ผู้สื่อข่าวรายงานวา จากกรณีที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่า กทม. หมายเลข 8 ใช้ศอกฟันหน้า นายวิศาล ดิลกวณิช ผู้ดำเนินรายการข่าวเที่ยงวันทันเหตุการณ์ สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ภายหลังเสร็จสิ้นการสัมภาษณ์ เมื่อวันที่ 2 ต.ค.จนได้รับบาดเจ็บต้องนอนรักษาตัวที่ โรงพยาบาลสมิติเวช
วานนี้ (3 ต.ค.) นายวิศาล ดิลกวณิชย์ ให้สัมภาษณ์ว่ามีอาการปวดหัวและท้ายทอย 2 ข้าง รวมทั้งหูซ้ายและหูขวา ปวดคอ แพทย์ได้ให้ยาและบอกให้พักฟื้นรอดูอาการ ยอมรับว่า โลกหมุน มึนและทรงตัวไม่ค่อยดี ซึ่งแพทย์ได้แนะนำให้พักฟื้นที่โรงพยาบาลอย่างน้อย 2 วัน ส่วนเรื่องงานนั้น ผู้ใหญ่เข้าใจและให้หยุดงาน
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากกลับมาดำเนินรายการอีก จะยังสอบถามแขกรับเชิญในลักษณะเดิมหรือไม่ นายวิศาล กล่าวว่า ตนเป็นคนเดิมและจะซักถามแบบเดิม ทั้งนี้ ไม่รู้สึกขยาดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย ส่วนการทำคดีนั้น ตนให้ปากคำตำรวจแล้ว ตอนนี้เหลือการรวบรวมพยานหลักฐาน ที่เป็นเทปโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ ที่มีคำให้สัมภาษณ์ของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่กล่าวหาตน ด้วยข้อความที่ไม่เป็นความจริง โดยระบุว่า ตนบอกว่านายชูวิทย์ไม่ใช่ลูกผู้ชาย ซึ่งตนไม่ได้พูดคำดังกล่าว จึงเป็นการอ้างคำพูดเท็จ ทำให้คนอื่นเข้าใจผิด ดังนั้น ตนจะรวบรวมพยานหลักฐานให้ทนายฟ้องหมิ่นประมาทนายชูวิทย์ด้วย
เพื่อปกป้องเกียรติและศักดิ์ศรี รวมทั้งเพื่อให้เป็นบรรทัดฐาน เพราะถือเป็นครั้งแรกที่มีความป่าเถื่อนเกิดขึ้นในเมืองไทย ก่อนหน้านี้ ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทำให้เห็นถึงการแสดงตัวตนที่แท้จริงของนายชูวิทย์ออกมา โดยจะใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ในการฟ้อง ส่วนเรื่องทางแพ่ง อาจจะปรึกษาทีมทนายอีกครั้ง ว่าจะเรียกค่าเสียหายเท่าไร โดยเงินที่ได้มา จะมอบให้การกุศล
นายวิศาล กล่าวว่า ภายหลังเกิดเรื่อง นายชูวิทย์ไม่ได้ติดต่อมา ส่วนที่นายชูวิทย์ขอโทษผมผ่านสื่อ ถ้าจริงใจก็ยอมรับได้ แต่เท่าที่ดู เหมือนไม่ได้ออกมาจากใจจริง ตนขอยืนยันว่าได้ทำหน้าที่สื่อ โดยให้เกียรติ นายชูวิทย์ ทั้งก่อนหน้าและหลังรายการ ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 2 ต.ค. นายชูวิทย์พูดจาล่อแหลมและโจมตีผู้สมัครรายอื่น ตนจึงต้องคุมให้อยู่ ขอยืนยันว่า ตนทำตามกรอบและจริยธรรมจรรยาบรรณของสื่อ การถามอย่างตรงไปตรงมา เป็นการถามเพื่อประชาชน เนื่องจากคนที่จะเข้ามาบริหารบ้านเมือง จะต้องถูกตรวจสอบ ซึ่งเป็นหลักสากลอยู่แล้ว
นายสำราญ ฉัตรโท รองผู้จัดการฝ่ายข่าว สถานีโทรทัศน์ช่อง 3 กล่าวว่า นายวิศาล ต้องพักรักษาร่างกายเป็นเวลา 7 วันทาวรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ จึงได้ประสานให้ ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล มาดำเนินรายการแทน โดยนายวิศาลก็พักรักษาร่างกายอยู่ที่บ้านพักปกติ โดยไม่ได้เดินทางมาทำงานแต่อย่างใด
