xs
xsm
sm
md
lg

พันธมิตรฯถกการเมืองใหม่อาทิตย์นี้ ไม่เอารัฐบาล"พลังแม้ว"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.) กล่าวยืนยันว่า ก่อนที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ จะได้รับโปรดเกล้าให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทางนายสมชาย ได้ติดต่อมายังตน ซึ่งตนก็ได้นำข้อมูลเหล่านี้มาปรึกษาหารือกับกับแกนนำพันธมิตรฯทั้งหมด ซึ่งทางแกนนำฯก็บอกว่าไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรที่จะพูดคุยกัน แต่ก็ไม่ได้รับการติดต่อจากนายสมชาย แต่เมื่อได้รับโปรดเกล้า ( เมื่อวันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมา) นายสมชาย ก็ได้โทรติดต่อมาหาตน โดยประโยคแรกที่นายกรัฐมนตรีสอบถามคือ มีอะไรที่พันธมิตรจะให้รัฐบาลพิจารณา ทางรัฐบาลจะยินดี
" ตนก็บอกนายสมชายว่า สิ่งที่ได้พูดคุยกับผม ผมต้องนำไปบอกกล่าวกับพี่น้องที่ร่วมชุมนุม เพราะผมไม่เคยทำอะไรลับหลัง ชีวิตนี้ ผมเปิดเผยอยู่แล้ว และถ้าไม่เช่นนั้น ผมคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้ ตราบใดที่ยังมีพี่น้องอยู่ เราจะไปไหนได้ แต่เมื่อถามเราว่าเราต้องการอะไร สิ่งที่เรายืนยันมาโดยตลอด ซึ่งแถลงการณ์ฉบับที่ 21 และ ฉบับที่ 22 ก็ชัดเจนว่า จุดยืนของพันธมิตรฯ คือ การให้พรรคพลังประชาชนลาออกจากรัฐบาล" นายสนธิกล่าวและว่า
ตลอดระยะที่ผ่านมา ได้มีการส่งสัญญารบกวนASTV โดยจากการตรวจสอบพบว่า น่าจะมาจากการยิงสัญญาณรบจากดาวเทียมไทยคม ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำเข้าข่ายก่อการร้ายสากล ซึ่งเวลานี้เจ้าของดาวเทียมที่ASTVเช่าสัญญาณอยู่เป็นของเนเธอร์แลนด์กำลังประชุมกันและอาจมีการฟ้องศาลโลก เพราะถือว่าร้ายแรงมาก
นายสนธิ ได้ย้ำถึงเรื่องการช่วยเหลือASTVว่า เท่ากับช่วยเหลือให้ความจริงคงอยู่ตราบนานเท่านาน ขณะเดียวกันต่อไปASTVจะถูกตรวจสอบจากประชาชน และต่อไปถ้าไม่ซื่อสัตย์ก็จะไม่ได้รับการสนับสนุนทันทีเหมือนกัน ขณะที่สื่อโทรทัศน์บางช่องกลับไม่เคยได้รับการตรวจสอบแต่อย่างใดเลย
ด้านพล.ต.จำลอง ศรีเมือง และนายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรฯ แถลงข่าวชี้แจงที่ห้องผู้สื่อข่าวทำเนียบรัฐบาลถึงการเตรียมเปิดตุ๊กตาการเมืองใหม่ ในวันจันทร์ที่ 22 ก.ย.นี้ว่า พันธมิตรฯ เป็นผู้จุดประกายเรื่องนี้ขึ้นมา ตั้งแต่เริ่มชุมนุม โดยในวันอาทิตย์ที่ 21 ก.ย.นี้ จะเชิญนักวิชาการ ข้าราชการ และพนักงานรัฐวิสาหกิจ ที่เคยมาร่วมชุมนุมแสดงความคิดเห็นเพื่อให้ได้ข้อสรุป จากนั้นจะได้นำข้อสรุปไปให้กลุ่มอาชีพต่างๆ ได้ปรับปรุง ต่อจากนี้ไปจะได้เห็นรูปร่างหน้าตาของการเมืองใหม่ที่ผู้รู้เสนอมาอย่างชัดเจนมากขึ้น และในวันที่ 22 ก.ย. คาดว่าจะมีความชัดเจนในเรื่องการเมืองใหม่ ตามที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำฯ ได้ประกาศไว้
