ผู้จัดการรายวัน-ครม.สั่งทบทวนเช่าเอ็นจีวี 4,000 คัน อ้างราคาน้ำมันลด ต้นทุนเช่าลด “สันติ”รับลูกสั่งขสมก.ปรับทีโออาร์ คำนวนค่าเช่าใหม่ พร้อมดึงรถร่วมฯ ทำระบบตั๋วร่วม E-Ticket เปลี่ยนเช่าครั้งเดียวเป็นทยอยเช่าเป็นล็อตๆ เปิดราคาเช่าคิดณ วันที่เช่า แย้มอาจมากกว่า4,000 คันหากจำเป็น
นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ วานนี้ (13 ต.ค.) ว่า จากภาวะราคาน้ำมันในตลาดโลกและในประเทศได้ปรับลดลงมากในขณะนี้ ที่ประชุมได้ให้กระทรวงคมนาคมทบทวนโครงสร้างการเช่ารถใช้ก๊าซเอ็นจีวีเป็นเชื้อเพลิงจำนวน 4,000 คันของ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนที่เป็นจริง ทั้ง จำนวนรถ ราคาเช่า อัตราค่าโดยสาร วิธีการจัดเก็บค่าโดยสาร และระบบตั๋วอิเล็กทรอนิกส์ (E-Ticket) ซึ่งจะดึงรถร่วมขสมก. เข้ามาร่วมเป็นระบบตั๋วร่วมด้วย
ทั้งนี้ ขสมก.จะต้องทบทวนแผนการเช่ารถเอ็นจีวี ตามภาวะต้นทุนที่ลดลง พร้อมๆ กับการจัดทำทีโออาร์ ซึ่งจากปัจจัยปัจจุบันที่ราคาน้ำมันลดลงมากอาจจะไม่จำเป็นในการเช่ารถเอ็นจีวีพร้อมกันทั้ง 4,000 คันดังนั้นการเช่าจะเป็นล็อตๆ และค่าเช่าก็ต้องขึ้นกับภาวะต้นทุน ณ วันที่เช่า ส่วนอัตราค่าโดยสารนั้นเมื่อจะให้รถร่วมฯ ขสมก.เข้าร่วมในระบบ E-Ticket ก็ต้องคิดว่าการจัดเก็บค่าโดยสารแบบเหมาจ่ายราคาเดียว 30 บาทโดยใช้กี่เที่ยวต่อวันก็ได้นั้นยังเหมาะสมหรือจะปรับเป็นการเก็บตามระยะทางเหมาะสมกว่า
นายสันติกล่าวว่า ต้องให้ความสำคัญกับระบบ E-Ticket ซึ่งเป็นระบบตั๋วร่วม โดยจะจัดตั้ง Clearing House เพื่อแบ่งรายได้ให้รถร่วมฯขสมก.ที่เข้าร่วมโดยจะมีการกำหนดมาตรฐานสภาพรถของรถร่วมฯ ที่จะใช้ระบบตั๋วร่วมด้วย นอกจากนี้ อาจจะต้องมีการกำหนดมาตรฐานและขึ้นทะเบียนบริษัทเอกชนที่จะเป็นผู้รับติดตั้งระบบ E-Ticket เพื่อเปิดกว้างให้กับรถร่วมฯ ในการเข้าร่วม
“ก่อนหน้านี้ผมได้มอบนโยบายกับนายปิยะพันธ์ จัมปาสุต ประธานคณะกรรมการขสมก.ไปแล้วว่า ควรจะมีการทบทวนเรื่องนี้ เพราะราคาน้ำมันลดลงมากซึ่งสอดคล้องกับที่ครม.เศรษฐกิจให้ความเห็นมา ตอนน้ำมันขึ้นราคาก็ขึ้นอย่างมหัศจรรย์ ตอนลดก็ลดอย่างมหัศจรรย์ ดังนั้นก็ต้องคิดใหม่เพื่อตามให้ทัน เพราะตอนคิดโครงการราคาน้ำมันขณะนั้น 120 กว่าเหรียญ แต่อย่างมองว่าเป็นการล้มโครงการ เพราะเป็นการพูดที่รุนแรงไป”นายสันติกล่าว
