xs
xsm
sm
md
lg

ในหลวงพระราชทานถุงยังชีพช่วยน้ำท่วม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากภาวะอุทกภัยที่เกิดขึ้นทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคอีสาน ทำให้ประชาชนเดือดร้อนจำนวนมาก เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (21 ก.ย.) นายดิสธร วัชโรทัย ประธานกรรมการบริหารมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้นำถุงยังชีพพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มอบให้กับราษฎรที่ประสบอุทกภัยน้ำท่วม ที่ ต.โนนสมบูรณ์ อ.บ้านแฮด และที่วัดสว่าง ต.บ้านเป็ด อ.เมือง และในเขตเทศบาลนครขอนแก่น พร้อมทั้งตรวจพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะสะพานข้ามทางรถไฟและตลอดแนวถนนมิตรภาพ ที่ถูกกระแสพัดตัดขาด จนทำให้รถไม่สามารถสัญจรในเส้นทางสายภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้
นายดิสธร กล่าวว่า มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ได้นำสิ่งของพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มาให้กับราษฎร จ.ขอนแก่น ที่ประสบอุทกภัย จำนวน 2,000 ชุด ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้ทรงพระราชทานเงินจำนวน 10 ล้านบาท ให้กับมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ จัดหน่วยสงเคราะห์ผู้ประสบภัยเคลื่อนที่ เพื่อจัดมอบสิ่งของพระราชทานให้ผู้ประสบอุทกภัยในทั่วประเทศ
เป็นน้ำพระราชหฤทัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ซึ่งมีต่อพี่น้องราษฎร คนไทยทั้งประเทศ ซึ่งคนไทยทุกคนไม่ว่าทนทุกข์ทรมานมากน้อยแค่ไหน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงไม่เคยทอดทิ้งพวกเราแม้แต่ครั้งเดียว ไม่ว่าประสบภัยแล้ง ภัยหนาว อุทกภัย วาตภัย วินาศภัย ไม่คอยทอดทิ้งประชาชนคนไทยในประเทศ โดยเฉพาะการเดินทางมามอบถุงยังชีพพระราชทาน ที่ จ.ขอนแก่น มีเครื่องอุปโภคบริโภค จำนวน 12 รายการ ถุงยังชีพพระราชทานน้ำหนัก 12 กิโลกรัม เป็นน้ำพระทัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงห่วงใยเมตตาพวกเราที่ประสบอุทกภัย
นายเจตน์ ธนวัฒน์ ผวจ.ขอนแก่น กล่าวว่า จากสถานการณ์ฝนตกหนักและน้ำท่วมในหลายพื้นที่ของ จ.ขอนแก่น มีรายงานความเสียหายแล้วใน พื้นที่ 6 อำเภอ 48 ตำบล 457 หมู่บ้าน ประกอบด้วย อำเภอเมือง , อ.บ้านแฮด , อ.ชนบท , อ.โนนศิลา , อ.มัญจาคีรี และ อ.บ้านไผ่ ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 39,925 ครัวเรือน หรือประมาณ 128,731 คน ถนนชำรุดเสียหาย 143 สาย ฝาย 6 แห่ง คอสะพาน 3 แห่ง ทางรถไฟชำรุด 4 จุด ขณะที่พื้นที่การเกษตรคาดว่าจะเสียหายกว่า 125,920 ไร่ บ่อปลาได้รับความเสียหาย 3,836 บ่อ คาดว่าความเสียหายในครั้งนี้จะมากกว่า 98,344,800 บาท
นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.)กล่าวว่า ในรอบ 10 วัน ตั้งแต่วันที่ 11-20 กซย. 2551 สธ. ได้จัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ใน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร ออกให้บริการประชาชนในพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมจำนวน 773 หน่วย มีผู้เจ็บป่วยมารับบริการรวม 123,407 ราย โรคที่พบมากที่สุด ได้แก่ น้ำกัดเท้าร้อยละ 41 รองลงมา เป็นไข้หวัดร้อยละ 32 และผื่นคันร้อยละ 11 เฉพาะวันที่ 20 กันยายน 2551 มีผู้เจ็บป่วยมารับบริการรวม 69,461 ราย ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า จ.นนทบุรี ผลิตยารักษาโรคน้ำกัดเท้าจำนวน 70,000 ตลับ
นอกจากนี้ สมาคมแม่บ้านสาธารณสุข สธ.จะนำเสื้อชูชีพไปมอบให้กับทีมหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ฯ จำนวน 50 ตัวที่ สสจ.ลพบุรี ในวันที่ 23 กันยายนนี้ สำหรับจังหวัดที่ต้องการความช่วยเหลือ สามารถติดต่อขอเสื้อชูชีพได้ที่สมาคมแม่บ้าน สธ.
