xs
xsm
sm
md
lg

พระราชทานพวงมาลาน้องโบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน - สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถพระราชทานพวงมาลาน้องโบว์ "อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ" พระราชทานเงินให้ รพ.ราชวิถีและ รพ.ตำรวจ ผอ.รพ.ราชวิถีเผยอาการบาดเจ็บล่าสุดของ “รุ่งทิวา ธาตุนิยม” น่าห่วง ผ่าตัดไปแล้ว 3 ครั้ง โอกาสรอดแค่ 5% แต่สัญญาณชีพและความดันยังดี ชี้ชัดพบตามเสื้อผ้าและร่างกายมีแก๊สน้ำตาเป็นจำนวนมาก ญาติเผยลูกทั้งสองคนยังไม่ทราบว่าแม่อาการหนัก ขณะที่ “ชิงชัย” สมาชิกศิลปินเพื่อ ปชต.อาการดีขึ้น แต่ยังต้องนอนไอซียูเพื่อเฝ้าติดตามอาการอย่างใกล้ชิด

สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ พระราชทานพวงมาลาแสดงความอาลัยต่อการเสียชีวิตของ น.ส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ หรือ น้องโบว์ ซึ่งเป็นผู้ชุมนุมพันธมิตร ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าสลายการชุมนุมบริเวณด้านหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยท่านผู้หญิงฉัตรแก้ว นันทาภิวัฒน์ รองราชเลขาในสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ได้เป็นตัวแทนอันเชิญพวงมาลามา มามอบให้กับครอบครัว น.ส.อังคณาเมื่อเวลา19.00น. สร้างความปราบปลื้มปิติให้กับครอบครัวระดับปัญญาวุฒิ
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศในวัดศรีประวัติ ต.ปลายบาง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งสวดพระอภิธรรมศพว่าบรรยากาศ เป็นไปด้วยความโศกเศร้า และมีการจับกลุ่มวิจารณ์การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งนี้ แกนนำพันธมิตรฯ มาร่วมงานหลายกลุ่มคน ได้แก่ นักดนตรีวงโฮป นายศรัญญู วงษ์กระจ่าง นายสำราญ รอดเพชร นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง และยังมีบุคคลสำคัญ ได้แก่ นายชวน หลีกภัย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีประชาชนมาร่วมเป็นจำนวนมาก
ส่วนที่ทำเนียบรัฐบาล หลังพิธีกรบนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกาศให้ผู้มาชุมนุมได้รับทราบข่าว ทุกคนต่างแสดงความปลาบปลื้มในพระมหากรุณาธิคุณของ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โดยทั่วกัน
ขณะที่ พญ.วารุณี จินารัตน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชวิถี กล่าวว่า วานนี้ ( 9 ต.ค.) สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงพระราชทานเงินให้กับโรงพยาบาลราชวิถีจำนวน 1 แสนบาทให้กับผู้ป่วยทุกคนโดยไม่แบ่งฝักฝ่ายด้วย
พญ.วารุณีเปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคมมีผู้ได้รับบาดเจ็บจากการสลายการชุมนุมรับ 31 ราย และยังคงรักษาตัวอยู่ 2 รายคือนางรุ่งทิวา ธาตุนิยม อายุ 46 ปี ชาวอำเภอปากช่อง จ.นครราชสีมา และนายอดิศร สนใจแท้ อายุ 36 ปี โดยรายการที่มีอาการน่าเป็นห่วงคือนางรุ่งทิวา เนื่องจากเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมซึ่งเป็นวันที่เข้ารับการรักษาตัววันแรกมาในสภาพที่มีอาการบาดเจ็บที่ศีรษะบริเวณซีกซ้าย กะโหลกแตก สมองบวมช้ำ
ทั้งนี้ ทางคณะแพทย์ได้ทำการผ่าตัดไปแล้ว 3 ครั้ง โดยครั้งแรกเป็นการผ่าตัดซ่อมแซมในส่วนของบริเวณสมอง กะโหลกเท่าที่ทางแพทย์จะสามารถทำได้ จากนั้นในวันที่ 2 ก็ได้มีการผ่าตัดอีกครั้งโดยมีการตกแต่งบริเวณใบหน้าซึ่งตาด้านซ้ายหลุดออกมา ส่วนในวานนี้(9 ตุลาคม) ได้ทำการผ่าตัดเพื่อนำเลือดที่คั่งอยู่ในสมองออก
