xs
xsm
sm
md
lg

ขอคารวะนายพลอาชีพอำลาชีวิตทหาร

เผยแพร่:   โดย: ว.ร.ฤทธาคนี

เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ที่ผ่านมา มีนายทหารสองท่านที่อำลาชีวิตราชการทหาร และเป็นผู้ซึ่งผู้เขียนมีความศรัทธานับถือ ท่านแรก คือ พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ อดีต ผบ.สส. และพล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข อดีต ผบ.ทอ. ทั้งสองท่านดำรงตำแหน่งสำคัญยิ่งทางทหารในระหว่างที่เกิดวิกฤต การเมืองรุนแรงมากอีกครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมืองไทย เพราะเป็นเรื่องที่ประชาชนสองกลุ่มมีความคิดเห็นแตกแยกกัน

ฝ่ายหนึ่งต่อต้านระบอบทักษิณกับฝ่ายหนึ่งยินดีสนับสนุนชื่นชมระบอบทักษิณ ซึ่งยังครองอำนาจรัฐผ่านการเลือกตั้งที่ถูกระแวงว่าไม่บริสุทธิ์ด้วยมีผู้บริหารพรรคพลังประชาชนถูกใบแดงเพราะทุจริตเลือกตั้ง ฉะนั้นความขัดแย้งยังไม่ยุติ และความระแวงว่าระบอบทักษิณจะกลับครอบครองเมืองอย่างถาวรยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เพราะว่านายกรัฐมนตรีชื่อนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นน้องเขยคนโปรดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรและมีบทบาทในการเจรจาเพื่อต่อสู้ในคืนวันรัฐประหาร 19 กันยายน 2549และกำลังขอให้แก้ รธน.ฉบับ2550 โดยใช้กลยุทธ์ใหม่

ทั้งพล.อ.บุญสร้าง และพล.อ.อ.ชลิตเป็นสมาชิก คปค.ซึ่งต่อมาแปรสภาพเป็น คมช.ที่ทำการยึดอำนาจการปกครองรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพราะมีหลักฐานชัดเจนว่า การบริหารราชการของรัฐบาลได้ก่อให้เกิดปัญหาความขัดแย้งแบ่งฝ่าย สลายความรู้สึกรู้รักสามัคคีของคนในชาติ กลุ่มปัญญาชน และผู้ยึดความชอบธรรมเคลือบแคลงสงสัยว่า การบริหารแผ่นดินส่อไปในทางทุจริตประพฤติมิชอบอย่างกว้างขวาง หน่วยงานอิสระ รวมทั้งฝ่ายยุติธรรมและตุลาการ ถูกอำนาจการเมืองครอบงำ ทำให้กิจกรรมทางการเมืองและการทหารเกิดปัญหาระแวงกัน เป็นอุปสรรคนานัปการ

นอกจากนี้ยังมีข่าวลืออันเป็นข่าวอัปมงคลที่ฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณมีพฤติกรรม และวจีกรรมส่อให้เห็นว่าเป็นการจาบจ้วงพระราชอำนาจพระมหากษัตริย์ จนนายประมวล รุจนเสรี ได้เขียนหนังสือพระราชอำนาจเพื่อเตือนสติและเตือนใจประชาชนชาวไทย และเพราะเคยร่วมก่อตั้งพรรคไทยรักไทยกับ พ.ต.ท.ทักษิณจึงรู้ธาตุแท้ สำหรับหนังสือพระราชอำนาจนั้นเป็นที่ฮือฮามาก เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีราชดำรัสว่า “เราอ่านแล้ว เราชอบมาก เขียนได้ดี เขียนได้ถูกต้อง”

การดำรงตนของสองนายพลในขณะที่วิกฤตการเมืองไทยเป็นเหมือนทะเลบ้าเพราะความชอบธรรมถูกละเมิดนั้นเต็มไปด้วยความลำบาก โดยเฉพาะการแสดงความคิดเห็นตลอดระยะเวลาที่นายสมัครเป็นนายกรัฐมนตรีและรมว.กห. และการคืนอำนาจประชาธิปไตยให้กับปวงชนชาวไทยของ คมช.โดยไม่มีอำนาจการเมืองมารองรับยิ่งทำให้สองนายพลนี้ล่อแหลมต่อการถูกกล่าวร้ายทางการเมืองได้ ส่วน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ซึ่งยังเป็นผู้บัญชาการทหารบก แต่อยู่ภายใต้นักการเมืองฝ่ายระบอบทักษิณที่กลุ่มทหารนี้ได้กระทำรัฐประหารขับไล่ออกไปจึงต้องเฝ้าดูกลยุทธ์การทหารกับฝ่ายการเมืองต่อไป

ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา นายพลสองท่านได้ใช้ความจริงใจ การควบคุมอารมณ์และบุคลิกภาพที่อ่อนโยนแต่แกร่งด้วยอุดมการณ์รักชาติ รักแผ่นดิน เป็นราชภักดีและรักประชาชนทำให้เกิดเสน่ห์บารมี เป็นที่เชื่อมั่นของประชาชนคนไทยที่รักความเป็นธรรม รักความชอบธรรม และต้องการให้มาตรฐานความชอบธรรมของคนไทยสูงขึ้นกว่าปัจจุบันนี้

