xs
xsm
sm
md
lg

จวก"สมชาย"กระทืบศธ.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน - เสียงประณาม ครม.สมชายยังกระหึ่ม “อภิสิทธิ์” ชี้ตั้ง “ศรีเมือง” นั่ง ศธ.เป็นการตอบแทนทางการเมือง งง! งานแรกแจกโน๊ตบุ๊ค "หมอบรรลุ” บอกเห็น รมต.ใหม่แล้วไม่สบายใจ แก้ปัญหาประเทศไม่ได้ ส่วนเป็ดเหลิมไม่รู้เรื่องก็อย่ามายุ่งงาน สธ.มาก ลือควงลูกชายกลับมาเป็นผู้ช่วยฯ แฉตระกูลภัทรประสิทธิ์ขายโครงการเรือยอร์ชพร้อมคอนโดหรู 1.4 พันล้าน รับทรัพย์แล้ว 30%แต่ไม่สร้าง ด้านนักวิชาการห่วงทีมเศรษฐกิจ มีแต่คนการเมืองคุมกระทรวงหลัก

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะ รมว.ศธ.เงา กล่าวถึงกรณีที่นายศรีเมือง เจริญศิริ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) ในรัฐบาล “สมชาย1” ว่า ตนไม่ได้คาดหวังเท่าไหร่กับการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งนี้ โดยเฉพาะในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) ซึ่งนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ก็เคยเป็น รมว.ศธ.แต่ในช่วงที่ผ่านมางานการศึกษาแทบไม่มีอะไรปรากฏออกมา ตนเคยคิดว่านายสมชายจะหาคนที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาดูงานด้านการศึกษา แต่ในที่สุดก็เป็นการตอบแทนทางการเมือง และยังตัดตำแหน่งรัฐมนตรีเหลือเพียงตำแหน่ง รมว.ศธ.คนเดียว โดยไม่มีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในขณะที่งาน ศธ.ค่อนข้างเยอะมาก ลำพังแค่ดูการอุดมศึกษา การศึกษาขั้นพื้นฐานก็ถือว่างานเยอะมาแล้ว และยังต้องดูปัญหาเฉพาะหน้าอื่นๆ อีก
“ คงคาดหวังอะไรกับ รมว.ศธ.คนใหม่ไม่ได้มากนัก และยิ่งเห็นได้ชัดเมื่อนายศรีเมือง ออกมาประกาศว่างานแรก คือ แจกคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คในโครงการ One Laptop Per Child ซึ่งเป็นโครงการที่ไม่ใช่เวลา น่าจะหวังผลทางการเมืองด้านอื่นมากกว่า และเรื่องนี้ผมต้องมีการตรวจสอบต่อไป อย่างไรก็ตามน่าเสียดายงบประมาณที่น่าจะนำมาทุ่มในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานให้ได้เรียนฟรีจริงๆ รวมทั้งแก้ไขปัญหาที่เป็นเรื่องเร่งด่วนให้แก่ครู ส่วนคอมพิวเตอร์ก็เป็นเรื่องสำคัญ แต่ควรให้คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะที่เด็กต้องการใช้มากกว่า ช่วงเวลาจากนี้ ศธ.อาจจะมีปัญหาพอสมควร ซึ่งผมขอให้กำลังใจข้าราชการประจำด้วย”นายอภิสิทธิ์ กล่าว

**ฝรั่งโวย รมช.คลังเบี้ยวหนี้
วานนี้ (25 ก.ย.) ที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค นายเดวิท แฟรงค์ เฮนส์ วิศวกรชาวอังกฤษวัย 64 ปี กล่าวว่า รู้สึกสงสารคนไทยที่มีนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรคร่วมใจไทยชาติพัฒนา มาดำรงตำแหน่งรมช.คลัง เนื่องจากเชื่อว่านายประดิษฐ์ไม่มีความสามารถที่จะแก้ไขปัญหาการเงินการคลังของประเทศไทยได้ เพราะแม้แต่การทำธุรกิจของตระกูลภัทรประสิทธิ์ติดหนี้ลูกค้าเกือบ 50 ล้านบาทเมื่อ 12 ปีก่อนยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้เลย หากนายประดิษฐ์อยากพิสูจน์ฝีมือว่าเหมาะสมกับรมช.คลังที่ได้รับมาก็ช่วยหาวิธีให้ครอบครัวของตัวเองมีความรับผิดชอบคืนเงินพร้อมลูกค้าคนอื่นๆ โดยเร็ว