สำหรับอาการของผู้ป่วยนั้น พญ.วารุณีเปิดเผยว่า ญญาณชีพของผู้ป่วยและความดันยังคงดีอยู่ แต่จะมีอาการกระตุกเกร็งในบางครั้ง เชื่อว่าเป็นเพราะระบบประสาทยังคงหลงเหลือ โดยขณะนี้ยังคงอยู่ที่ห้องไอซียูและมีโอกาสที่จะกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราค่อนข้างสูง เนื่องจากเนื้อสมองบางส่วนได้หายไปและไม่สามารถบอกได้ว่าเซลล์สมองตายมากน้อยแค่ไหน เนื่องจากต้องรอให้สมองหายบวมก่อน อย่างไรก็ตามจากสภาพที่เกิดขึ้นมีโอกาสรอดแค่ 5%
พญ.วารุณี กล่าวว่าส่วนญาติผู้ป่วย เช่น สามี ลูก 2 คน ญาติพี่น้องก็เดินทางมารับทราบอาการและให้กำลังผู้ป่วยตลอดเวลา ซึ่งกำลังใจของผู้ป่วยดีมากเพราะสังเกตจากสัญญาณชีพของผู้ป่วย และพยายามที่จะต่อสู้แม้ว่าสภาพร่างกายจะได้รับบาดเจ็บหนักก็ตาม สำหรับสาเหตุของการบาดเจ็บขณะนี้ไม่สามารถระบุได้ว่าเกิดจากอะไร แต่ที่เสื้อผ้าและร่างกายพบว่ามีแก๊สน้ำตาอยู่เป็นจำนวนมาก
ขณะที่ผู้บาดเจ็บอีก 1 คน คือ นายอดิศร สนใจแท้ มีบาดแผลที่บริเวณด้านหลังและสีข้าง ขณะนี้แพทย์ให้อาการรักษาจนอาการเกือบเป็นปกติแล้ว คาดว่าภายใน 1-2วันจะสามารถกลับบ้านได้ โดยอาการดีขึ้นและอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัยแล้ว สามารถเดินเปลี่ยนอิริยาบถได้เหมือนคนปกติ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
วันเดียวกันที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.นพ.สมยศ ดีมาก แพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ กล่าวว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า โปรดกระหม่อม ให้ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ รองราชเลขานุการในพระองค์ฯ นำเงินพระราชทานจำนวน 2 แสนบาทบริจาคให้โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อนำไปช่วยเหลือแก่ข้าราชการตำรวจที่บาดเจ็บจากเหตุการณ์ปะทะ ระหว่างผู้ชุมนุมประท้วงรัฐบาลของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งทำหน้าที่ควบคุมฝูงชน ณ บริเวณโดยรอบรัฐสภาและทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ซึ่งนำความปลาบปลื้ม มายังเหล่าข้าราชการตำรวจ และครอบครัวเป็นล้นพ้น
พล.ต.ท.นพ.สมยศ กล่าวว่า เงินในส่วนนี้จะนำไปใช้ในส่วนที่ข้าราชการตำรวจเบิกไม่ได้ และจะนำไปให้ญาติข้าราชการที่ได้รับบาดเจ็บที่เดินทางมาเยี่ยม เป็นค่าเดินทางและค่าอาหาร สำหรับตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บจากการปะทะกับกลุ่มผู้ชุมนุมถึงขณะนี้มีทั้งหมด 35 ราย อาการสาหัสต้องรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล 8 ราย ซึ่งส่วนใหญ่ถูกยิงด้วยอาวุธปืน

**ลูก 2 คนยังไม่รู้แม่อาการหนัก
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อเวลาประมาณ 12.30 น. ที่โรงพยาบาลราชวิถี มีญาติของนางรุ่งทิวา ธาตุนิยม มาติดตามอาการ โดยมีทั้งพี่สาว อา และกลุ่มเพื่อนที่ร่วมชุมนุมจำนวนประมาณ 70 คน มาเยี่ยมอาการ โดยพี่สาวของนางรุ่งทิวากล่าวว่า ได้เดินทางมาเยี่ยมน้องสาว ซึ่งได้ทราบข่าวเมื่อวันที่ 8 ตุลาคมจึงเดินทางมาติดตามดูอาการแล้วหลายครั้ง
ทั้งนี้ น้องสาวได้มาร่วมชุมนุมกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหลายครั้ง โดยเฉพาะในช่วงที่มีเหตุการณ์รุนแรง น้องสาวเดินทางมาจากปากช่องเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมประมาณบ่ายโมง โดยมาถึงที่ชุมนุมประมาณ 16.00 น. เท่ากับว่าเมื่อมาถึงน้องสาวก็ได้รับบาดเจ็บทันที
