ผู้จัดการรายวัน – ตลาดหลักทรัพย์ฯ เล็งลดระยะเวลาหนุนหุ้นไอพีโอ เข้าซื้อขายได้เร็วขึ้นภายใน 2-3 วัน หลังปิดจองซื้อหุ้น เพื่อลดความเสี่ยงจากภาวะตลาดหุ้นผันผวน “ชนิตร” เผยขณะนี้มี 5 บริษัทที่เลื่อนขายหุ้นออกไปหลีกเลี่ยงภาวะตลาดหุ้นซบ แม้ ก.ล.ต. ไฟเขียวให้ขายหุ้นได้แล้ว และมั่นใจปีนี้ยังมีเข้าระดมทุน ด้าน “ภัทรียา” ชี้ บริษัทเข้าเทรดช่วงภาวะตลาดไม่ดีนั้น โอกาสหุ้นขึ้นมากกว่าปรับตัวลดลง แจงไอพีโอปีนี้ถึงเป้าหมายยาก
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ ผู้ช่วยผู้จัดการ สายงานการตลาดศูนย์ระดมทุน เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์อยู่ระหว่างการดำเนินที่จะให้บริษัทที่เสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) สามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายใน 2-3 วัน หลังจากที่มีการปิดการจองซื้อหุ้น เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงของภาวะตลาดที่มีความผันผวนตลอดเวลาที่จะกระทบต่อการเข้าซื้อขายของบริษัท
ทั้งนี้ หลักเกณฑ์เดิมของตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่ได้มีการกำหนดว่าบริษัทที่เสนอขายไอพีโอจะต้องเข้าจดทะเบียนภายในระยะเวลาเท่าไรหลังจากที่มีการปิดจองซื้อหุ้น โดยทางบริษัทและที่ปรึกษาทางการเงินจะเป็นผู้กำหนด ซึ่งอาจจะใช้วิธีการดูฤกษ์ โดยจากปกติที่จะใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์จากวันปิดจองซื้อหุ้น ซึ่งการที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้บริการบริษัทไอพีโอมีการรีบเปิดจองและเข้าจดทะเบียน
สำหรับการดำเนินการดังกล่าวนั้นตลาดหลักทรัพย์อาจจะไม่ต้องมีการออกเกณฑ์หรือประกาศออกมาในการให้บริษัทไอพีโอมีการเข้าจดทะเบียนได้เร็วขึ้น แต่จะเป็นลักษณะการเรียกที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายและแจ้งให้ทราบว่าตลาดหลักทรัพย์ฯมีการบริการให้บริษัทไอพีโอมีการจดทะเบียนได้เร็วขึ้นหลังจากที่มีการปิดจอง
“ตลาดหลักทรัพย์ฯศึกษามาสักระยะแล้วในการให้ที่จะให้บริษัทไอพีโอมีการเข้าจดทะเบียนได้เร็วขึ้นหลังจากมีการปิดจองซื้อหุ้น เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงจากภาวะตลาดที่มีความผันตลอดเวลา ซึ่งคงจะไม่ต้องมีการออกเกณฑ์เพียงเรียกอันเดอร์ไรท์เข้ามาแจ้งให้ทราบว่าเรามีการให้บริการดังกล่าวเพื่อเป็นทางเลือกแก่บริษัทว่าเปิดจองหุ้นแล้วสามารถที่จะเทรดได้เลย จากปกติที่จะใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ ”นายชนิตร กล่าว
นายชนิตร กล่าวว่า จากภาวะตลาดที่ไม่ดีทำให้บริษัทที่เตรียมตัวในการเข้าจดทะเบียนมีการเลื่อนออกไป ซึ่งขณะนี้มีบริษัทที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)อนุมัติให้สามารถเสนอขายหุ้นได้แล้วมีจำนวน 5 บริษัท ประกอบด้วย บริษัท ควอลีเทค จำกัด (มหาชน) บริษัท เจมาร์ท จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทยโพลีคอนส์ จำกัด (มหาชน) บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) แต่จากภาวะตลาดไม่ดีทำให้บริษัทดังกล่าวมีการเลื่อนการเข้าจดทะเบียนออกไป