นายเดวิท กล่าวว่า เมื่อปี 2539 ได้พาภรรยามาพักฟื้นร่างกายที่จ.ภูเก็ต เพราะชอบในบรรยากาศที่สวยงาม และคนไทยที่จิตใจดี จึงตัดสินใจจะมาลงหลักปักฐานที่เมืองไทยและทราบว่า มีโครงการเดอะ ยอชท์ เฮฟเว่น ภูเเก็ต เป็นหนึ่งในโครงการของเครือภัทรประสิทธิ์โฮลดิ้ง ที่มีนายประสงค์ ภัทรประสิทธิ์และนางนงลักษณ์ ภัทรประสิทธิ์ น้องชายและมารดาของนายประดิษฐ์เป็นผู้ดูแลอยู่ โดยสร้างคอนโดมิเนียม พร้อมกับมีการสร้างท่าเทียบเรือยอชท์และเรือสำราญขนาดจอดได้ 300 ลำพร้อมคอนโดมิเนียมหรูและอาคารสโมสร บนพื้นที่ริมทะเลกว่า 500 ไร่ บริเวณอ่าวแหลมพร้าวจะแล้วเสร็จประมาณกลางปี 2541 ราคาประมาณ 4-13 ล้านบาท
“เมื่อปรึกษากับเพื่อนคนไทย เพื่อนบอกว่าตระกูลภัทรประสิทธิ์เป็นเครือธุรกิจอันดับต้นๆของประเทศไทย สัมพันธ์โดยตรงกับนักการเมืองใหญ่ของประเทศคือนายประดิษฐ์ และโครงการลงทุนกว่า 1.4 พันล้านบาท เจ้าของน่าเชื่อถือ แถมยังมีการโฆษณาโครงการที่ประเทศสิงคโปร์และฮ่องกงอย่างน่าเชื่อถืออีกจึงตัดสินใจซื้อคอนโดมิเนียมราคา 4.12 ล้านบาท หลังทำสัญญาวางเงินดาวน์10% ประมาณ 1.24 ล้านบาท และชำระอีก 20% ประมาณ 2.48 ล้านบาทแบ่งจ่ายเป็น 6 งวดทุกสามเดือน ส่วนที่เหลืออีก 70%ชำระเมื่อสร้างและโอนเสร็จ”นายเดวิทกล่าว
นายเดวิท กล่าวต่อว่า หลังจากโอนเงินไปครบรวม 3.72 ล้านบาทตั้งแต่ปี 2540 แต่จนถึงปี 2541 ก็ยังไม่มีความคืบหน้าในการก่อสร้างใดๆ เท่าที่ทราบมีผู้จ่ายเงินไปแล้วเกือบ 40กว่าคน แต่มีบางส่วนที่ถอนตัวในการขอเงินคืนไป เนื่องจากไม่อยากเสียเวลาและเงินในการฟ้องร้อง แต่ที่มีเหลือเป็นกลุ่มต่อสู้ฟ้องร้องกันมีประมาณ 25 คนมูลค่าในขณะนั้นประมาณ 50 ล้านบาท แต่เมื่อมี.ค.ปี 2546 ได้รับจดหมายจากโครงการว่าประสบปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำไม่สามารถดำเนินโครงการได้และไม่พูดถึงเรื่องการคืนเงินให้ลูกค้า ทั้งที่ในสัญญาระบุว่าหากโครงการผิดสัญญาจะคืนเงินให้พร้อมดอกเบี้ยอีก8% แต่จนวันนี้ก็ยังมาไม่ได้เงินคืนเลย
“มีเพียงรายเดียวที่ได้รับเงินคืน เนื่องจากคนนั้นเป็นหม่อมราชวงศ์ที่สนิทกับครอบครัวของภัทรประสิทธิ์ ส่วนผู้ซื้อรายอื่นก็ไม่มีใครได้รับเงินคืนเลย สุดท้ายจึงตัดสินใจฟ้องคดีอาญาฐานฉ้อโกงกับนางนงลักษณ์และนายประสงค์ แต่ในปี 2548 ศาลยกฟ้องเพราะหลักฐานไม่พอซึ่งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ก็ยืนยันเช่นกันว่าจำเลยไม่มีเจตนาจะฉ้อโกง แต่นายประดิษฐ์ได้ฟ้องกลับผมในฐานะฟ้องเท็จ เมื่อศาลรับฟ้องแต่นายประดิษฐ์ก็ถอนฟ้องไป ต่อมากลุ่มผู้ซื้อคอนโดมิเนียมโครงการนี้ได้รวมกลุ่มกัน 25 คนเพื่อฟ้องร้องคดีแพ่ง เพื่อเรียกร้องเงินคืน ซึ่งในช่วงต้นเดือนต.ค.ศาลแพ่งจังหวัดภูเก็ตนัดฟังคำพิพากษานี้”นายเดวิท กล่าว