"น้องสาวเป็นนักสู้ ไม่ชอบความไม่ถูกต้อง เมื่อมีเหตุการณ์นี้ขึ้นจึงมาร่วมชุมนุม โดยพี่น้องไม่ได้ห้าม แต่สามีของน้องสาวจะไม่อยากให้มา เกรงว่าจะเกิดอันตราย แต่ก็มักจะเดินทางมาร่วมเป็นประจำ ก็รู้สึกเศร้าใจเพราะแพทย์บอกว่าความหวังที่จะรอดเหลือเพียงแค่ 5% ก็ได้แต่ให้กำลังใจสามีของน้องสาว ซึ่งตอนนี้ก็ยังงงๆ ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป ทั้งลูกชาย และลูกสาว ก็ไม่ทราบเรื่อง ซึ่งเขามักจะมาถามว่าแม่จะกลับบ้านเมื่อไหร่ ก็ไม่ได้บอกอะไร"
นอกจากนี้ ตนก็ไม่เชื่อว่าสาเหตุที่ได้รับบาดเจ็บจะมาจากแก๊สน้ำตา จากนั้นได้มีกลุ่มพันธมิตรฯจากปากช่องมาเฝ้าติดตามอาการ ซึ่งได้กล่าวว่า รู้สึกเป็นห่วงคนบ้านเดียวกัน โดยในวันเกิดเหตุ 7 ต.ค. ตนก็อยู่ร่วมเหตุการณ์ด้วย โดยที่ตนเองอยู่ที่แยกการเรือนเห็นตำรวจวิ่งไล่มาจึงขอเข้าไปหลบอยู่ในบ้านประชาชนแถวนั้น และสังเกตจากช่องที่มองจากประตู ในช่วง 4โมงเห็นตำรวจยิ่งแก๊สน้ำตาหลายนัด และมีการขว้างวัตถุอย่างหนึ่งคล้ายแก๊สน้ำตา นอกจากนี้ยังมีผู้ชายโดนกระสุนปืนยางได้รับบาดเจ็บ ซึ่งน่าจะเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่รุ่งทิวาได้รับบาดเจ็บ

**รามาฯ ยันชายนิรนามอาการดีขึ้น
นพ.ธันย์ ประภัทร์พันธุ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลรามาธิบดี ได้เข้าตรวจเยี่ยมอาการชายนิรนามในช่วงเย็นวานนี้ (9 ต.ค.) กล่าวว่า ผู้ได้รับบาดเจ็บที่มีอาการบาดเจ็บที่บริเวณลำคอและสูญเสียมือ ยังคงต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ซึ่งปรากฎว่าเป็นผู้บาดเจ็บรายเดียวกันกับที่เป็นภาพข่าวในหนังสือพิมพ์หลายฉบับ ขณะนี้อาการโดยทั่วไปดีขึ้น มีสติ เริ่มทักทายญาติที่เดินทางมาเยี่ยมอาการในวันนี้ แต่พูดได้ไม่เป็นคำ และยังคงรักษาตัวอยู่ที่ห้องไอซียูเพื่อเฝ้าติดตามอาการอย่างใกล้ชิด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ญาติได้เดินทางมาเยี่ยมติดตามอาการตั้งแต่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามญาติ ยังไม่อยากให้เปิดเผยชื่อและนามสกุลด้วยเหตุผลบางประการ
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมทราบว่า ชายคนดังกล่าวมีชื่อว่า "ชิงชัย เจริญอุดมกิจ" ซึ่งเป็นสมาชิกของเครือข่ายศิลปินเพื่อประชาธิปไตย โดยในวันนี้ (10 ต.ค.) นายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ จะได้เปิดแถลงข่าวถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ในเวลา 14.00 น.
ขณะที่นพ.เกษม ตันติผลาชีวะ จิตแพทย์ประจำสถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา กล่าวว่า กรณีที่ตำรวจออกมาระบุว่าผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุการณ์การสลายการชุมนุม เกิดขึ้นจากอาวุธที่ผู้ร่วมชุมนุมพกพามาเองนั้น ส่วนตัวเชื่อว่าไม่ใช่ เพราะหากพกติดตัวบาดแผลจะต้องเละมากกว่านี้ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้สามารถพิสูจน์ได้ด้วยหลักนิติวิทยาศาสตร์ ควรมีการพิสูจน์และรอผลการชันสูตรศพ ไม่จำเป็นต้องออกมาโกหกซึ่งๆหน้า ยิ่งตำรวจออกมากล่าวเช่นนี้ ตำรวจจึงไม่ควรได้รับความไว้วางใจอีกต่อไป เพราะการที่ดำเนินการแล้วไม่รู้สึกผิด เท่ากับมีการไตร่ตรองและเจตนาที่จะทำร้ายประชาชน
“การที่ตำรวจมาใช้ความรุนแรงในช่วงเวลานี้ ผมเชื่อว่าต้องการให้ประเทศชาติเกิดจลาจล เพื่อใช้เป็นข้ออ้างว่าไม่สามารถอยู่ในประเทศนี้ได้ จะได้ข้อลี้ภัย ซึ่งคนที่ทำก็รู้ว่าทำเพื่อไร รู้ว่าหากอยู่ที่ประเทศจะลำบากก็ต้องไปอยู่ที่อื่น อีกหน่อยต่างประเทศคงเป็นสุสานของผู้บริหารประเทศไทย ที่พ้นจากตำแหน่งไปแล้ว” นพ.เกษมกล่าว.
กำลังโหลดความคิดเห็น