ทั้งนี้ ยังคงมีบริษัทใหม่ๆ ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เข้ามาต่อเนื่องเพื่อเตรียมความพร้อม ซึ่งในกระบวนการอนุมัติให้สามารถกระจายหุ้นได้นั้น ทางก.ล.ต.มีการดำเนินการอนุมัติที่รวดเร็วขึ้น โดยเชื่อว่าจากนี้ถึงสิ้นปีก็ยังคงมีบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย แต่จะเข้าจดทะเบียนเท่าไรนั้นจะต้องมีการตรวจสอบข้อมูลก่อน
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากที่ภาวะตลาดหุ้นไทยที่มีการปรับตัวลดลงนั้น มีผลทำให้บริษัทที่เตรียมที่จะเข้าจดทะเบียนมีการชะลอแผนออกไปก่อนเพื่อรอภาวะตลาดเอื้อในการเข้าจดทะเบียน แต่เชื่อว่าหากมีบริษัทเข้าจดทะเบียนในช่วงจังหวะที่ไม่ดีนั้น เชื่อว่าโอกาสที่หุ้นจะลดลงไปอีกนั้นมีน้อย
ทั้งนี้ จากภาวะตลาดไม่ดี ก็มีผลทำให้เป้าหมายการมีบริษัทไอพีโอ เข้ามาจดทะเบียนในปีนี้ เป็นไปถึงเป้าหมายได้ยากขึ้นโดยตลาดหลักทรัพย์ตั้งเป้าจะมีบริษัทเข้าจดทะเบียนปีนี้ จำนวน 37 บริษัท แบ่งเป็น เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ 25 บริษัท และ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ จำนวน 12 บริษัท
“ส่วนตัวเชื่อว่าจะมีบริษัทที่จะเข้าจดทะเบียนในปีนี้อย่างน้อยอีก 2-3 แห่ง ที่ยังคงเดินหน้าอยู่ แต่รอภาวะตลาดเอื้อในการเข้าระดมทุน แต่เชื่อว่าการที่บริษัทเข้าจดทะเบียนในช่วงที่ภาวะตลาดไม่ดีนั้น เชื่อว่าจะมีอัพไซด์ มากกว่าที่จะปรับตัวลดลง” นางภัทรียา กล่าว
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ ผู้ช่วยผู้จัดการ สายงานการตลาดศูนย์ระดมทุน เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์อยู่ระหว่างการดำเนินที่จะให้บริษัทที่เสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) สามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายใน 2-3 วัน หลังจากที่มีการปิดการจองซื้อหุ้น เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงของภาวะตลาดที่มีความผันผวนตลอดเวลาที่จะกระทบต่อการเข้าซื้อขายของบริษัท
ทั้งนี้ หลักเกณฑ์เดิมของตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่ได้มีการกำหนดว่าบริษัทที่เสนอขายไอพีโอจะต้องเข้าจดทะเบียนภายในระยะเวลาเท่าไรหลังจากที่มีการปิดจองซื้อหุ้น โดยทางบริษัทและที่ปรึกษาทางการเงินจะเป็นผู้กำหนด ซึ่งอาจจะใช้วิธีการดูฤกษ์ โดยจากปกติที่จะใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์จากวันปิดจองซื้อหุ้น ซึ่งการที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้บริการบริษัทไอพีโอมีการรีบเปิดจองและเข้าจดทะเบียน