นายเดวิท กล่าวอีกว่า ไม่ใช่ตนเองเท่านั้นที่ได้รับความเสียหายจากโครงการนี้ โดยมูลค่าที่ครอบครัวภัทรประสิทธิ์ได้เงินจากทุกคนไปกว่า 50 ล้านบาทในปี 2539 ซึ่งถ้าดอกเบี้ยธนาคารประมาณ 8% ต่อปี จนถึงขณะนี้คงเป็นเงินกว่า100 ล้านบาทแล้ว อีกทั้งโครงการดังกล่าวยังมีการโฆษณาในเว็บไซด์ขาย หลังจากที่ปิดโครงการไปในช่วงนั้น แต่เปลี่ยนที่อยู่จดทะเบียนย้ายไปที่เชียงใหม่ ขณะที่เว็บไซด์www.yacht-haven-phuket.typepad.com/weblog/ ที่เป็นเว็บของผู้เสียหายที่รวมตัวกันให้ข้อมูลการต่อสู้มาทั้งหมด กลับโดนกระทรวงเทคโนโลยีและการสื่อสารเคยถูกโดนปิดและระบุว่าเป็นเว็บไซด์ที่ไม่เหมาะสมด้วย

**จี้ “ประดิษฐ์” รับผิดชอบ
น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่าแปลกที่ผู้บริโภคลุกขึ้นมาเรียกร้องสิทธิของตนเอง และยังโดนกระทำเช่นนี้ ล่าสุดยังถูกข่มขู่จากทนายความของครอบครัวภัทรประสิทธิ์ว่า หากไม่ยุติเรื่องจะฟ้องทางอาญาอีกครั้ง ทั้งนี้ในช่วงที่นายเดวิทถูกฟ้องกลับครั้งก่อนนั้น ศาลจังหวัดภูเก็ตยังมีคำสั่งห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ถูกยึดหนังสือเดินทางและต้องขออนุญาตจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองก่อนทุกครั้ง ซึ่งเสมือนกับนายเดวิทเป็นอาชญากรร้ายแรง ทั้งที่เป็นเพียงผู้บริโภคที่ได้รับความเสียหายลุกขึ้นมาเรียกร้องสิทธิของตนเองเท่านั้น
“เป็นเรื่องน่าเศร้ามากๆที่ชาวต่างชาติคนหนึ่งต้องการซื้อบ้านอยู่ในเมืองไทยหลังเกษียณจะต้องมาถูกฟ้องร้องโดยคนตระกูลภัทรประสิทธิ์ที่ไม่ยอมคืนเงินให้กับลูกค้า เราอยากเห็นมาตรฐานและจริยธรรมของคนที่เป็นรมต.ว่าจะมีมากน้อยเพียงใด โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภคที่ไม่ให้ชาวต่างชาติมาตราหน้าได้ ดังนั้นนายประดิษฐ์ที่ดูแลกระทรวงการคลังต้องพิสูจน์ตัวเองให้ผู้บริโภคเห็นว่ามีความจริงใจในการแก้ไขปัญหา เพราะก่อนที่จะลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ก็ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าจะมากู้ธุรกิจครอบครัว รวมถึงสานต่อโครงการนี้ด้วย”น.ส.สารี กล่าว
น.ส.สารี กล่าวว่า ในการแสดงบัญชีทรัพย์สินครั้งก่อนนายประดิษฐ์ก็ติดอันดับว่าเป็นผู้ร่ำรวยที่สุดในรัฐบาล ดังนั้นเงินลูกค้าไม่ถึง 50 ล้านรวมกับดอกเบี้ย8% ก็น่าจะสามารถคืนเงินได้อยู่แล้ว โดยเร็วๆนี้ทางมูลนิธิฯจะเดินทางไปยื่นหนังสือต่อนายประดิษฐ์อย่างเป็นทางการอีกครั้งเพื่อให้แสดงสปิริตความรับผิดชอบเยียวยาให้ผู้เสียหาย โดยคืนเงินให้กับลูกค้าทุกคน

