รอยเตอร์ - ผู้มีสิทธิออกเสียงของพรรคแกนนำรัฐบาลญี่ปุ่น เทคะแนนถล่มทลายเลือกทาโร อาโซะ ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคเสรีประชาธิปไตย (แอลดีพี) เมื่อวานนี้ (22) ซึ่งจะทำให้เขาได้ขึ้นนั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ หลังรัฐสภาลงมติในวันพุธ(24) คาดผู้นำหัวชาตินิยมนิสัยโผงผางผู้นี้ จะใช้มาตรการเพิ่มการใช้จ่ายและลดภาษี เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและเก็บคะแนนนิยมก่อนการเลือกตั้งทั่วไปในเร็วๆ นี้
อาโซะเข้ารับตำแหน่งต่อจากยาสุโอะ ฟูกูดะซึ่งตัดสินใจลาออกอย่างกะทันหัน จนทำให้เกิดสุญญากาศทางนโยบายการบริหารประเทศขึ้น ในขณะที่ญี่ปุ่นเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย อีกทั้งยังเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากวิกฤตการณ์ในวอลสตรีทด้วย
ดังนั้นอาโซะจึงมีภารกิจต้องฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก แม้ว่าจะมีข้อจำกัดเนื่องจากปัญหาหนี้สาธารณะจำนวนมหาศาล อีกทั้งเขาก็อาจจะมีเวลาอยู่ในตำแหน่งดังกล่าวไม่นานนัก เพราะมีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าเขาจะชิงยุบสภาล่าง(สภาผู้แทนราษฎร) และจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปก่อนถึงกำหนดในเดือนกันยายนปีหน้า เพื่อช่วงชิงคะแนนนิยมในฝ่ายรัฐบาลผสมที่คาดว่าจะกระเตื้องดีขึ้นในระยะแรกๆ ของการเปลี่ยนตัวนายกฯ
"เมื่อมายืนอยู่ตรงนี้แล้ว ผมรู้สึกว่านี่คือภารกิจที่ถูกกำหนดมาให้กับทาโร อาโซะ" เขากล่าวกับส.ส.ของพรรคแอลดีพี ภายหลังจากที่เขาได้รับเลือกด้วยคะแนนถึง 351 เสียง จากทั้งหมด 525 เสียง
"แต่ในฐานะพรรครัฐบาล แอลดีพีจะต้องต่อสู้กับพรรคฝ่ายค้านในการเลือกตั้งคราวหน้าด้วย ผมจึงถือว่าตนเองจะบรรลุจุดมุ่งหมายที่ถูกกำหนดมาได้ ก็ต่อเมื่อเรามีชัยชนะในการเลือกตั้งแล้วเท่านั้น"
อาโซะนั้นต้องการลดภาษีที่เก็บจากภาคธุรกิจและนักลงทุนในตลาดหุ้น และเขายังบอกว่าญี่ปุ่นอาจต้องเลื่อนกำหนดการวางเป้าหมายจัดทำงบประมาณแบบสมดุลภายในปี 2012 ออกไปด้วย นั่นคือจะต้องมีการตั้งงบประมาณใช้จ่ายแบบขาดดุลกันอีก แนวคิดดังกล่าวทำให้สมาชิกพรรคที่เป็นกลุ่มหัวปฏิรูปในเรื่องงบประมาณต่างรู้สึกตกใจ
ครั้งนี้เป็นครั้งที่สี่แล้วที่อาโซะพยายามผลักดันตนเองขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคแอลดีพี และก็ประสบความสำเร็จในที่สุด โดยที่เขามีคะแนนทิ้งห่างคู่แข่งแบบขาดลอย กล่าวคือ คาโอรุ โยซาโน รัฐมนตรีเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นพวกหัวอนุรักษนิยมด้านงบประมาณ ได้คะแนนเสียงเพียง 66 เสียง ส่วนยูริโกะ โคอิเกะ อดีตรัฐมนตรีกลาโหม ก็พลาดหวังที่จะได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของญี่ปุ่น เพราะเธอได้คะแนนเพียง 46 เสียง
