ผู้จัดการรายวัน - ตลาดลูกอมแผ่ว ปีนี้เติบโตเพียง 1-2% เหตุผู้นำตลาดไม่ทำกิจกรรม การทำตลาดไม่โดนใจ "เยเนอรัลแคนดี้" ทุ่ม 50ล้านบาท บุกตลาดฮาร์ทบีท จัมโบ้ หวังขยายฐานลูกค้าเพิ่ม สิ้นปีรายได้เกินเป้าเติบโต35% ล่าสุดแตกไลน์รับเป็นดิสทริบิวเตอร์ขายลูกอมรสกาแฟ แบรนด์ "เอสเปรซโซ่" จากอินโดนีเซีย ท้าชนโกปิโก้
นายนพดล รุ่งวีรกุลอนันต์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท เยเนอรัลแคนดี้ จำกัด หรือ จีซี ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายลูกอมฮาร์ทบีท เปิดเผยว่า ตลาดลูกอมมูลค่า 5,000 ล้านบาทในปีนี้ เชื่อว่าจะเติบโตเพียง 1-2% จากปกติเติบโต 5% เพราะเจ้าตลาดปีนี้ไม่ค่อยมีกิจกรรมส่งเสริมการขาย ไม่มีกลยุทธ์การตลาดที่น่าสนใจ ขณะที่ปัญหาทางการเมืองไม่ได้ส่งผลกระทบกับตลาดลูกอมมากนัก เพราะเป็นสินค้าแมสราคาถูก
ส่วนของบริษัทฯต้นทุนเพิ่มขึ้น 10-15% จากราคาน้ำมันส่งผลให้เม็ดพลาสติกซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักในการทำแพกเก็จจิ้ง และน้ำตาลส่วนผสมหลักในการผลิตลูกอม มีราคาสูงขึ้น แต่ทางบริษัทฯมีการปรับขั้นตอนการผลิตให้มีประสิทธิภาพทดแทน เปลี่ยนแพ็กเก็จจิ้งใหม่เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา ช่วยให้รักษาระดับต้นทุนไว้ได้ ขณะที่ในส่วนของรสชาติ น้ำหนักของลูกอม ไม่มีการลดปริมาณหรือน้ำตาลลงแต่อย่างไร อย่างไรก็ตามยอดขายของบริษัทฯในรอบ 10 เดือนที่ผ่านมา ยอดขายเติบโต 25% ตามเป้าทั้งปีที่วางไว้ ดังนั้นอีก 3 เดือนที่เหลือ จะปรับยอดใหม่ หรือทั้งปีเชื่อว่าจะมีรายได้เติบโตขึ้นไม่ต่ำกว่า 35%
บริษัทฯมีแผนขยายฐานตลาดกลุ่มฮาร์ทบีท จัมโบ้มากขึ้น ในไตรมาส 4 นี้ ได้จัดสรรงบการตลาดกว่า 50 ล้านบาท จากเดิมปีนี้ตั้งงบการตลาด 120 ล้านบาท มุ่งเน้นไปยังฮาร์ทบีท จุ๊ยซี่ เป็นหลัก เชื่อว่าจะทำให้ฐานลูกค้าตั้งแต่มัธยมปลายไปจนถึงเฟิร์ส จ๊อบเปอร์ ได้เพิ่มขึ้น หรือสามารถเพิ่มสัดส่วนยอดขายจากฮาร์ทบีท จัมโบ้เป็น 40% ได้ในปีหน้า
ปัจจุบันลูกอมฮาร์ทบีท มี 3 กลุ่มใหญ่ คือ 1. ฮาร์ทบีท จุ๊ยซี่ 2.ฮาร์ทบีท จัมโบ้ และ 3.ฮาร์ทบีท ฟอร์จูน เลิฟ โดยรายได้กว่า 70% จะมาจากฮาร์ทบีท จุ๊ยซี่ และฮาร์ทบีท จัมโบ้อีกเกือบ 30% ขณะที่ฮาร์ทบีท ฟอร์จูน เลิฟ มีรายได้ที่ยังน้อยมาก
ด้านนางสาวจิราภรณ์ อังคเศกวิไล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท จี.ซี.ดิสทริบิวชั่น จำกัด หรือ จีซีดี หนึ่งในเครือ เยเนอรัลแคนดี้ กล่าวว่า ปีนี้ทางบริษัทฯได้เป็นดิสทริบิวเตอร์ นำเข้าและจัดจำหน่ายลูกอมรสกาแฟ แบรนด์ เอสเปรซโซ่ จากประเทศอินโดนีเซีย ทำสัญญา 5 ปี เริ่มทำตลาดมาตั้งแต่ช่วงกลางเดือนก.ค.เป็นต้นมา ภายใต้งบการตลาดของครึ่งปีหลังนี้กว่า 30 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะมาจากบริษัทแม่ที่ประเทศอินโดนีเซีย ของกลุ่มบริษัท KAPALAPI โดยตั้งเป้าส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 20% ของกลุ่มตลาดลูกอมรสกาแฟมูลค่า 800 ล้านบาท มีโกปิโก้เป็นผู้ครองแชร์กว่า 700 ล้านบาท