ส่วนกรณีที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี เสนอแนวคิดสูตรการเมืองใหม่ให้ ส.ส.มาจากการเลือกตั้ง 50 % และมาจากการแต่งตั้งอีก 50 % นั้น พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ท่านคงเห็นว่าการเมืองเก่าไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ จึงเสนอสูตรการเมืองใหม่ ก็ถือเป็นตัวอย่าง แต่การเลือกตั้ง 50 แต่งตั้ง 50 นั้นผิด กลายเป็นสูตรอ้อย สูตรอะไรไป แต่ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะยังมีผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองที่มีประสบการณ์ทางการเมืองเสนอออกมาซึ่งพันธมิตรฯก็คงต้องรับฟัง อย่างไรก็ตาม คงต้องรอข้อสรุปจากการประชุมก่อนที่จะไปวิพากษ์วิจารณ์ เพราะต่างคนต่างคิด แต่เป็นแนวทางเดียวกันคือการไม่เอาเลือกตั้งทั้ง100 %
***ไม่ปิดประตูเรื่องเจรจากับรัฐบาล
พล.ต.จำลอง ยังกล่าวว่า การที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ต่อสายพูดคุยกับแกนนำพันธมิตรฯว่า ตอนนี้ยังพูดอะไรได้ไม่เต็มที่นัก เพราะเป็นระยะเริ่มต้นของการเจรจา จึงขอไม่พูดในรายละเอียด
"ไม่ใช่ว่าเราจะปิดประตู เราพร้อมจะเจรจากับทุกรัฐบาล ไม่มีรัฐบาลไหนที่เราไม่เจรจาด้วย แต่รัฐบาลชุดที่ผ่านมาไม่เคยมาเจรจากับเรา ขณะที่ในช่วง 3 วันก่อนหน้า นายสนธิ ลิ้มทองกุล บอกกับแกนนำพันธมิตรฯทุกคนว่า นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ติดต่อมา เราก็พูดคุยด้วย เราไม่ได้ถือแง่ถืองอน เพราะเราพูดรู้เรื่อง และเมื่อคุณสนธิบอกเรา เราเลยบอกคุณสนธิรับการติดต่อนายสมชาย ซึ่งนายสมชายถามพวกเราว่า สบายดีหรือ คุณสนธิก็บอกว่าไม่ค่อยสบายหรอก ส่วนที่ถามว่าทางพันธมิตรฯต้องการให้รัฐบาลทำอะไรบ้าง จะได้ไปหารือกับรัฐบาล "
อย่างไรก็ตาม การเจรจากับรัฐบาลไม่ใช่เป็นการหาทางลงของพันธมิตรฯ เพราะ เราบอกแล้วว่า เราไม่ได้ขึ้นมามีอำนาจ เพราะฉะนั้นเราจะหาทางลงทำไม และการเจรจาเราก็ไม่ได้เป็นฝ่ายริเริ่ม การที่รัฐบาลเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี คนไทยด้วยกันก็คนรู้จักทั้งนั้น
นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะนำตัวผู้ร้ายหนีอาญาแผ่นดินกลับมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และต้องยึดพาสปอร์ตแดงตามกฎหมาย หากไม่ทำตามก็ไม่ต้องมาพูด รัฐบาลมีหน้าที่รักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ และ เรื่องเขาพระวิหารจะว่าอย่างไร เพราะไปยกมือสนับสนุนกัมพูชา จึงได้ขึ้นทะเบียนฝ่ายเดียว ทำให้อำนาจประชาธิปไตยของไทยต้องเสียไป