ทว่า มีเสียงวิจารณ์เช่นกันว่าการแข่งขันกันในพรรคแอลดีพีครั้งนี้ เป็นเพียงการแสดงเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้มีสิทธิเลือกตั้งก่อนที่ญี่ปุ่นจะจัดการเลือกตั้งทั่วไปในอีกไม่นานนี้ และการนำเสนอวิสัยทัศน์ของผู้ชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคทั้งห้าคนซึ่งเน้นไปที่นโยบายด้านเศรษฐกิจ ก็เป็นการพูดเรื่อยเปื่อย โดยมีเพียงโยซาโนเท่านั้นที่ระบุชัดเจนว่าญี่ปุ่นจำเป็นต้องเพิ่มภาษีการบริโภค 5 เปอร์เซ็นต์เพื่อนำมาแก้ไขภาวะการคลังที่กำลังย่ำแย่ และเขายังบอกด้วยว่าจะต้องพักการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำไว้อีกหลายปี
สื่อมวลชนรายงานว่าอาโซะคงจะเลือกโยซาโนเข้ามาร่วมงานในคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ซึ่งจะจัดตั้งแล้วเสร็จในวันพุธนี้ และอาจจะดึงตัวชิเกรุ อิชิบะ อดีตรัฐมนตรีกลาโหม เข้ามาเสริมทีมเพื่อสร้างความเป็นเอกภาพในพรรคซึ่งมีคะแนนนิยมตกต่ำลง
ถึงแม้อาโซะมีแนวโน้มที่จะมองด้วยสายตาระแวงต่ออิทธิพลบารมีที่กำลังเพิ่มขึ้นทุกทีของจีน แต่ก็เป็นที่คาดว่าเขาจะคงใช้นโยบายต่างประเทศตามแนวของฟูกูดะ โดยเน้นความเป็นพันธมิตรด้านความมั่นคงกับสหรัฐฯ อย่างเหนียวแน่น พร้อมไปกับการปรับปรุงความสัมพันธ์กับจีน
อาโซะเป็นผู้สนใจเรื่องการแต่งตัวและเป็นแฟนหนังสือการ์ตูนที่วัยรุ่นนิยมอ่าน เขามักติดอันดับต้นๆ ในการสำรวจคะแนนนิยมผู้ที่เหมาะเป็นนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น จึงทำให้พรรคแอลดีพีเทคะแนนให้เป็นหัวหน้าพรรคเพราะหวังว่าเขาจะนำพรรคสู่ชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่งเขาจะต้องฝ่าทางตันในรัฐสภาให้ได้เนื่องจากพรรคประชาธิปไตยที่เป็นฝ่ายค้าน และพรรคขนาดเล็กที่เป็นพันธมิตรนั้นกุมเสียงข้างมากในวุฒิสภาอยู่ แม้สภาสูงจะมีอำนาจน้อยกว่าสภาล่างมาก แต่ก็สามารถยับยั้งและถ่วงเวลาการออกกฎหมายต่างๆ ได้
อาโซะเข้ารับตำแหน่งต่อจากยาสุโอะ ฟูกูดะซึ่งตัดสินใจลาออกอย่างกะทันหัน จนทำให้เกิดสุญญากาศทางนโยบายการบริหารประเทศขึ้น ในขณะที่ญี่ปุ่นเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย อีกทั้งยังเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากวิกฤตการณ์ในวอลสตรีทด้วย
ดังนั้นอาโซะจึงมีภารกิจต้องฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก แม้ว่าจะมีข้อจำกัดเนื่องจากปัญหาหนี้สาธารณะจำนวนมหาศาล อีกทั้งเขาก็อาจจะมีเวลาอยู่ในตำแหน่งดังกล่าวไม่นานนัก เพราะมีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าเขาจะชิงยุบสภาล่าง(สภาผู้แทนราษฎร) และจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปก่อนถึงกำหนดในเดือนกันยายนปีหน้า เพื่อช่วงชิงคะแนนนิยมในฝ่ายรัฐบาลผสมที่คาดว่าจะกระเตื้องดีขึ้นในระยะแรกๆ ของการเปลี่ยนตัวนายกฯ
"เมื่อมายืนอยู่ตรงนี้แล้ว ผมรู้สึกว่านี่คือภารกิจที่ถูกกำหนดมาให้กับทาโร อาโซะ" เขากล่าวกับส.ส.ของพรรคแอลดีพี ภายหลังจากที่เขาได้รับเลือกด้วยคะแนนถึง 351 เสียง จากทั้งหมด 525 เสียง