นายชัยรัตน์ สงวนชื่อ รักษาการ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ในฐานะประธานคณะ กรรมการจัดทำร่างเงื่อนไขการประมูล (ทีโออาร์) โครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี กล่าวว่า ขณะนี้คณะกรรมการฯได้ทำการร่างทีโออาร์แล้ว ส่วนการที่ครม.เศรษฐกิจได้สั่งให้กลับไปทบทวนโครงการอีกครั้งนั้น จะไม่ส่งผลให้การประมูลล่าช้าออกไป ซึ่งคาดว่าในช่วงต้นเดือนพ.ย.นี้จะสามารถประกาศร่างทีโออาร์ ในสู่เวปไซด์ของกรมการขนส่งทางบก และขสมก.เพื่อรับฟังความคิดเห็นได้ จากนั้นจะใช้เวลาประมูลประมาณ 2 เดือน คาดว่าจะมีการลงนามในสัญญาเช่ากับเอกชนได้ประมาณเดือนม.ค. 2552 และจะเริ่มรับมอบรถได้ตามกำหนดในเดือนพ.ค. 2552
สำหรับโครงการเช่ารถเอ็นจีวี 4,000 คันขสมก.นั้นครม.เห็นชอบแล้วโดยจะใช้งบประมาณ 62,598 ล้านบาท จากเดิมที่ขสมก.เสนอเช่า 6,000 คัน วงเงินกว่า 111,690 ล้านบาท สัญญาเช่ารถในระยะเวลา 10 ปี
จับตาน้ำมันนิ่งอาทิตย์พิจารณาลดค่าโดยสารรถเมล์1 บ.
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของราคาน้ำมันดีเซล ซึ่งในวันนี้ (14 ต.ค.) ผู้ค้าได้ปรับลดลงอีก 80 สตางค์ต่อลิตร มาอยู่ทีท ลิตรละ 26.74 บาท นั้น แหล่งข่าวจากกรมการขนส่งทางบกกล่าวว่า จะดูสถานการณ์ราคาน้ำมันอีก 1 สัปดาห์ โดยหากสัปดาห์หน้า ราคาน้ำมันยังอยู่ในระดับนี้หรือลดลงอีกโดยไม่ปรับเพิ่มขึ้น จะมีการเสนอคณะกรรมการควบคุมขนส่งทางบกกลางพิจารณาเพื่อปรับลดค่าโดยสารรถเมล์ลงประมาณ 1 บาท
นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ วานนี้ (13 ต.ค.) ว่า จากภาวะราคาน้ำมันในตลาดโลกและในประเทศได้ปรับลดลงมากในขณะนี้ ที่ประชุมได้ให้กระทรวงคมนาคมทบทวนโครงสร้างการเช่ารถใช้ก๊าซเอ็นจีวีเป็นเชื้อเพลิงจำนวน 4,000 คันของ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนที่เป็นจริง ทั้ง จำนวนรถ ราคาเช่า อัตราค่าโดยสาร วิธีการจัดเก็บค่าโดยสาร และระบบตั๋วอิเล็กทรอนิกส์ (E-Ticket) ซึ่งจะดึงรถร่วมขสมก. เข้ามาร่วมเป็นระบบตั๋วร่วมด้วย
ทั้งนี้ ขสมก.จะต้องทบทวนแผนการเช่ารถเอ็นจีวี ตามภาวะต้นทุนที่ลดลง พร้อมๆ กับการจัดทำทีโออาร์ ซึ่งจากปัจจัยปัจจุบันที่ราคาน้ำมันลดลงมากอาจจะไม่จำเป็นในการเช่ารถเอ็นจีวีพร้อมกันทั้ง 4,000 คันดังนั้นการเช่าจะเป็นล็อตๆ และค่าเช่าก็ต้องขึ้นกับภาวะต้นทุน ณ วันที่เช่า ส่วนอัตราค่าโดยสารนั้นเมื่อจะให้รถร่วมฯ ขสมก.เข้าร่วมในระบบ E-Ticket ก็ต้องคิดว่าการจัดเก็บค่าโดยสารแบบเหมาจ่ายราคาเดียว 30 บาทโดยใช้กี่เที่ยวต่อวันก็ได้นั้นยังเหมาะสมหรือจะปรับเป็นการเก็บตามระยะทางเหมาะสมกว่า