สำหรับการดำเนินการดังกล่าวนั้นตลาดหลักทรัพย์อาจจะไม่ต้องมีการออกเกณฑ์หรือประกาศออกมาในการให้บริษัทไอพีโอมีการเข้าจดทะเบียนได้เร็วขึ้น แต่จะเป็นลักษณะการเรียกที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายและแจ้งให้ทราบว่าตลาดหลักทรัพย์ฯมีการบริการให้บริษัทไอพีโอมีการจดทะเบียนได้เร็วขึ้นหลังจากที่มีการปิดจอง
“ตลาดหลักทรัพย์ฯศึกษามาสักระยะแล้วในการให้ที่จะให้บริษัทไอพีโอมีการเข้าจดทะเบียนได้เร็วขึ้นหลังจากมีการปิดจองซื้อหุ้น เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงจากภาวะตลาดที่มีความผันตลอดเวลา ซึ่งคงจะไม่ต้องมีการออกเกณฑ์เพียงเรียกอันเดอร์ไรท์เข้ามาแจ้งให้ทราบว่าเรามีการให้บริการดังกล่าวเพื่อเป็นทางเลือกแก่บริษัทว่าเปิดจองหุ้นแล้วสามารถที่จะเทรดได้เลย จากปกติที่จะใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ ”นายชนิตร กล่าว
นายชนิตร กล่าวว่า จากภาวะตลาดที่ไม่ดีทำให้บริษัทที่เตรียมตัวในการเข้าจดทะเบียนมีการเลื่อนออกไป ซึ่งขณะนี้มีบริษัทที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)อนุมัติให้สามารถเสนอขายหุ้นได้แล้วมีจำนวน 5 บริษัท ประกอบด้วย บริษัท ควอลีเทค จำกัด (มหาชน) บริษัท เจมาร์ท จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทยโพลีคอนส์ จำกัด (มหาชน) บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) แต่จากภาวะตลาดไม่ดีทำให้บริษัทดังกล่าวมีการเลื่อนการเข้าจดทะเบียนออกไป
ทั้งนี้ ยังคงมีบริษัทใหม่ๆ ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เข้ามาต่อเนื่องเพื่อเตรียมความพร้อม ซึ่งในกระบวนการอนุมัติให้สามารถกระจายหุ้นได้นั้น ทางก.ล.ต.มีการดำเนินการอนุมัติที่รวดเร็วขึ้น โดยเชื่อว่าจากนี้ถึงสิ้นปีก็ยังคงมีบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย แต่จะเข้าจดทะเบียนเท่าไรนั้นจะต้องมีการตรวจสอบข้อมูลก่อน
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากที่ภาวะตลาดหุ้นไทยที่มีการปรับตัวลดลงนั้น มีผลทำให้บริษัทที่เตรียมที่จะเข้าจดทะเบียนมีการชะลอแผนออกไปก่อนเพื่อรอภาวะตลาดเอื้อในการเข้าจดทะเบียน แต่เชื่อว่าหากมีบริษัทเข้าจดทะเบียนในช่วงจังหวะที่ไม่ดีนั้น เชื่อว่าโอกาสที่หุ้นจะลดลงไปอีกนั้นมีน้อย
ทั้งนี้ จากภาวะตลาดไม่ดี ก็มีผลทำให้เป้าหมายการมีบริษัทไอพีโอ เข้ามาจดทะเบียนในปีนี้ เป็นไปถึงเป้าหมายได้ยากขึ้นโดยตลาดหลักทรัพย์ตั้งเป้าจะมีบริษัทเข้าจดทะเบียนปีนี้ จำนวน 37 บริษัท แบ่งเป็น เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ 25 บริษัท และ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ จำนวน 12 บริษัท
“ส่วนตัวเชื่อว่าจะมีบริษัทที่จะเข้าจดทะเบียนในปีนี้อย่างน้อยอีก 2-3 แห่ง ที่ยังคงเดินหน้าอยู่ แต่รอภาวะตลาดเอื้อในการเข้าระดมทุน แต่เชื่อว่าการที่บริษัทเข้าจดทะเบียนในช่วงที่ภาวะตลาดไม่ดีนั้น เชื่อว่าจะมีอัพไซด์ มากกว่าที่จะปรับตัวลดลง” นางภัทรียา กล่าว