**"หมอตุลย์" ชี้ "เหลิม" คัมแบ็กสุดยี้
นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การให้ร.ต.อ.เฉลิม มาเป็นรมว.สาธารณสุขถือว่าไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง จริงๆ ร.ต.อ.เฉลิม น่าจะรู้ตัวด้วยซ้ำไปว่าตัวเองไม่มีความเหมาะสมเลย ปฎิเสธเป็นหรือไม่ว่าตนเองไม่มีความรู้ความสามารถด้านนี้ ซึ่งนี่เป็นปัญหาการเมืองในระบบเก่า จะยังไงตำแหน่งไหนก็ได้ขอให้ได้ตำแหน่ง ดีไม่ดี ไม่สนใจ โอกาสที่ประชาชนจะได้คนที่ตั้งใจมาทำงานเป็นไปได้ยาก และไม่รู้จะเข้ามาได้อย่างไร
ทั้งนี้ ตอนเป็นรมว.มหาดไทย ถือเป็นรัฐมนตรียี้คนหนึ่ง การเปลี่ยนตำแหน่งใหม่ คงไม่ช่วยทำให้คนดีขึ้น เป็นอย่างไรก็คงเป็นอย่างนั้น

**เศร้า “ปรีชา” เป็นรมช.
น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า ปัญหาขณะนี้คือ ประชาชนไม่สามารถเลือกรัฐมนตรีได้ เพราะการเลือกรัฐมนตรีเป็นอำนาจขอนายกรัฐมนตรี ดังนั้น ประชาชนจึงกลายเป็นฝ่ายที่เฝ้าดูได้อย่างเดียว รู้สึกผิดหวังในตัวนายสมชายไม่น้อยที่เลือกรัฐมนตรีเช่นนี้เข้ามาทำงาน ดังนั้น ครม.นายสมชาย อาจต้องมีอีกหลายชุด เพราะประชาชนไม่เอา ไม่ว่าจะเป็นนายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข ที่มีคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองว่าเกี่ยวกันกับกรณีการทุจริตยาของสธ.แต่ก็กลับได้รับตำแหน่ง แม้แต่คนที่กำลังถูกตรวจสอบมีเรื่อค้างอยู่ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) อย่างนายไชยา สะสมทรัพย์ ก็กลับมาเป็นรมว.พาณิชย์เหมือนเดิม

**หมอบรรลุบอกเหลิมไม่รู้เรื่องก็อย่ายุ่ง
นพ.บรรลุ ศิริพานิช อดีตรองปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) และอดีตประธานสภาผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย กล่าวว่า แม้ว่าขณะนี้จะมีรัฐบาลใหม่ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ คณะรัฐมนตรี(ครม.)ใหม่ แต่สถานการณ์ความอึมครึมก็ยังคงอยู่กับสถานการณ์ทางการเมืองของไทยต่อไป เพราะดูบุคคลที่มาดำรงตำแหน่งในครม.แล้วก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ แม้ว่าอาจจะไม่นำพาไปสู่สถานการณ์ความรุนแรง แต่ก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นของประเทศไทยในขณะนี้ได้เลย อีกทั้งคาดว่าอายุของรัฐบาลชุดนี้ก็คงอยู่ไม่นาน
ส่วนงานสาธารณสุขก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรเพราะข้าราชการกระทรวงสาธารณสุขทำงานดีอยู่แล้ว ขอแต่เพียงร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.สาธารณสุขคนใหม่อย่ามายุ่งกับเรื่องสาธารณสุขมาก ถ้าไม่รู้ก็อย่ามายุ่ง หรือถ้าสนใจก็ถามข้าราชการประจำก็ได้ อย่าแก้นั้นแก้นี่โดยที่ไม่รู้อะไรเลยเหมือนกับช่วงที่นายไชยา สะสมทรัพย์สมัยเป็นรมว.สาธารณสุขที่ปรับนั้นปรับนี้ย้ายข้าราชการคนนั้นคนนี้จนเกิดปัญหา
อนึ่ง มีรายงานข่าวแจ้งว่า นายวัน อยู่บำรุง อดีตผู้ช่วยเลขานุการรมว.สาธารณสุขและเลขานุการรมช.สาธารณสุข และมิสเตอร์แฮบปี้ทอยเลต ในสมัยนายไชยา สะสมทรัพย์ เป็นรมว.สาธารณสุข จะกลับมาเป็นผู้ช่วยเลขานุการรมว.สาธารณสุขอีกครั้งหนึ่ง