"แต่ในฐานะพรรครัฐบาล แอลดีพีจะต้องต่อสู้กับพรรคฝ่ายค้านในการเลือกตั้งคราวหน้าด้วย ผมจึงถือว่าตนเองจะบรรลุจุดมุ่งหมายที่ถูกกำหนดมาได้ ก็ต่อเมื่อเรามีชัยชนะในการเลือกตั้งแล้วเท่านั้น"
อาโซะนั้นต้องการลดภาษีที่เก็บจากภาคธุรกิจและนักลงทุนในตลาดหุ้น และเขายังบอกว่าญี่ปุ่นอาจต้องเลื่อนกำหนดการวางเป้าหมายจัดทำงบประมาณแบบสมดุลภายในปี 2012 ออกไปด้วย นั่นคือจะต้องมีการตั้งงบประมาณใช้จ่ายแบบขาดดุลกันอีก แนวคิดดังกล่าวทำให้สมาชิกพรรคที่เป็นกลุ่มหัวปฏิรูปในเรื่องงบประมาณต่างรู้สึกตกใจ
ครั้งนี้เป็นครั้งที่สี่แล้วที่อาโซะพยายามผลักดันตนเองขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคแอลดีพี และก็ประสบความสำเร็จในที่สุด โดยที่เขามีคะแนนทิ้งห่างคู่แข่งแบบขาดลอย กล่าวคือ คาโอรุ โยซาโน รัฐมนตรีเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นพวกหัวอนุรักษนิยมด้านงบประมาณ ได้คะแนนเสียงเพียง 66 เสียง ส่วนยูริโกะ โคอิเกะ อดีตรัฐมนตรีกลาโหม ก็พลาดหวังที่จะได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของญี่ปุ่น เพราะเธอได้คะแนนเพียง 46 เสียง
ทว่า มีเสียงวิจารณ์เช่นกันว่าการแข่งขันกันในพรรคแอลดีพีครั้งนี้ เป็นเพียงการแสดงเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้มีสิทธิเลือกตั้งก่อนที่ญี่ปุ่นจะจัดการเลือกตั้งทั่วไปในอีกไม่นานนี้ และการนำเสนอวิสัยทัศน์ของผู้ชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคทั้งห้าคนซึ่งเน้นไปที่นโยบายด้านเศรษฐกิจ ก็เป็นการพูดเรื่อยเปื่อย โดยมีเพียงโยซาโนเท่านั้นที่ระบุชัดเจนว่าญี่ปุ่นจำเป็นต้องเพิ่มภาษีการบริโภค 5 เปอร์เซ็นต์เพื่อนำมาแก้ไขภาวะการคลังที่กำลังย่ำแย่ และเขายังบอกด้วยว่าจะต้องพักการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำไว้อีกหลายปี
สื่อมวลชนรายงานว่าอาโซะคงจะเลือกโยซาโนเข้ามาร่วมงานในคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ซึ่งจะจัดตั้งแล้วเสร็จในวันพุธนี้ และอาจจะดึงตัวชิเกรุ อิชิบะ อดีตรัฐมนตรีกลาโหม เข้ามาเสริมทีมเพื่อสร้างความเป็นเอกภาพในพรรคซึ่งมีคะแนนนิยมตกต่ำลง
ถึงแม้อาโซะมีแนวโน้มที่จะมองด้วยสายตาระแวงต่ออิทธิพลบารมีที่กำลังเพิ่มขึ้นทุกทีของจีน แต่ก็เป็นที่คาดว่าเขาจะคงใช้นโยบายต่างประเทศตามแนวของฟูกูดะ โดยเน้นความเป็นพันธมิตรด้านความมั่นคงกับสหรัฐฯ อย่างเหนียวแน่น พร้อมไปกับการปรับปรุงความสัมพันธ์กับจีน
อาโซะเป็นผู้สนใจเรื่องการแต่งตัวและเป็นแฟนหนังสือการ์ตูนที่วัยรุ่นนิยมอ่าน เขามักติดอันดับต้นๆ ในการสำรวจคะแนนนิยมผู้ที่เหมาะเป็นนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น จึงทำให้พรรคแอลดีพีเทคะแนนให้เป็นหัวหน้าพรรคเพราะหวังว่าเขาจะนำพรรคสู่ชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่งเขาจะต้องฝ่าทางตันในรัฐสภาให้ได้เนื่องจากพรรคประชาธิปไตยที่เป็นฝ่ายค้าน และพรรคขนาดเล็กที่เป็นพันธมิตรนั้นกุมเสียงข้างมากในวุฒิสภาอยู่ แม้สภาสูงจะมีอำนาจน้อยกว่าสภาล่างมาก แต่ก็สามารถยับยั้งและถ่วงเวลาการออกกฎหมายต่างๆ ได้