น.ส.รสนา โตสิตระกูล เป็น 1 ในกลุ่ม 40 ส.ว. ซึ่งไม่ได้เป็นองค์กรจัดตั้งเหมือนพรรคการเมือง แต่เป็นการรวมตัวกันของส.ว.ที่มีความคิดใกล้เคียงกันทั้ง ส.ว.เลือกตั้งและ ส.ว.สรรหา ซึ่งเคยทำกิจกรรมร่วมกันมาหลายครั้ง ในการหารือกันนั้นก็ใช้วิธีการออกความคิดเห็น ในบางประเด็นถ้าเห็นร่วมกันก็ทำงานร่วมกัน ในบางประเด็นใครไม่เห็นด้วยก็ไม่เข้า คำว่า 40 ส.ว. จึงไม่ใช่จำนวนตายตัว บางครั้งอาจมีมากกว่า 40
แหล่งข่าวในกลุ่ม 40 ส.ว. เปิดเผยว่า ในวันเกิดเหตุ หลังจากทราบข่าวว่าพันธมิตรฯ จะไปรัฐสภา ค่ำวันที่ 6 ต.ค. จึงหารือกันว่าถ้าเข้าสภาไม่ได้ จะไปรวมตัวกันเพื่อประเมินสถานการณ์ บางท่านเสนอที่อาคารสุขประพฤติ ประชาชื่น สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ที่มีห้องประชุม แต่เห็นว่าไกลเกินไป ก็เลยติดต่อขอเช่าห้อง โรงแรมดุสิตเพลส ม.ราชภัฏสวนดุสิต โดยในตอนต้นไม่ได้มีเจตนาที่จะไม่เข้าร่วมประชุม มาตัดสินใจไม่เข้าร่วมประชุมก็ต่อเมื่อทราบเหตุการณ์สลายการชุมนุมหน้ารัฐสภา ด้านถนนราชวิถี จนเป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บสาหัส
ส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่า พวกเราไม่อาจเดินเหยียบเลือดเนื้อของประชาชนเข้าไปร่วมประกอบพิธีกรรมให้กับรัฐบาล ที่ต้องรับผิดชอบในปฏิบัติการตอนเช้ามืดวันนั้นได้
ในระหว่างอยู่ที่โรงแรมดุสิตเพลส ทราบว่ามีการประชุมจากการถ่ายทอดสดก็เกิดความสงสัยในองค์ประชุมที่ครบองค์อย่างหวุดหวิด และเมื่อเห็น ส.ว.ท่านหนึ่งคือ นางนฤมล ศิริวัฒน์ ลุกขึ้นกล่าวประณาม ส.ว.และ ส.ส.ที่ไม่เข้าร่วมประชุม เรียกเสียงปรบมือจากสมาชิกรัฐสภา ก็มีความเห็นว่าควรมีพวกเราเป็นตัวแทนเข้าไปชี้แจงเหตุผลความชอบธรรมของการไม่เข้าร่วมประชุม และเสนอนับองค์ประชุม
ผู้ที่อาสาไปก็คือนายประสงค์ นุรักษ์ ส.ว.สรรหา ผู้เป็นคนไทยจากสหรัฐอเมริกา และนายวิเชียร คันฉ่อง ส.ว.ตรัง หลังจากนั้นน.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กรุงเทพฯ ได้ติดตามไปอีกคนหนึ่ง โดยเธอมีความตั้งใจอยู่ในใจว่า จะเข้าไปช่วยอีกแรงหนึ่ง โดยต่างคนต่างไป แต่ระหว่างเดินทางนายวิเชียร ได้รับแก๊สน้ำตา เกิดไม่สบาย ไม่สามารถเข้าไปประชุมได้
ในที่ประชุมรัฐสภา ระหว่างนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ได้อ่านรายงานร่างนโยบายต่อที่ประชุม ปรากฏว่า ในช่วงที่นายสมชาย อ่านมาถึงนโยบายที่เกี่ยวข้องกับนโยบายการดูแลทุกข์สุขของประชาชน นายประสงค์ นุรักษ์ ส.ว.สรรหา ได้ลุกขึ้นประท้วงว่า สิ่งที่นายกฯพูดนั้นไม่เป็นความจริง เพราะขณะนี้สถานการณ์ข้างนอกประชาชนเกิดความแตกแยก ถ้าเป็นไปได้สภาควรชะลอการแถลงนโยบายออกไป เพราะเหตุการณ์ปัญหาความขัดแย้งกัน