สำหรับความเคลื่อนไหวของ นายชูวิทย์ วันเดียวกัน ได้เดินทางไปยังที่ท่าน้ำวัดศรีบุญเรือง เพื่อทำบุญปล่อยเต่าจำนวน 19 ตัว พร้อมกับเขียนชื่อ นามสกุล ของตัวเอง ใต้ท้องเต่า รวมถึงปล่อยนก 7 ตัว ปลาไหล 7 ตัว และ หอยขม 600 ตัว รวม 633 ตัว โดยระบุ การทำบุญครั้งนี้ขออุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร โดยนายวิศาล ก็ถือเป็นเจ้ากรรมนายเวรคนหนึ่ง ส่วนจะมีการติดต่อมา เพื่อขอโทษหรือไม่ก็แล้วแต่ นายวิศาล จะเป็นผู้พิจารณา
นายชูวิทย์ กล่าวด้วยว่าขอให้ประชาชนชาวกรุงเทพฯ ตัดสินใจว่า จะเลือกตน เป็นผู้ว่าฯ กทม. หรือไม่ ในวันที่ 5 ต.ค. โดยยอมรับว่าการกระทำของตน เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องขออย่าให้เยาวชนเอาเป็นเยี่ยงอย่าง
ส่วนการดำเนินคดีนั้นพ.ต.อ.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผกก.สน.ทองหล่อ กล่าวถึง ความคืบหน้ากรณี นายชูวิทย์ทำร้ายร่างกาย นายวิศาล ดิลกวณิช ว่า ขณะนี้ได้สอบปากคำผู้เสียหายและพยานแวดล้อมไป จำนวน 2 ปาก แล้ว โดยพนักงานสอบสวนจะทำหนังสือแจ้งไปยัง นายชูวิทย์ เพื่อให้เข้ามาให้ปากคำในกรณีดังกล่าว ก่อนจะแจ้งข้อกล่าวหาเบื้องต้น คือ ทำร้ายร่างกาย แต่ทั้งนี้จะต้องรอผลตรวจ ร่างกายของผู้เสียหายจากแพทย์โรงพยาบาลสมิติเวชก่อน ว่า ผลตรวจมีบาดแผล ร้ายแรงมากน้อยขนาดไหน จากนั้นจะแจ้งข้อหาตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
อย่างไรก็ตาม ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ ยืนยัน จะให้ความเป็นธรรมแก่ทั้ง 2 ฝ่าย และจะดำเนินคดีให้เร็วที่สุด
วานนี้ (3 ต.ค.) นายวิศาล ดิลกวณิชย์ ให้สัมภาษณ์ว่ามีอาการปวดหัวและท้ายทอย 2 ข้าง รวมทั้งหูซ้ายและหูขวา ปวดคอ แพทย์ได้ให้ยาและบอกให้พักฟื้นรอดูอาการ ยอมรับว่า โลกหมุน มึนและทรงตัวไม่ค่อยดี ซึ่งแพทย์ได้แนะนำให้พักฟื้นที่โรงพยาบาลอย่างน้อย 2 วัน ส่วนเรื่องงานนั้น ผู้ใหญ่เข้าใจและให้หยุดงาน
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากกลับมาดำเนินรายการอีก จะยังสอบถามแขกรับเชิญในลักษณะเดิมหรือไม่ นายวิศาล กล่าวว่า ตนเป็นคนเดิมและจะซักถามแบบเดิม ทั้งนี้ ไม่รู้สึกขยาดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย ส่วนการทำคดีนั้น ตนให้ปากคำตำรวจแล้ว ตอนนี้เหลือการรวบรวมพยานหลักฐาน ที่เป็นเทปโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ ที่มีคำให้สัมภาษณ์ของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่กล่าวหาตน ด้วยข้อความที่ไม่เป็นความจริง โดยระบุว่า ตนบอกว่านายชูวิทย์ไม่ใช่ลูกผู้ชาย ซึ่งตนไม่ได้พูดคำดังกล่าว จึงเป็นการอ้างคำพูดเท็จ ทำให้คนอื่นเข้าใจผิด ดังนั้น ตนจะรวบรวมพยานหลักฐานให้ทนายฟ้องหมิ่นประมาทนายชูวิทย์ด้วย
