เอเอฟพี - สำนักข่าวเอเอฟพีออกรายงานข่าวพูดถึง นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการอาเซียนคนปัจจุบัน โดยเรียกเขาว่าเป็น "บุรุษผู้เต็มไปด้วยความเร่าร้อนคึกคัก"ของอาเซียน
รายงานของเอเอฟพีชมว่า นายสุรินทร์เป็นผู้ที่สามารถหยิบยกอ้างอิงถ้อยคำทั้งจากคัมภีร์อัลกรุอานและบทประพันธ์ภาษาอังกฤษ มาใช้ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ครั้งเดียวกัน
"ชายผู้ประกาศตัวเป็น 'หัวหน้าเชียร์ลีดเดอร์แห่งอาเซียน'ผู้นี้ หลายๆ ครั้งกลับดูเหมือนนักเทศน์มากกว่า" เอเอฟพีบอกพร้อมกับชี้ว่า สไตล์การพูดอย่างเปิดเผยตรงไปตรงของนายสุรินทร์นั้น ช่างสวนทางกลับประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 41 ปีของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ที่นายสุรินทร์เข้ารับตำแหน่งเลขาธิการเมื่อต้นปีที่ผ่านมา
เอเอฟพีชี้ว่า อาเซียนถูกวิจารณ์มานานแล้วว่า แทบไม่ได้เป็นอะไรมากกว่า "เวทีน้ำลายฟุ้ง" ทว่านักสังเกตการณ์หลายคนกำลังมองว่า หากจะมีใครสักคนสามารถทำให้อาเซียนมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นแล้ว บุคคลผู้นั้นต้องเป็นนายสุรินทร์ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ และนักวิชาการ ผู้มาจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย ซึ่งเวลานี้มีอายุ 58 ปี
"นายสุรินทร์มียิ่งกว่าพลังและความคิดสร้างสรรค์" เอเอฟพีอ้างคำพูดของคาร์ล เธเยอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จากศูนย์ศึกษายุทธศาสตร์และกลาโหมแห่งมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย
"เขาปรารถนาที่จะทำบางสิ่งบางอย่าง มิใช่แค่ดำรงตำแหน่งเรื่อย ๆ จนกว่าจะหมดวาระ" เธเยอร์กล่าว "ผมมั่นใจยิ่งขึ้นว่า ภายใต้การดำรงตำแหน่งผู้นำของนายสุรินทร์ อาเซียนจะมุ่งสู่ความก้าวหน้า"
ทั้งนี้ นายสุรินทร์รับตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา โดยมีวาระ 5 ปี พร้อมด้วยอำนาจอันแข็งแกร่งในการที่จะทำให้อาเซียนโดดเด่นยิ่งขึ้นบนเวทีระดับโลก จากศูนย์บัญชาการที่สำนักงานเลขาธิการอาเซียนที่กรุงจาการ์ตาของอินโดนีเซีย
เอเอฟพีชี้ว่า นายสุรินทร์กำลังมุ่งสนับสนุน "กฎบัตรอาเซียน" ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญในการกำหนดโครงร่างทางกฎหมายของอาเซียน, ดำเนินการผลักดันหลักการและข้อบังคับสำหรับประเทศสมาชิก ตลอดจนผูกมัดบรรดาประเทศสมาชิก ซึ่งมีความแตกต่างหลากหลาย ให้ส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย
โรดอลโฟ เซเวริโน อดีตเลขาธิการอาเซียนกล่าวกับเอเอฟพีว่า ลักษณะเหมือนนักเคลื่อนไหวของนายสุรินทร์ สอดคล้องกับอำนาจที่เพิ่มขยายยิ่งขึ้นสำหรับเลขาธิการอาเซียนภายในกฎบัตรฉบับนี้