ปรากฏว่า ส.ส.พรรคพลังประชาชนหลายคนได้ส่งเสียงอื้ออึง ไม่พอใจต่อคำพูดของ ส.ว.คนดังกล่าว และพยายามจะขอประท้วง ทำให้น.ส.รสนา โตสิตระกูล ได้ลุกขึ้นประท้วงขอให้ประธานสภายุติการประชุม และกล่าวว่า ขณะนี้ประชาชนนอกจากบาดเจ็บจำนวนมาก แต่รัฐบาลกลับใช้เวทีสภาเพื่อให้นายกฯ สร้างความชอบธรรมได้อย่างไร และบอกว่านายกรัฐมนตรี ขาดความชอบธรรม ทำให้มีเสียงประท้วงจาก ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน ขณะที่นายชัย ได้ปิดไมค์ของน.ส.รสนา แต่น.ส.รสนา ยังคงพูดต่อโดยเรียกร้องให้สภาแห่งนี้ยับยั้งการใช้สภาเป็นตรายางสร้างความชอบธรรมให้นายกรัฐมนตรี
เป็นเหตุให้บรรดา ส.ส.พรรคพลังประชาชนไม่พอใจ พากันตะโกนใส่น.ส.รสนา อย่างอื้ออึง โดยนายนิสิต สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด ได้ตะโกนว่า ส.ว.พันธมิตรฯ ออกไปจากห้องประชุมได้แล้ว
จากนั้น นายไพโรจน์ อิสระเสรีพงษ์ ส.ส.กทม.เขต 6 พรรคพลังประชาชน และ ร.ต.ท.เชาวริน ก็เข้ามาต่อว่าน.ส.รสนา โดยนายไพโรจน์ ได้เข้ามายืนประชิด และชี้หน้าด่าว่า “ผมบอกให้คุณหยุดการทำชั่วเดี๋ยวนี้” "คุณน่ะเลวที่สุด" "คุณน่ะเลวที่สุด ทำลายชาติ” "คุณทำลายชาติ ผมบอกคุณ คนอย่างคุณน่ะ หนักแผ่นดิน" ก่อนที่จะถูกเพื่อน ส.ส.มากันตัวออกไป
ขณะที่ น.ส.รสนา ก็มีเพื่อน ส.ว.เข้ามาปลอบใจ และเดินออกมานอกห้องประชุม ก่อนที่จะกลับเข้ามาอีกครั้ง โดยมีเพื่อนส.ว.มาปลอบใจเป็นระยะๆ ขณะที่ยังมีเสียงนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี “อ่าน”นโยบายต่อไปด้วยความตะกุกตะกัก
แหล่งข่าวในกลุ่ม 40 ส.ว. เปิดเผยว่า ในวันเกิดเหตุ หลังจากทราบข่าวว่าพันธมิตรฯ จะไปรัฐสภา ค่ำวันที่ 6 ต.ค. จึงหารือกันว่าถ้าเข้าสภาไม่ได้ จะไปรวมตัวกันเพื่อประเมินสถานการณ์ บางท่านเสนอที่อาคารสุขประพฤติ ประชาชื่น สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ที่มีห้องประชุม แต่เห็นว่าไกลเกินไป ก็เลยติดต่อขอเช่าห้อง โรงแรมดุสิตเพลส ม.ราชภัฏสวนดุสิต โดยในตอนต้นไม่ได้มีเจตนาที่จะไม่เข้าร่วมประชุม มาตัดสินใจไม่เข้าร่วมประชุมก็ต่อเมื่อทราบเหตุการณ์สลายการชุมนุมหน้ารัฐสภา ด้านถนนราชวิถี จนเป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บสาหัส
ส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่า พวกเราไม่อาจเดินเหยียบเลือดเนื้อของประชาชนเข้าไปร่วมประกอบพิธีกรรมให้กับรัฐบาล ที่ต้องรับผิดชอบในปฏิบัติการตอนเช้ามืดวันนั้นได้
ในระหว่างอยู่ที่โรงแรมดุสิตเพลส ทราบว่ามีการประชุมจากการถ่ายทอดสดก็เกิดความสงสัยในองค์ประชุมที่ครบองค์อย่างหวุดหวิด และเมื่อเห็น ส.ว.ท่านหนึ่งคือ นางนฤมล ศิริวัฒน์ ลุกขึ้นกล่าวประณาม ส.ว.และ ส.ส.ที่ไม่เข้าร่วมประชุม เรียกเสียงปรบมือจากสมาชิกรัฐสภา ก็มีความเห็นว่าควรมีพวกเราเป็นตัวแทนเข้าไปชี้แจงเหตุผลความชอบธรรมของการไม่เข้าร่วมประชุม และเสนอนับองค์ประชุม
