถียรภาพของระบบสถาบันการเงิน และมาตรา 17 กำหนดให้คณะกรรมการ ธปท.ทำหน้าที่ควบคุมดูแล กรณีดังกล่าว ย่อมถือว่าคณะกรรมการคัดเลือกบุคคลเป็นประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งดำรงตำแหน่งในสถาบันการเงินที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ธปท. อาจเลือกบุคคลที่เอื้อประโยชน์ให้กับสถาบันการเงินของตนเข้ามาเป็นกรรมการ ธปท. เพื่อให้เลือกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงินต่อไปอีกทอด อันอาจมีผลให้คณะกรรมการปฏิบัติหน้าที่ไม่เป็นอิสระ หรือขาดความเป็นกลางได้ จึงถือเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
***ธปท.จวกพวกไม่มีสามัญสำนึก
แหล่งข่าว ธปท.ระบุว่า กระบวนการต่อไปขึ้นอยู่กับรัฐบาลและกระทรวงการคลังจะเป็นผู้ดำเนินการ เนื่องจากการแต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือก และผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกมานั่งเป็นประธานและบอร์ด ธปท.เป็นอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งธปท.มีหน้าที่เพียงเสนอรายชื่อบุคคลภายนอกที่เห็นว่าเหมาะสมมานั่งในบอร์ดธปท.จำนวน 12 ชื่อเท่านั้น
“สิ่งที่เป็นห่วงมากที่สุดในตอนนี้ คือ หากรัฐบาลและกระทรวงการคลังไม่เห็นด้วยกับผู้ตรวจการแผ่นดินวินิจฉัยก็อาจทำให้กระบวนการต่างๆ ในการสรรหาบอร์ด ธปท.ชุดใหม่และชุดอื่นๆ ค้างคาเหมือนเป็นอยู่ในตอนนี้ แต่ถ้าทุกอย่างตัดสินใจเริ่มต้นนับศูนย์ใหม่ คือ เดินหน้าแต่งตั้งบอร์ดคัดเลือกและบอร์ด ธปท.ชุดใหม่ก็คาดว่า 1-2 เดือนคงจะแล้วเสร็จ ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ทางแบงก์ชาติก็พร้อมจะเริ่มต้นใหม่เช่นกัน”
ทั้งนี้ ธปท.คงไม่มีการฟ้องร้องบุคคลหรือหน่วยงานใด แม้คนที่จะได้รับผลกระทบโดยตรง คือ ผู้ว่าการธปท. เพราะเป็นผู้ปฏิบัติและดูแลนโยบายบ้าง แต่ที่ผ่านมาไม่เคยมีหน่วยงานรัฐส่วนใดฟ้องร้องกันเอง ฉะนั้นบุคคลใดที่ทำผิดก็ต้องรับผิดชอบเป็นเรื่องๆ ไป อีกทั้งในขณะนี้ภาคการเงินและระบบสถาบันการเงินไทยจะไม่ชะงัก เนื่องจากมีบอร์ด ธปท.ชุดรักษาการดูเรื่องที่จำเป็นควรทำอยู่แล้ว
“เมืองไทยระบบไม่ค่อยมีปัญหาและทุกอย่างดีหมด ซึ่งที่ผ่านมาแบงก์ชาติได้ทำระบบดีที่สุดแล้ว แต่ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ขึ้นอยู่กับสามัญสำนักของคน ทำให้ระบบมีปัญหา ฉะนั้นการออกกฎหมาย เพื่อแก้ไขคนโกงยังไงก็ทำไม่ได้ เพราะคนโกงจะแก้เกมและหาทางออกได้เสมอ ในสังคมต้องมีคนดีมากกว่าคนเลว เพราะคนดีจะได้ควบคุมคนเลว ซึ่งในส่วนตัวมองว่าสังคมไทยในขณะนี้ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลยกลับข้างกัน ทำอะไรไม่ได้ จึงจำเป็นต้องมีระบบถ่วงดุล แต่หากฝ่ายถ่วงดุลมีความเสียหายก็จะสร้างปัญหาในอนาคตได้อีก”.