นพ.ปราชญ์ กล่าวอีกว่า ได้รับรายงานสถานการณ์น้ำท่วมที่จังหวัดชัยภูมิ ขณะนี้น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมใน 15 อำเภอ 106 ตำบล 513 หมู่บ้าน และท่วมในเขตเทศบาลเมือง 15 ชุมชน ระดับน้ำสูงประมาณ 50-80 เซนติเมตร โรงพยาบาลชัยภูมิ โรงซักฟอก น้ำท่วมสูง 50 เซนติเมตร ส่วนตึกผู้ป่วยไม่ได้รับความเสียหาย เทศบาลได้ช่วยทำสะพานไม้เพื่อให้ผู้ป่วยและญาติเดินทางเข้ามาในโรงพยาบาลได้ โดยมีทหารช่วยลำเลียงผู้ป่วยทั้งทางรถเข็นและทางเรือ อย่างไรก็ตาม แม้โรงพยาบาลจะได้รับผลกระทบ แต่ยังสามารถให้บริการประชาชนได้ 24 ชั่วโมง
ด้านกรมอุตุนิยมวิทยา รายงานว่า เนื่องจากระดับน้ำที่ลุ่มน้ำป่าสัก ลุ่มน้ำมูล และลุ่มน้ำปราจีนบุรี ขณะนี้อยู่ในระดับสูง และคาดว่าจะเข้าท่วมที่ลุ่มริมฝั่งแม่น้ำบริเวณ อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ อ.บัวชุม จ.ลพบุรี อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ และ อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ในระยะ 1-2 วันนี้ จึงขอให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายด้วย
นายอนุชาโมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวถึงสถานการณ์ น้ำท่วมในหลายจังหวัดว่าทั้งประเทศมีพื้นที่น้ำท่วม 8 จังหวัด จากเดิม13 จังหวัดที่น้ำท่วมก่อนหน้านี้สถานการณ์ได้คลี่คลายแล้ว สำหรับจังหวัดลพบุรีเป็นน้ำท่วมขัง ต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง พร้อมยืนยันสถานการณ์น้ำท่วม ไม่ได้รุนแรง หรือ น่าเป็นห่วง แต่ข่าวสารที่ออกไปทำให้ประชาชนตกใจบางพื้นที่
นายอนุชากล่าว ด้วยว่า ปริมาณฝนที่เกินปริมาณปกติ การตั้งถิ่นฐานของ พี่น้องประชาชน การสร้างถนนรุกล้ำลำน้ำการถมที่ ทำให้น้ำไม่สามารถไหล ไปในทิศทางธรรมชาติได้ ทำให้เอ่อล้นอยู่ตามคอสะพานพื้นที่ที่มีการถมไม่เท่ากัน ทุกปีจะเห็นว่าน้ำท่วมจะไม่ใช่จุดเดียวกันขึ้นอยู่กับใครไปสร้างที่ขวางทางน้ำซึ่งต้องใช้ผังเมืองระบบใหญ่ในการเข้ามาดูแล
กำลังโหลดความคิดเห็น