***นักวิชาการส่ายหน้า รมต.ศก.
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงทีมเศรษฐกิจรัฐบาล “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” ว่า เห็นแล้วน่าเป็นห่วง เพราะมีคนนอกที่ดูแลด้านเศรษฐกิจแค่ 2 คน คือ นายโอฬาร ไชยประวัติ รองนายกรัฐมนตรี และนายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.คลัง ขณะที่กระทรวงอื่นๆ ยังเป็นคนจากฝ่ายการเมืองเข้ามาดูแล รัฐบาลจำเป็นต้องมีทีมที่ปรึกษาเข้ามาช่วย ทั้งกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ สิ่งที่รัฐบาลใหม่ต้องเร่งดำเนินการ คือ เร่งลงทุนในโครงการขนาดใหญ่และโทรคมนาคม ก่อนไตรมาส 4 ของปีนี้ เพื่อให้กระตุ้นการลงทุน และการจ้างงานในภาคเอกชนตาม การดึงดูดการท่องเที่ยวชาวเอเชีย ตะวันออกกลาง และยุโรป เข้าไทย ซึ่งนิยมท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และส่งเสริมและเพิ่มการค้าชายแดน
“รัฐต้องมีความชัดเจนต่อการใช้งบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการลงทุนภายในเดือนพ.ย.-ธ.ค. นี้ เพื่อให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้ปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า เพราะในปีหน้าการพึ่งพาส่งออกเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจคงทำได้ยากขึ้น ต้องหันพึ่งพาในประเทศแทน”นายธนวรรธน์กล่าว
นายธนวรรธน์กล่าวว่า โอกาสสูงที่ส่งออกไทยในปีหน้าจะขยายตัวเหลือ 8-10% คงยาก เพราะการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ปัญหาวิกฤตการเงินและซับไพรม์ในสหรัฐฯ ยังคงอยู่ แม้คาดว่ามาตรการที่สหรัฐฯ ออกมาใช้จะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัวในไตรมาส 3/52 แต่คงใช้เวลาอีก 3 ปีว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติ ขณะที่เศรษฐกิจในอียูและญี่ปุ่นก็ถดถอย ซึ่ง 3 ประเทศถือเป็นตลาดหลักสำคัญส่งออกไทยถึง 36%
นอกจากนี้ ไทยยังมีปัญหาการเมืองไม่มีเสถียรภาพ ความวุ่นวายจากความคิดที่แตกแยกยังยืดเยื้อ เศรษฐกิจไทยปีหน้าอาจโตเหลือ 4% แต่ในปีนี้ยังคงคาดการณ์เศรษฐกิจโตได้ 5% เพราะการส่งออกยังดีมาตั้งแต่ต้นปี
นายธนวรรธน์กล่าวว่า ตามรายงานของที่ประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (อังค์ถัด) ระบุว่า ประเทศไทยถือว่าล้าหลังเมื่อเทียบกับประเทศมาเลเซีย โดยปีนี้ไทยไม่ติด 1 ใน 15 ประเทศที่น่าลงทุนของโลก แพ้ประเทศเวียดนาม อินโดนีเซีย เพราะที่ผ่านมาไทยไม่มีกลยุทธ์โดดเด่นที่จะให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนและมีปัญหาการเมือง.
กำลังโหลดความคิดเห็น