จากกรณีที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินแจ้งผลดำเนินการวินิจฉัยกรณี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ร้องเรียนกระบวนการแต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และได้แจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแจ้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังยกเลิกการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการ ธปท. และการแต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกบุคคลที่สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการ ธปท.ใหม่ เพื่อเป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยธนาคารแห่งประเทศไทย พร้อมแจ้งให้นายกรัฐมนตรีระงับการทูลเกล้าฯ เพื่อทรงแต่งตั้งประธานกรรมการ ธปท. และแจ้งเลขาธิการสำนักราชราชเลขาธิการเพื่อทราบนั้น
วานนี้ (16 ต.ค.) นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.คลัง กล่าวว่า จะไม่เปลี่ยนแปลงเรื่องที่ น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ทำมาก่อนหน้า เช่น คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ที่แต่งตั้งไว้แล้วก็จะไม่เปลี่ยน แต่เมื่อคณะกรรมการ ธปท.ซึ่งสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินวินิจฉัยมาแล้วก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะขณะนี้กระทรวงการคลังยังไม่ได้รับเรื่องดังกล่าว ต้องรอหนังสือแจ้งอย่างเป็นทางการจากสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา แต่กระทรวงการคลังพร้อมดำเนินการตามกฎหมายทุกประการ
"ความรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นคงไม่สามารถบอกได้เพราะยังไม่เห็นรายละเอียด ผมยังไม่รู้ว่าขั้นตอนกฎหมายจากนี้จะทำอย่างไรกับบอร์ดแบงก์ชาติชุดใหม่ แต่ผมพร้อมเดินหน้าทำตามกฎหมาย" นายสุชาติกล่าว
แหล่งข่าวกระทรวงการคลังระบุว่า ตามขั้นตอนภายหลังจากที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้วินิจฉัยว่ากระบวนการแต่งตั้งคณะกรรมการ ธปท.ไม่ชอบด้วยกฎหมายแล้วกระทรวงการคลังโดยอำนาจของรมว.คลัง ไม่จำเป็นต้องรอให้มีการแจ้งอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรจากสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินแต่อย่างใด ให้เริ่มต้นกระบวนการคัดเลือกคณะกรรมการ ธปท.ได้เลยทันทีและให้ดำเนินการอย่างรอบคอบไม่และเป็นไปโดยมีเจตนาบริสุทธิ์
ในกระบวนการคัดเลือกคณะกรรมการธปท. ที่ผ่านมา มีการเมืองเข้ามาแทรกแซงการแต่งตั้งอยู่ตลอดเวลา เริ่มจากการแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาที่ล้วนเป็นบุคคลใกล้ชิดกับกลุ่มอำนาจเก่าและมีผลประโยชน์ทับซ้อน โดยการแต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกโดย นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ประกอบด้วย นายสมใจนึก เองตระกูล นายมนู เลียวไพโรจน์ นายนิพัทธ พุกกะณะสุต นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ นายวิจิตร สุพินิจ และนายชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ 3 ใน 7 คน คือนายวิจิตรเป็นประธานกรรมการตรวจสอบธนาคารทหารไทย นายชัยวัฒน์เป็นประธานกรรมการบริหารธนาคารกรุงไทย และนายสถิตย์เป็นประธานกรรมการธนาคารทหารไทย
