xs
xsm
sm
md
lg

ปะทะเดือดทหารไทย-เขมรหลังรุกล้ำเข้ามาในเขตแดน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 15.45 น. วานนี้ (3 ต.ค.) ได้เกิดเหตุการณ์การ ปะทะกันระหว่างทหารไทย กับ กองกำลังไม่ทราบฝ่าย ที่บริเวรตีนเขาภูมะเขือ จ.ศรีษะเกษ ซึ่งกำลังทหารไทยได้ไปปฏิบัติภารกิจลาดตระเวน ตามที่ พล.ต. กนก เนตระคเวสนะ ผบ.กองกำลังสุรนารี ได้จัดให้เจ้าหน้าที่ทหารไปปฏิบัติการในบริเวณดังกล่าว ทั้งนี้ จากการปะทะกันนานกว่า 20 นาที ทำให้เจ้าหน้าที่ทหาร ของกองกำลังสุรนารีได้รับบาดเจ็บ 2 นาย โดยถูกอาวุธสงครามของกองกำลังไม่ทราบฝ่ายยิงที่บริเวณขา
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับกองกำลังไม่ทราบฝ่ายได้รับบาดเจ็บไป 3 นาย ก่อนที่จะหลบหนีขึ้นไปบริเวณตีเขาภูมะเขือ หลังเกิดเหตุ พล.ต. กนก รายงานให้ พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ทราบรายละเอียด โดย พล.อ. อนุพงษ์ สั่งการให้ พล.ต.กนก ดูแลพื้นที่อย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะกำลังพลที่ลาดตระเวนอยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุ
พล.ท. วิบูลย์ศักดิ์ หนีพาล แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า เหตุการณ์เกิดประมาณ 15.00 น. ซึ่งกำลังฝ่ายไทยลาดตระเวนอยู่บริเวณฝั่งตะวันตกของเขาพระวิหาร แล้วพบกับกำลังของกัมพูชา จำนวน 1 หมู่ ลาดตระเวนล่วงล้ำเข้ามาในพื้นที่ฝั่งไทยประมาณ 1 กิโลเมตร ทำให้ทหารไทยยิงปืนขึ้นฟ้าเพื่อแจ้งเตือน แต่พื้นที่เป็นป่าทึบ ทำให้เกิดเหตุปะทะกันขึ้นระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชา ส่งผลให้บาดเจ็บทั้งคู่ ซึ่งทหารไทยบาดเจ็บ 2 นาย
พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้เราได้ผลักดันทหารกัมพูชากลับเข้าไปในเขตแดนกัมพูชาแล้ว และได้ประสานทางกัมพูชาแล้ว ซึ่งเขาอยู่ระหว่างเคลียร์กำลังกลับเข้าเขตชายแดนของกัมพูชา อย่างไรก็ตาม ส่วนสาเหตุนั้นยังไม่แน่ใจว่าพลัดหลงเข้ามาหรือเป็นความตั้งใจ เพราะเป็นพื้นที่ป่าทึบ แต่สถานการณ์ขณะนี้ยังไม่น่าเป็นห่วง และยังไม่ได้รายงานให้กับ พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบกรับทราบ
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า เมื่อเวลา 15.45 น.มีทหารกัมพูชาเข้ามาฝั่งไทย 8 นาย เพื่อตั้งฐานลาดตระเวนลึกเข้ามาในฝั่งไทย 1 กม. บริเวณระหว่างภูมะเขือและช่องอานม้า ซึ่งไทยจัดทหารเข้าไปเจรจา 10 กว่าคน โดยเป็นเจ้าหน้าที่ทหารร้อยลาดตระเวนไกลการข่าวและยุทธการ เพื่อขอให้กำลังดังกล่าวออกนอกพื้นที่ แต่การเจรจาไม่สามารถตกลงกันได้ โดยกัมพูชายืนยันไม่ออกจากพื้นที่ และพูดจาไม่ดี เมื่อพูดจาไม่รู้เรื่อง ทหารไทยจึงเดินกลับเข้ามาแจ้งให้ผู้ใหญ่ทราบสถานการณ์ว่า กัมพูชาไม่ยอมถอยล่น