พล.ต. จำลอง กล่าวด้วยว่า การที่นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานของพันธมิตรฯ ยื่นแถลงการณ์ 5 ข้อ ถึงนายสมชาย นั้น เป็นความคิดส่วนตัวของนายสุริยะใส ถือเป็นความคิดที่ดี แต่แกนนำพันธมิตรฯไม่ได้ประชุมเรื่องนี้จริงๆ ยืนยันว่าไม่ได้มีความขัดแย้งกัน ในเรื่องดังกล่าว
เมื่อถามว่าวันที่ 19 ก.ย. เป็นวันครบรอบรัฐประหาร 2 ปี หากเกิดรัฐประหารซ้ำรอย พันธมิตรฯ เตรียมการรับมืออย่างไร นายพิภพ ธงชัย กล่าวว่า พันธมิตรฯ รักษาความปลอดภัยเข้มงวดอยู่แล้ว แต่ถ้าหากเกิดความรุนแรงขึ้นจริง ทางรัฐบาลจะต้องเป็นผู้ดูแลรักษาความปลอดภัย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความรุนแรง
**จวกผบ.ตร.มั่วต่อรองหมายจับ
พล.ต.จำลอง กล่าวถึงกรณี พล.ต.อ.พัชรวาท วงศ์สุวรรณ ผบ.ตร. ออกมาระบุว่า พันธมิตรฯมีการต่อรองเรื่องหมายจับในข้อหากบฏว่า เราไม่เคยเอาเรื่องนี้มาเป็นข้อต่อรอง พล.ต.อ.พัชรวาท พูดโกหก เช่นเดียวกับการยกเลิก พ.ร.ก ฉุกเฉิน เราก็ไม่เคยเรียกร้อง หรือต่อรองใดๆ
เรื่องหมายจับข้อหากบฏนั้น เรายืนยันมาตลอดว่า พร้อมที่จะให้จับได้เลย แต่ผลพวงที่ตามมาอาจก่อให้เกิดความวุ่นวายกับบ้านเมืองได้ และขณะนี้ก็อยู่ในขั้นตอนของกฎหมาย ในชั้นอุทธรณ์ ซึ่งตำรวจสามารถเข้ามาจับกุมได้เหมือนเดิม ทั้ง 9 แกนนำ ก็อยู่ที่นี่ และไม่ได้ขัดขืนการจับกุม พร้อมที่จะให้จับกุมตลอดเวลา
**แฉตำรวจเตรียมลุยเช้าวันจันทร์
"เรื่องที่ตำรวจจะเข้ามาจับ 9 แกนนำ และสลายการชุมนุมนั้นเป็นเรื่องจริง มีการดำเนินงานจริง โดยเตรียมทั้งกระบอง โล่ แก๊สน้ำตา ซึ่งต้องขอขอบใจพันธมิตรฯ ทั่วประเทศ ที่คอยจับตามองว่า จะมีตำรวจ และนปช. เดินทางเข้ามาสมทบในกรุงเทพฯอย่างผิดปกติหรือไม่ ซึ่งขณะนี้มี ข่าวจากพันธมิตรฯ จ.ศรีสะเกษ ว่าญาติที่เป็นตำรวจบอกว่า ขณะนี้มีการระดมตำรวจจากหลายจังหวัด จะเข้ามาสลายการชุมนุม ในช่วงเช้ามืดวันจันทร์ที่ 22 และ 23 ก.ย. เนื่องจากมีผู้ชุมนุมน้อย โดยได้เตรียมแผนจับกุมแกนนำรุ่นที่ 2 ด้วย โดยใช้ตำรวจเข้าล้อมบ้านแกนนำรุ่น 2 ในขณะที่จับแกนนำรุ่นที่ 1 เพื่อไม่ให้แกนนำรุ่นที่ 2 ออกมาเคลื่อนไหวต่อจากแกนนำรุ่นที่ 1 ได้" พล.ต.จำลองกล่าว