"นายสุรินทร์เป็นผู้ที่เหมาะสมอย่างยิ่งยวดกับสมาคมประชาชาติแห่งนี้" เซเวริโนกล่าว พร้อมสำทับว่า นายสุรินทร์ได้นำความสำเร็จมาสู่ภูมิภาคอย่างที่ผู้ดำรงตำแหน่งก่อนหน้านี้ไม่เคยทำมาก่อน
รายงานของเอเอฟพีชมว่า นายสุรินทร์เป็นผู้ที่สามารถหยิบยกอ้างอิงถ้อยคำทั้งจากคัมภีร์อัลกรุอานและบทประพันธ์ภาษาอังกฤษ มาใช้ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ครั้งเดียวกัน
"ชายผู้ประกาศตัวเป็น 'หัวหน้าเชียร์ลีดเดอร์แห่งอาเซียน'ผู้นี้ หลายๆ ครั้งกลับดูเหมือนนักเทศน์มากกว่า" เอเอฟพีบอกพร้อมกับชี้ว่า สไตล์การพูดอย่างเปิดเผยตรงไปตรงของนายสุรินทร์นั้น ช่างสวนทางกลับประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 41 ปีของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ที่นายสุรินทร์เข้ารับตำแหน่งเลขาธิการเมื่อต้นปีที่ผ่านมา
เอเอฟพีชี้ว่า อาเซียนถูกวิจารณ์มานานแล้วว่า แทบไม่ได้เป็นอะไรมากกว่า "เวทีน้ำลายฟุ้ง" ทว่านักสังเกตการณ์หลายคนกำลังมองว่า หากจะมีใครสักคนสามารถทำให้อาเซียนมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นแล้ว บุคคลผู้นั้นต้องเป็นนายสุรินทร์ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ และนักวิชาการ ผู้มาจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย ซึ่งเวลานี้มีอายุ 58 ปี
"นายสุรินทร์มียิ่งกว่าพลังและความคิดสร้างสรรค์" เอเอฟพีอ้างคำพูดของคาร์ล เธเยอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จากศูนย์ศึกษายุทธศาสตร์และกลาโหมแห่งมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย
"เขาปรารถนาที่จะทำบางสิ่งบางอย่าง มิใช่แค่ดำรงตำแหน่งเรื่อย ๆ จนกว่าจะหมดวาระ" เธเยอร์กล่าว "ผมมั่นใจยิ่งขึ้นว่า ภายใต้การดำรงตำแหน่งผู้นำของนายสุรินทร์ อาเซียนจะมุ่งสู่ความก้าวหน้า"
ทั้งนี้ นายสุรินทร์รับตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา โดยมีวาระ 5 ปี พร้อมด้วยอำนาจอันแข็งแกร่งในการที่จะทำให้อาเซียนโดดเด่นยิ่งขึ้นบนเวทีระดับโลก จากศูนย์บัญชาการที่สำนักงานเลขาธิการอาเซียนที่กรุงจาการ์ตาของอินโดนีเซีย
เอเอฟพีชี้ว่า นายสุรินทร์กำลังมุ่งสนับสนุน "กฎบัตรอาเซียน" ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญในการกำหนดโครงร่างทางกฎหมายของอาเซียน, ดำเนินการผลักดันหลักการและข้อบังคับสำหรับประเทศสมาชิก ตลอดจนผูกมัดบรรดาประเทศสมาชิก ซึ่งมีความแตกต่างหลากหลาย ให้ส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย
โรดอลโฟ เซเวริโน อดีตเลขาธิการอาเซียนกล่าวกับเอเอฟพีว่า ลักษณะเหมือนนักเคลื่อนไหวของนายสุรินทร์ สอดคล้องกับอำนาจที่เพิ่มขยายยิ่งขึ้นสำหรับเลขาธิการอาเซียนภายในกฎบัตรฉบับนี้
"นายสุรินทร์เป็นผู้ที่เหมาะสมอย่างยิ่งยวดกับสมาคมประชาชาติแห่งนี้" เซเวริโนกล่าว พร้อมสำทับว่า นายสุรินทร์ได้นำความสำเร็จมาสู่ภูมิภาคอย่างที่ผู้ดำรงตำแหน่งก่อนหน้านี้ไม่เคยทำมาก่อน