ผู้ที่อาสาไปก็คือนายประสงค์ นุรักษ์ ส.ว.สรรหา ผู้เป็นคนไทยจากสหรัฐอเมริกา และนายวิเชียร คันฉ่อง ส.ว.ตรัง หลังจากนั้นน.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กรุงเทพฯ ได้ติดตามไปอีกคนหนึ่ง โดยเธอมีความตั้งใจอยู่ในใจว่า จะเข้าไปช่วยอีกแรงหนึ่ง โดยต่างคนต่างไป แต่ระหว่างเดินทางนายวิเชียร ได้รับแก๊สน้ำตา เกิดไม่สบาย ไม่สามารถเข้าไปประชุมได้
ในที่ประชุมรัฐสภา ระหว่างนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ได้อ่านรายงานร่างนโยบายต่อที่ประชุม ปรากฏว่า ในช่วงที่นายสมชาย อ่านมาถึงนโยบายที่เกี่ยวข้องกับนโยบายการดูแลทุกข์สุขของประชาชน นายประสงค์ นุรักษ์ ส.ว.สรรหา ได้ลุกขึ้นประท้วงว่า สิ่งที่นายกฯพูดนั้นไม่เป็นความจริง เพราะขณะนี้สถานการณ์ข้างนอกประชาชนเกิดความแตกแยก ถ้าเป็นไปได้สภาควรชะลอการแถลงนโยบายออกไป เพราะเหตุการณ์ปัญหาความขัดแย้งกัน
ปรากฏว่า ส.ส.พรรคพลังประชาชนหลายคนได้ส่งเสียงอื้ออึง ไม่พอใจต่อคำพูดของ ส.ว.คนดังกล่าว และพยายามจะขอประท้วง ทำให้น.ส.รสนา โตสิตระกูล ได้ลุกขึ้นประท้วงขอให้ประธานสภายุติการประชุม และกล่าวว่า ขณะนี้ประชาชนนอกจากบาดเจ็บจำนวนมาก แต่รัฐบาลกลับใช้เวทีสภาเพื่อให้นายกฯ สร้างความชอบธรรมได้อย่างไร และบอกว่านายกรัฐมนตรี ขาดความชอบธรรม ทำให้มีเสียงประท้วงจาก ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน ขณะที่นายชัย ได้ปิดไมค์ของน.ส.รสนา แต่น.ส.รสนา ยังคงพูดต่อโดยเรียกร้องให้สภาแห่งนี้ยับยั้งการใช้สภาเป็นตรายางสร้างความชอบธรรมให้นายกรัฐมนตรี
เป็นเหตุให้บรรดา ส.ส.พรรคพลังประชาชนไม่พอใจ พากันตะโกนใส่น.ส.รสนา อย่างอื้ออึง โดยนายนิสิต สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด ได้ตะโกนว่า ส.ว.พันธมิตรฯ ออกไปจากห้องประชุมได้แล้ว
จากนั้น นายไพโรจน์ อิสระเสรีพงษ์ ส.ส.กทม.เขต 6 พรรคพลังประชาชน และ ร.ต.ท.เชาวริน ก็เข้ามาต่อว่าน.ส.รสนา โดยนายไพโรจน์ ได้เข้ามายืนประชิด และชี้หน้าด่าว่า “ผมบอกให้คุณหยุดการทำชั่วเดี๋ยวนี้” "คุณน่ะเลวที่สุด" "คุณน่ะเลวที่สุด ทำลายชาติ” "คุณทำลายชาติ ผมบอกคุณ คนอย่างคุณน่ะ หนักแผ่นดิน" ก่อนที่จะถูกเพื่อน ส.ส.มากันตัวออกไป
ขณะที่ น.ส.รสนา ก็มีเพื่อน ส.ว.เข้ามาปลอบใจ และเดินออกมานอกห้องประชุม ก่อนที่จะกลับเข้ามาอีกครั้ง โดยมีเพื่อนส.ว.มาปลอบใจเป็นระยะๆ ขณะที่ยังมีเสียงนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี “อ่าน”นโยบายต่อไปด้วยความตะกุกตะกัก