พล.ต.จำลอง กล่าวอีกว่า จากการที่ตำรวจเข้ามาสลายพันธมิตรฯ ขั้นที่ผ่านมาทำให้ทรัพย์สินของประชาชนได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก ทางพันธมิตรฯ จึงเตรียมเอกสารต่างๆเพื่อฟ้องร้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ซึ่งเหตุการณ์เช่นนี้ สตช. เคยถูกฟ้องร้องในคดีที่ตำรวจเข้าสลายการชุมนุมที่ จ.สงขลา ทำให้ สตช.ต้องรับผิดชอบจ่ายค่าเสียหายให้กับประชาชน คนละ 1 หมื่นบาท ซึ่งหากพันธมิตรฯ ดำเนินการฟ้องร้อง คาดว่า สตช.จะต้องจ่ายค่าเสียหายให้ไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันล้านบาท เพราะผู้ชุมนุมทั้งที่มัฆวานฯ และทำเนียบฯ มีประมาณหนึ่งแสนคน ซึ่ง สตช.จะต้องล้มละลายแน่ๆ ขอให้ พล.ต.อ.พัชรวาท และพล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ คิดให้รอบคอบเสียก่อนที่จะลงมือสลายการชุมนุม
***อดีตผู้พิพากษาวิ่งคดีซุกหุ้น1ได้ดี
นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯกล่าวว่า ทางพันธมิตรฯพร้อมจะย้ายออกจากทำเนียบและไปมอบตัวก็ต่อเมื่อพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เดินทางมาขึ้นศาลและฟังคำพิพากษา ในส่วนที่มีการเปิดโปงของนายประพันธ์ คูณมี ทนายความและนักกฎหมายของกลุ่มพันธมิตรฯ กรณี มีอดีตผู้พิพากษาคนหนึ่งวิ่งเต้นเพื่อล็อบบี้และติดสินบนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในคดี “ซุกหุ้น 1” เมื่อปี 2544 ให้ตุลาการเสียงข้างมากจำนวน 4 คนให้ลงมติ 8 ต่อ 7 เสียง วินิจฉัยให้ พ.ต.ท.ทักษิณไม่มีความผิดจากกรณีดังกล่าว
" ถ้าผู้พิพากษาคนนี้ วิ่งเต้น วิ่งตุลาการได้ แทรกแซงตุลาการได้ แล้วคนคนนี้เคยเป็นอดีตผู้พิพากษา ถ้าตอนนี้ขึ้นมามีอำนาจบาตรใหญ่ในบ้านเมือง เราจะสามารถเชื่อถือได้หรือ” นายสมเกียรติกล่าว
****ต้องขจัด"อำนาจซื้อเสียง"เข้าสภา
นายพิภพ ธงไชย หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯกล่าวถึงกระแสการเมืองใหม่ที่ติดเร็วในขณะนี้ว่า เพราะอยู่ในสถานการณ์ที่วิกฤต แม้แต่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตผู้นำการเมืองเก่าน้ำเน่า ก็ยังออกมาพูดว่า ต้องการเมืองใหม่เท่านั้นที่เป็นทางออก รวมทั้งคนอื่นๆ แม้แต่ ผบ.ทบ. นายกสมาคมหอการค้า ก็พูดเรื่องการเมืองใหม่ ดังนั้น การเมืองใหม่จึงไม่ใช่ลัทธิอย่างที่นายสมัครกล่าวหา แต่มันมาจากฐานการเมืองภาคประชาชนที่ทำกันมาตั้งแต่ปี 2522 ซึ่งตอนนั้นพี่น้องอาจจะยังไมได้สนใจ
นายพิภพ กล่าวต่อว่า เนื้อหาสาระของการเมืองใหม่นั้น ความจริงมีอยู่ในรัฐธรรมนูญ 2540 และ 2550 อยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่นักการเมืองไม่ทำตาม แม้ว่าภาคประชาชนจะตื่นตัวทั้งในเรื่องสิทธิชุมชน รวมตัวต่อต้านการเมืองน้ำเน่า แต่ที่มาของคนที่เข้าสู่อำนาจนั้น มาจากการซื้อเสียงแบบเก่า เนื้อหาสาระที่กำหนดไว้ในหมวดต่างๆ จึงไม่มีผลอะไรเลย