พล.อ.บุญสร้าง เป็นเด็กสุพรรณจบจาก ร.ร.สองพี่น้องวิทยาสู่ ตท.รุ่นที่ 6 และจปร.รุ่นที่ 17 เพราะเรียนเก่งจึงได้ทุนไปเรียนที่สหรัฐฯ ผ่านมหาวิทยาลัยนอริช และโรงเรียนนายร้อยเวสต์ปอยต์ ปริญญาโท MIT และปริญญาเอกที่ AIT ในสาขาวิศวกรรม จึงเป็นทหารช่างผ่านชีวิตอาจารย์ ผู้บังคับกองพัน นายทหารฝ่ายเสนาธิการ เป็นนักการทหาร นักยุทธศาสตร์ระดับสากล งานสำคัญคือเป็นสถาปนิกผู้สร้างโครงสร้างความมั่นคงในภูมิภาคนี้ก็ว่าได้ หรือเรียกได้ว่าเป็นผู้ประสานมือของนักรบแห่งภูมิภาค และสิ่งนี้เองทำให้มีชื่อเสียงระดับสหประชาชาติจนได้รับความไว้วางใจเป็นผู้บัญชาการกองกำลังรักษาสันติภาพติมอร์ตะวันออก หรือ United Nation Transtional Administration in EastTimor (UNTAET)

ด้วยลักษณะของคนที่มี EQ และ IQ สูงทำให้พล.อ.บุญสร้างสามารถเกลี่ยกล่อมพล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุดที่ได้รับคำสั่งจาก พ.ต.ท.ทักษิณให้เตรียมกำลังสู้ และตัวเองตัดสินที่เข้าข้าง คปค.เพื่อลดแรงเสียดทาน ทำให้การรัฐประหารเกิดเอกภาพซึ่งถือว่าเป็นชอบธรรม ขณะที่ฝ่าย พล.อ.เรืองโรจน์ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงกำลังคิดต่อสู้ในขณะหัวเลี้ยวหัวต่อของการรัฐประหารซึ่งโมเมนตัมรัฐประหารของฝ่าย พล.อ.สนธิยังไม่มีพลังเต็มที่ ซึ่งหากกองทัพขาดเอกภาพต้องสู้กันเองแล้ว ความพินาศฉิบหายจะเกิดแก่ประเทศชาติซึ่งตัวเองไม่เคยคิดใฝ่สูงไม่เคยคิดถึงอำนาจ

ส่วนพล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข เป็นนักเรียนโยธินบูรณะ, ตท.รุ่นที่ 6 และนนอ.รุ่นที่ 13 ไม่เคยใฝ่สูงที่จะเป็นใหญ่ในกองทัพอากาศ ซึ่งทุกคนในกองทัพที่ใกล้ชิดกับ พล.อ.อ.ชลิต จะรู้เรื่องนี้ดี ไม่เคยคิดที่จะแย่งตำแหน่งกับเพื่อนจึงเป็นที่รักของเพื่อนรุ่น และเป็นสุภาพบุรุษกับทุกคน

ดังนั้น ในชีวิตรับราชการของ พล.อ.อ.ชลิต จึงดูไม่โลดโผน แต่แท้จริงแล้วด้วย EQ และ IQ ทำให้ผู้บังคับบัญชามอบหมายภารกิจสำคัญๆ เสมอ แต่หากว่าเพื่อนคนไหนต้องการจะทำแล้ว พล.อ.อ.ชลิต ก็จะเรียนผู้บังคับบัญชาให้มอบภารกิจนั้นให้เพื่อนไปทำแทน แต่งานไหนก็ตามที่ได้ทำแล้วงานนั้นจะสำเร็จอย่างสมบูรณ์โดยเฉพาะการบินรบที่ต้องเสี่ยงชีวิต เช่น กรณีเหตุการณ์บ้านร่มเกล้า

ความที่เกิดในตระกูลทหารอย่างแท้จริงและสมบูรณ์ จึงทำให้มีความซื่อสัตย์ต่อแผ่นดิน และราชบัลลังก์เข้มข้น และคิดถึงคนไทยเสมอ เมื่อได้รับตำแหน่ง ผบ.ทอ.ซึ่งเดิมไม่มีชื่อ แต่เป็นโชคของชาติที่กลายเป็นตัวเลือกที่ไม่ได้เกิดจากพ.ต.ท.ทักษิณเลย และถ้าเป็นคนอื่นคงต้องรบกันเองในวันที่รัฐประหาร

จึงขอคารวะสองนายทหารผู้นี้ด้วยวลีอมตะของนายพลแมคอาเธอร์ ที่กล่าวคำอำลาชีวิตทหาร 2 วาระ 2 แห่งครั้งแรกที่รัฐสภาเมื่อ ค.ศ. 1951 ว่า “ทหารเก่าไม่เคยตาย แต่จะค่อยๆ จางหายไป” และเมื่อ ค.ศ. 1962 ที่โรงเรียนเวสต์ปอยต์ ว่า “หน้าที่ เกียรติ และประเทศชาติ”
กำลังโหลดความคิดเห็น