นายสันติกล่าวว่า ต้องให้ความสำคัญกับระบบ E-Ticket ซึ่งเป็นระบบตั๋วร่วม โดยจะจัดตั้ง Clearing House เพื่อแบ่งรายได้ให้รถร่วมฯขสมก.ที่เข้าร่วมโดยจะมีการกำหนดมาตรฐานสภาพรถของรถร่วมฯ ที่จะใช้ระบบตั๋วร่วมด้วย นอกจากนี้ อาจจะต้องมีการกำหนดมาตรฐานและขึ้นทะเบียนบริษัทเอกชนที่จะเป็นผู้รับติดตั้งระบบ E-Ticket เพื่อเปิดกว้างให้กับรถร่วมฯ ในการเข้าร่วม
“ก่อนหน้านี้ผมได้มอบนโยบายกับนายปิยะพันธ์ จัมปาสุต ประธานคณะกรรมการขสมก.ไปแล้วว่า ควรจะมีการทบทวนเรื่องนี้ เพราะราคาน้ำมันลดลงมากซึ่งสอดคล้องกับที่ครม.เศรษฐกิจให้ความเห็นมา ตอนน้ำมันขึ้นราคาก็ขึ้นอย่างมหัศจรรย์ ตอนลดก็ลดอย่างมหัศจรรย์ ดังนั้นก็ต้องคิดใหม่เพื่อตามให้ทัน เพราะตอนคิดโครงการราคาน้ำมันขณะนั้น 120 กว่าเหรียญ แต่อย่างมองว่าเป็นการล้มโครงการ เพราะเป็นการพูดที่รุนแรงไป”นายสันติกล่าว
นายชัยรัตน์ สงวนชื่อ รักษาการ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ในฐานะประธานคณะ กรรมการจัดทำร่างเงื่อนไขการประมูล (ทีโออาร์) โครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี กล่าวว่า ขณะนี้คณะกรรมการฯได้ทำการร่างทีโออาร์แล้ว ส่วนการที่ครม.เศรษฐกิจได้สั่งให้กลับไปทบทวนโครงการอีกครั้งนั้น จะไม่ส่งผลให้การประมูลล่าช้าออกไป ซึ่งคาดว่าในช่วงต้นเดือนพ.ย.นี้จะสามารถประกาศร่างทีโออาร์ ในสู่เวปไซด์ของกรมการขนส่งทางบก และขสมก.เพื่อรับฟังความคิดเห็นได้ จากนั้นจะใช้เวลาประมูลประมาณ 2 เดือน คาดว่าจะมีการลงนามในสัญญาเช่ากับเอกชนได้ประมาณเดือนม.ค. 2552 และจะเริ่มรับมอบรถได้ตามกำหนดในเดือนพ.ค. 2552
สำหรับโครงการเช่ารถเอ็นจีวี 4,000 คันขสมก.นั้นครม.เห็นชอบแล้วโดยจะใช้งบประมาณ 62,598 ล้านบาท จากเดิมที่ขสมก.เสนอเช่า 6,000 คัน วงเงินกว่า 111,690 ล้านบาท สัญญาเช่ารถในระยะเวลา 10 ปี
จับตาน้ำมันนิ่งอาทิตย์พิจารณาลดค่าโดยสารรถเมล์1 บ.
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของราคาน้ำมันดีเซล ซึ่งในวันนี้ (14 ต.ค.) ผู้ค้าได้ปรับลดลงอีก 80 สตางค์ต่อลิตร มาอยู่ทีท ลิตรละ 26.74 บาท นั้น แหล่งข่าวจากกรมการขนส่งทางบกกล่าวว่า จะดูสถานการณ์ราคาน้ำมันอีก 1 สัปดาห์ โดยหากสัปดาห์หน้า ราคาน้ำมันยังอยู่ในระดับนี้หรือลดลงอีกโดยไม่ปรับเพิ่มขึ้น จะมีการเสนอคณะกรรมการควบคุมขนส่งทางบกกลางพิจารณาเพื่อปรับลดค่าโดยสารรถเมล์ลงประมาณ 1 บาท