"เอสเปรซโซ่ เป็นลูกอมรสกาแฟ ที่นำเข้าจากประเทศอินโดนีเซีย เช่นเดียวกับลูกอมรสกาแฟแบรนด์โกปิโก้ โดยในอินโดนีเซีย โกปิโก้เป็นผู้นำในตลาดลูกอมรสกาแฟ และในภูมิภาคเอเชีย ส่วนเอสเปรซโซ่อยู่ในอันดับ2 ซึ่งในระดับภูมิภาคเพิ่งเริ่มทำตลาด ทั้งในฟิลิปปินส์และเวียดนาม ส่วนไทยเราได้เป็นตัวแทนจำหน่ายให้ เพราะมีศักยภาพในการกระจายสินค้าสู่ประเทศพม่า ลาวและเขมรต่อได้ ขณะที่ตลาดลูกอมรสกาแฟมีผู้เล่นจริงจังเพียงโกปิโก้ซึ่งจับกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้ชายเป็นหลัก ส่วนเอสเปรซโซ่ ถึงแม้จะเข้ามาตีตลาดชนกับโกปิโก้ก็ตาม แต่ก็จะเริ่มจากฐานลูกค้าที่เป็นผู้หญิงก่อน โดยนำเสนอผ่านลูกเล่นที่มีการสอดไส้ โดยราคาจำหน่ายจะเท่ากับโกปิโก้"
ปัจจุบัน ตลาดรวมลูกอมมีมูลค่า 5,000 ล้านบาท แบ่งออกเป็นกลุ่มใหญ่ คือ 1.เม็ดแข็ง 54% หรือกว่า 2,700 ล้านบาท แบ่งออกได้เป็น ลูกอมรีเฟรชเม้นท์ 1,400 ล้านบาท และรสผลไม้ 1,300 ล้านบาท ซึ่งฮาร์ทบีทเป็นผู้นำในกลุ่มนี้ ตามมาคือ โอเล่ และฮอลล์ 2.เคี้ยวนุ่ม 25% มีซูกัสและมายมิ้นท์ 3.ลูกอมอื่นๆ 21% เช่น ลูกอมยา ขณะที่กลุ่มลูกอมประเภทรีเฟรชเม้นท์ และรสผลไม้ เป็นกลุ่มที่มีอัตราการเติบโตสูงสุดประมาณ 1-2% โดยมาจากการออกรสชาติใหม่ๆเป็นหลัก
นายนพดล รุ่งวีรกุลอนันต์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท เยเนอรัลแคนดี้ จำกัด หรือ จีซี ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายลูกอมฮาร์ทบีท เปิดเผยว่า ตลาดลูกอมมูลค่า 5,000 ล้านบาทในปีนี้ เชื่อว่าจะเติบโตเพียง 1-2% จากปกติเติบโต 5% เพราะเจ้าตลาดปีนี้ไม่ค่อยมีกิจกรรมส่งเสริมการขาย ไม่มีกลยุทธ์การตลาดที่น่าสนใจ ขณะที่ปัญหาทางการเมืองไม่ได้ส่งผลกระทบกับตลาดลูกอมมากนัก เพราะเป็นสินค้าแมสราคาถูก
ส่วนของบริษัทฯต้นทุนเพิ่มขึ้น 10-15% จากราคาน้ำมันส่งผลให้เม็ดพลาสติกซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักในการทำแพกเก็จจิ้ง และน้ำตาลส่วนผสมหลักในการผลิตลูกอม มีราคาสูงขึ้น แต่ทางบริษัทฯมีการปรับขั้นตอนการผลิตให้มีประสิทธิภาพทดแทน เปลี่ยนแพ็กเก็จจิ้งใหม่เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา ช่วยให้รักษาระดับต้นทุนไว้ได้ ขณะที่ในส่วนของรสชาติ น้ำหนักของลูกอม ไม่มีการลดปริมาณหรือน้ำตาลลงแต่อย่างไร อย่างไรก็ตามยอดขายของบริษัทฯในรอบ 10 เดือนที่ผ่านมา ยอดขายเติบโต 25% ตามเป้าทั้งปีที่วางไว้ ดังนั้นอีก 3 เดือนที่เหลือ จะปรับยอดใหม่ หรือทั้งปีเชื่อว่าจะมีรายได้เติบโตขึ้นไม่ต่ำกว่า 35%