ระหว่างนั้นมีทหารกัมพูชาพูดจายั่วยุและยิงปืนขึ้นฟ้า 2 นัด แล้วมีทหารกัมพูชายิงปืนไล่หลังมา ทำให้มีจ่าทหารพราน และอาสาทหารพรานบาดเจ็บที่ขาและก้น ทำให้มีการปะทะกันประมาณ 20 นาที ก่อนที่เสียงปืนจะยุติลงปรากฏว่าหลังการปะทะ ทหารไทยบาดเจ็บ 2 นาย กำลังอยู่ระหว่างนำออกนอกพื้นที่ แต่สภาพเป็นป่าทึบ ทำให้การเคลื่อนย้ายออกมาลำบาก ซึ่ง พล.ต. กนก รายงานให้ พล.อ. อนุพงษ์ รับทราบ และให้ พล.ต.กนก ดำเนินการเจรจากลับผู้นำทางทหารในพื้นที่กัมพูชารับทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น”พ.อ.สรรเสริญ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ซึ่งจะมีขึ้นในวันจันทร์ที่ 6 ต.ค.นี้นอกจากจะมีการพิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษา ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจอาเซียน-ญี่ปุ่นแล้ว ยังมีเรื่องด่วน ที่นายกรัฐมนตรี เสนอต่อประธานรัฐสภา เพื่อให้ที่ประชุมรับทราบกรอบการเจรจาข้อตกลงชั่วคราวไทย-กัมพูชา เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนบริเวณเขาพระวิหารด้วย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดความตึงเครียด และลดการเผชิญหน้าทางทหารระหว่างไทย-กัมพูชา ระหว่างรอให้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา สำรวจและจัดทำหลักเขตแดนในพื้นที่ดังกล่าวแล้วเสร็จ โดยมีสาระสำคัญ 6 ข้อ คือ
1.ปรับกำลังของแต่ละฝ่ายออกจากวัดแก้วสิขาคีรีสะวารา พื้นที่รอบวัด และปราสาทพระวิหาร เหลือไว้เพียงชุดติดตามสถานการณ์ของแต่ละฝ่ายในจำนวนที่เท่ากัน
2. จัดการประชุมระหว่างหัวหน้าชุดประสานงานชั่วคราวฝ่ายกัมพูชากับประธานคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคฝ่ายไทย เป็นครั้งที่ 2 ที่กัมพูชา เพื่อหารือเรื่องการปรับกำลังช่วงที่สองและให้ฝ่ายไทยจัดตั้งชุดประสานงานชั่วคราว
3. เก็บกู้ทุ่นระเบิดในลักษณะที่ประสานงานกันในพื้นที่ที่จะทำการสำรวจ และจัดทำหลักเขตแดน โดยเจบีซี ตามบันทึกความเข้าใจปี2543
4. ให้เจบีซีกำหนดพื้นที่ที่จะทำให้อยู่ในสภาพพร้อมสำหรับการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนภายใต้แผนแม่บท และข้อกำหนดอำนาจหน้าที่ของเจบีซี และทำให้พื้นที่ดังกล่าวอยู่ในสภาพพร้อมก่อนที่ชุดสำรวจร่วมจะเริ่มงาน
5. จัดตั้งชุดประสานงานชั่วคราว ประกอบด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสองฝ่าย เพื่อพิจารณาปัญหาที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ รวมทั้งวัดแก้วสิขาคีรีสะวารา และ 6. ข้อตกลงชั่วคราวนี้ จะไม่กระทบต่อสิทธิของแต่ละฝ่าย เกี่ยวกับการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนในกรอบของเจบีซี และท่าทีทางกฎหมายของตน
กำลังโหลดความคิดเห็น