ทั้งนี้ พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย พ.ศ.2485 กำหนดไว้ว่าจะต้องไม่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และไม่มีผลประโยชน์หรือส่วนได้เสีย มาตรา 7 กำหนดให้ ธปท.มีวัตถุประสงค์เพื่อดำรงไว้ซึ่งเสถียรภาพทางการเงิน และเสถียรภาพของระบบสถาบันการเงิน และมาตรา 17 กำหนดให้คณะกรรมการ ธปท.ทำหน้าที่ควบคุมดูแล กรณีดังกล่าว ย่อมถือว่าคณะกรรมการคัดเลือกบุคคลเป็นประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งดำรงตำแหน่งในสถาบันการเงินที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ธปท. อาจเลือกบุคคลที่เอื้อประโยชน์ให้กับสถาบันการเงินของตนเข้ามาเป็นกรรมการ ธปท. เพื่อให้เลือกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงินต่อไปอีกทอด อันอาจมีผลให้คณะกรรมการปฏิบัติหน้าที่ไม่เป็นอิสระ หรือขาดความเป็นกลางได้ จึงถือเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
***ธปท.จวกพวกไม่มีสามัญสำนึก
แหล่งข่าว ธปท.ระบุว่า กระบวนการต่อไปขึ้นอยู่กับรัฐบาลและกระทรวงการคลังจะเป็นผู้ดำเนินการ เนื่องจากการแต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือก และผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกมานั่งเป็นประธานและบอร์ด ธปท.เป็นอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งธปท.มีหน้าที่เพียงเสนอรายชื่อบุคคลภายนอกที่เห็นว่าเหมาะสมมานั่งในบอร์ดธปท.จำนวน 12 ชื่อเท่านั้น
“สิ่งที่เป็นห่วงมากที่สุดในตอนนี้ คือ หากรัฐบาลและกระทรวงการคลังไม่เห็นด้วยกับผู้ตรวจการแผ่นดินวินิจฉัยก็อาจทำให้กระบวนการต่างๆ ในการสรรหาบอร์ด ธปท.ชุดใหม่และชุดอื่นๆ ค้างคาเหมือนเป็นอยู่ในตอนนี้ แต่ถ้าทุกอย่างตัดสินใจเริ่มต้นนับศูนย์ใหม่ คือ เดินหน้าแต่งตั้งบอร์ดคัดเลือกและบอร์ด ธปท.ชุดใหม่ก็คาดว่า 1-2 เดือนคงจะแล้วเสร็จ ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ทางแบงก์ชาติก็พร้อมจะเริ่มต้นใหม่เช่นกัน”
ทั้งนี้ ธปท.คงไม่มีการฟ้องร้องบุคคลหรือหน่วยงานใด แม้คนที่จะได้รับผลกระทบโดยตรง คือ ผู้ว่าการธปท. เพราะเป็นผู้ปฏิบัติและดูแลนโยบายบ้าง แต่ที่ผ่านมาไม่เคยมีหน่วยงานรัฐส่วนใดฟ้องร้องกันเอง ฉะนั้นบุคคลใดที่ทำผิดก็ต้องรับผิดชอบเป็นเรื่องๆ ไป อีกทั้งในขณะนี้ภาคการเงินและระบบสถาบันการเงินไทยจะไม่ชะงัก เนื่องจากมีบอร์ด ธปท.ชุดรักษาการดูเรื่องที่จำเป็นควรทำอยู่แล้ว
“เมืองไทยระบบไม่ค่อยมีปัญหาและทุกอย่างดีหมด ซึ่งที่ผ่านมาแบงก์ชาติได้ทำระบบดีที่สุดแล้ว แต่ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ขึ้นอยู่กับสามัญสำนักของคน ทำให้ระบบมีปัญหา ฉะนั้นการออกกฎหมาย เพื่อแก้ไขคนโกงยังไงก็ทำไม่ได้ เพราะคนโกงจะแก้เกมและหาทางออกได้เสมอ ในสังคมต้องมีคนดีมากกว่าคนเลว เพราะคนดีจะได้ควบคุมคนเลว ซึ่งในส่วนตัวมองว่าสังคมไทยในขณะนี้ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลยกลับข้างกัน ทำอะไรไม่ได้ จึงจำเป็นต้องมีระบบถ่วงดุล แต่หากฝ่ายถ่วงดุลมีความเสียหายก็จะสร้างปัญหาในอนาคตได้อีก”.