บริษัทฯมีแผนขยายฐานตลาดกลุ่มฮาร์ทบีท จัมโบ้มากขึ้น ในไตรมาส 4 นี้ ได้จัดสรรงบการตลาดกว่า 50 ล้านบาท จากเดิมปีนี้ตั้งงบการตลาด 120 ล้านบาท มุ่งเน้นไปยังฮาร์ทบีท จุ๊ยซี่ เป็นหลัก เชื่อว่าจะทำให้ฐานลูกค้าตั้งแต่มัธยมปลายไปจนถึงเฟิร์ส จ๊อบเปอร์ ได้เพิ่มขึ้น หรือสามารถเพิ่มสัดส่วนยอดขายจากฮาร์ทบีท จัมโบ้เป็น 40% ได้ในปีหน้า
ปัจจุบันลูกอมฮาร์ทบีท มี 3 กลุ่มใหญ่ คือ 1. ฮาร์ทบีท จุ๊ยซี่ 2.ฮาร์ทบีท จัมโบ้ และ 3.ฮาร์ทบีท ฟอร์จูน เลิฟ โดยรายได้กว่า 70% จะมาจากฮาร์ทบีท จุ๊ยซี่ และฮาร์ทบีท จัมโบ้อีกเกือบ 30% ขณะที่ฮาร์ทบีท ฟอร์จูน เลิฟ มีรายได้ที่ยังน้อยมาก
ด้านนางสาวจิราภรณ์ อังคเศกวิไล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท จี.ซี.ดิสทริบิวชั่น จำกัด หรือ จีซีดี หนึ่งในเครือ เยเนอรัลแคนดี้ กล่าวว่า ปีนี้ทางบริษัทฯได้เป็นดิสทริบิวเตอร์ นำเข้าและจัดจำหน่ายลูกอมรสกาแฟ แบรนด์ เอสเปรซโซ่ จากประเทศอินโดนีเซีย ทำสัญญา 5 ปี เริ่มทำตลาดมาตั้งแต่ช่วงกลางเดือนก.ค.เป็นต้นมา ภายใต้งบการตลาดของครึ่งปีหลังนี้กว่า 30 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะมาจากบริษัทแม่ที่ประเทศอินโดนีเซีย ของกลุ่มบริษัท KAPALAPI โดยตั้งเป้าส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 20% ของกลุ่มตลาดลูกอมรสกาแฟมูลค่า 800 ล้านบาท มีโกปิโก้เป็นผู้ครองแชร์กว่า 700 ล้านบาท
"เอสเปรซโซ่ เป็นลูกอมรสกาแฟ ที่นำเข้าจากประเทศอินโดนีเซีย เช่นเดียวกับลูกอมรสกาแฟแบรนด์โกปิโก้ โดยในอินโดนีเซีย โกปิโก้เป็นผู้นำในตลาดลูกอมรสกาแฟ และในภูมิภาคเอเชีย ส่วนเอสเปรซโซ่อยู่ในอันดับ2 ซึ่งในระดับภูมิภาคเพิ่งเริ่มทำตลาด ทั้งในฟิลิปปินส์และเวียดนาม ส่วนไทยเราได้เป็นตัวแทนจำหน่ายให้ เพราะมีศักยภาพในการกระจายสินค้าสู่ประเทศพม่า ลาวและเขมรต่อได้ ขณะที่ตลาดลูกอมรสกาแฟมีผู้เล่นจริงจังเพียงโกปิโก้ซึ่งจับกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้ชายเป็นหลัก ส่วนเอสเปรซโซ่ ถึงแม้จะเข้ามาตีตลาดชนกับโกปิโก้ก็ตาม แต่ก็จะเริ่มจากฐานลูกค้าที่เป็นผู้หญิงก่อน โดยนำเสนอผ่านลูกเล่นที่มีการสอดไส้ โดยราคาจำหน่ายจะเท่ากับโกปิโก้"
ปัจจุบัน ตลาดรวมลูกอมมีมูลค่า 5,000 ล้านบาท แบ่งออกเป็นกลุ่มใหญ่ คือ 1.เม็ดแข็ง 54% หรือกว่า 2,700 ล้านบาท แบ่งออกได้เป็น ลูกอมรีเฟรชเม้นท์ 1,400 ล้านบาท และรสผลไม้ 1,300 ล้านบาท ซึ่งฮาร์ทบีทเป็นผู้นำในกลุ่มนี้ ตามมาคือ โอเล่ และฮอลล์ 2.เคี้ยวนุ่ม 25% มีซูกัสและมายมิ้นท์ 3.ลูกอมอื่นๆ 21% เช่น ลูกอมยา ขณะที่กลุ่มลูกอมประเภทรีเฟรชเม้นท์ และรสผลไม้ เป็นกลุ่มที่มีอัตราการเติบโตสูงสุดประมาณ 1-2% โดยมาจากการออกรสชาติใหม่ๆเป็นหลัก