เพื่อปกป้องเกียรติและศักดิ์ศรี รวมทั้งเพื่อให้เป็นบรรทัดฐาน เพราะถือเป็นครั้งแรกที่มีความป่าเถื่อนเกิดขึ้นในเมืองไทย ก่อนหน้านี้ ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทำให้เห็นถึงการแสดงตัวตนที่แท้จริงของนายชูวิทย์ออกมา โดยจะใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ในการฟ้อง ส่วนเรื่องทางแพ่ง อาจจะปรึกษาทีมทนายอีกครั้ง ว่าจะเรียกค่าเสียหายเท่าไร โดยเงินที่ได้มา จะมอบให้การกุศล
นายวิศาล กล่าวว่า ภายหลังเกิดเรื่อง นายชูวิทย์ไม่ได้ติดต่อมา ส่วนที่นายชูวิทย์ขอโทษผมผ่านสื่อ ถ้าจริงใจก็ยอมรับได้ แต่เท่าที่ดู เหมือนไม่ได้ออกมาจากใจจริง ตนขอยืนยันว่าได้ทำหน้าที่สื่อ โดยให้เกียรติ นายชูวิทย์ ทั้งก่อนหน้าและหลังรายการ ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 2 ต.ค. นายชูวิทย์พูดจาล่อแหลมและโจมตีผู้สมัครรายอื่น ตนจึงต้องคุมให้อยู่ ขอยืนยันว่า ตนทำตามกรอบและจริยธรรมจรรยาบรรณของสื่อ การถามอย่างตรงไปตรงมา เป็นการถามเพื่อประชาชน เนื่องจากคนที่จะเข้ามาบริหารบ้านเมือง จะต้องถูกตรวจสอบ ซึ่งเป็นหลักสากลอยู่แล้ว
นายสำราญ ฉัตรโท รองผู้จัดการฝ่ายข่าว สถานีโทรทัศน์ช่อง 3 กล่าวว่า นายวิศาล ต้องพักรักษาร่างกายเป็นเวลา 7 วันทาวรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ จึงได้ประสานให้ ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล มาดำเนินรายการแทน โดยนายวิศาลก็พักรักษาร่างกายอยู่ที่บ้านพักปกติ โดยไม่ได้เดินทางมาทำงานแต่อย่างใด
สำหรับความเคลื่อนไหวของ นายชูวิทย์ วันเดียวกัน ได้เดินทางไปยังที่ท่าน้ำวัดศรีบุญเรือง เพื่อทำบุญปล่อยเต่าจำนวน 19 ตัว พร้อมกับเขียนชื่อ นามสกุล ของตัวเอง ใต้ท้องเต่า รวมถึงปล่อยนก 7 ตัว ปลาไหล 7 ตัว และ หอยขม 600 ตัว รวม 633 ตัว โดยระบุ การทำบุญครั้งนี้ขออุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร โดยนายวิศาล ก็ถือเป็นเจ้ากรรมนายเวรคนหนึ่ง ส่วนจะมีการติดต่อมา เพื่อขอโทษหรือไม่ก็แล้วแต่ นายวิศาล จะเป็นผู้พิจารณา
นายชูวิทย์ กล่าวด้วยว่าขอให้ประชาชนชาวกรุงเทพฯ ตัดสินใจว่า จะเลือกตน เป็นผู้ว่าฯ กทม. หรือไม่ ในวันที่ 5 ต.ค. โดยยอมรับว่าการกระทำของตน เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องขออย่าให้เยาวชนเอาเป็นเยี่ยงอย่าง
ส่วนการดำเนินคดีนั้นพ.ต.อ.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผกก.สน.ทองหล่อ กล่าวถึง ความคืบหน้ากรณี นายชูวิทย์ทำร้ายร่างกาย นายวิศาล ดิลกวณิช ว่า ขณะนี้ได้สอบปากคำผู้เสียหายและพยานแวดล้อมไป จำนวน 2 ปาก แล้ว โดยพนักงานสอบสวนจะทำหนังสือแจ้งไปยัง นายชูวิทย์ เพื่อให้เข้ามาให้ปากคำในกรณีดังกล่าว ก่อนจะแจ้งข้อกล่าวหาเบื้องต้น คือ ทำร้ายร่างกาย แต่ทั้งนี้จะต้องรอผลตรวจ ร่างกายของผู้เสียหายจากแพทย์โรงพยาบาลสมิติเวชก่อน ว่า ผลตรวจมีบาดแผล ร้ายแรงมากน้อยขนาดไหน จากนั้นจะแจ้งข้อหาตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
อย่างไรก็ตาม ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ ยืนยัน จะให้ความเป็นธรรมแก่ทั้ง 2 ฝ่าย และจะดำเนินคดีให้เร็วที่สุด