ซึ่งที่ผ่านมาตนเคยต่อสู้เรื่องการศึกษา จนได้คำว่าการศึกษาทางเลือก ต่อสู้เรื่องสิทธิชุมชน จนชุมชนมีสิทธิที่จะเรียนรู้เรื่องประวัติศาสตร์ชุมชนของตัวเอง นอกจากนี้ในรัฐธรรมนูญมีการให้อำนาจภาคประชาชนในการตรวจสอบการทำสัญญากับต่างประเทศ ตามมาตรา 190 มีมาตรการยุบพรรคการเมืองที่ซื้อเสียง ตามมาตรา 237 และมีการเขียนเรื่องจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งมีตั้งแต่รัฐธรรมนูญ 2540 และเขียนเพิ่มเติมในฉบับ 2550 แต่ก็ยังไม่สามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้ เพราะนักการเมืองเก่าไม่ได้สนใจเนื้อหาเหล่านี้แม้แต่มาตราเดียว
นายพิภพ ชี้ว่า เนื้อหาสาระการเมืองใหม่ มีอยู่แล้วในรัฐธรรมนูญ 2540 และ 2550 แต่จุดอ่อน คือเราไม่ได้แก้ปมการเข้าสู่อำนาจของนักการเมือง เราจึงได้แต่นักการเมืองเก่าเข้าไปมีอำนาจ เพราะฉะนั้นเนื้อหาดีๆ ที่จะใส่เข้ามาในอนาคต ก็จะไม่ได้รับการปฏิบัติ คนที่ลุกขึ้นมาต่อสู้ก็จะถูกทำลาย ชาวบ้านที่ลุกขึ้นมาเรียกร้องก็จะถูกยิงทิ้ง แม้แต่แกนนำพันธมิตรฯ ยังถูกตั้งข้อหาเป็นกบฏ ทั้ง ๆ ที่เราสู้เพื่อให้มีการเมืองที่ดี มีจริธรรม
"เทพเทือก"บอกพธม.เจรจารัฐฯก่อน
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ระบุ กรณีรัฐบาลต่อสายเจรจากับแกนนำพันธมิตรฯ เป็นเรื่องถูกต้อง ซึ่งประเทศจะพ้นจากวิกฤต หรือปัญหาต่างๆ จะคลี่คลายได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติที่จะทำให้เกิดความสามัคคีของคนในชาติ ดังนั้น พันธมิตรฯ ควรจะลดราวาศอก ขณะที่รัฐบาลก็ควรเดินเข้าไปพูดคุย ตั้งโต๊ะเจรจากัน ถ้าเจรจากันแล้ว เสนอทุกเงื่อนไขกันแล้ว พันธมิตรฯ ยังไม่เอาด้วย ก็ให้ประชาชนเป็นคนพิจารณาต่อไป
**นายกฯนักข่าวเคลียร์สื่อทำเนียบฯ
เมื่อเวลา 13.00 น. น.ส.นาตยา เชษฐโชติรส นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย พร้อมด้วยกรรมการสมาคมนักข่าวฯ ได้เดินทางมาพบปะรับฟังความคิดเห็นและให้กำลังใจสื่อมวลชน ที่ปักหลักทำข่าวการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ทำเนียบรัฐบาล
น.ส.นาตยา กล่าวว่า สมาคมฯ มีความเป็นห่วงในการทำหน้าที่ของนักข่าว เพราะที่ผ่านมามีการกระทบกระทั่งกัน กับมวลชนผู้ชุมนุม ซึ่งตนได้หารือกับแกนนำพันธมิตรฯ และหัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยแล้ว ซึ่งทางพันธมิตรฯ ก็ให้ความร่วมมือ ในการกวดขัน ป้องปรามเหตุการณ์ที่อาจจะกระทบกระทั่งกัน อย่างที่ผ่านมาให้น้อยที่สุด
"สมาคมก็อยากขอร้องพวกเราเองว่า พวกเราก็ทราบถึงบทบาท และภารกิจอยู่แล้วว่าการทำหน้าที่กับแหล่งข่าวที่หลากหลาย ทั้งระดับผู้ที่มีอำนาจ และชาวบ้าน ประชาชนทั่วไป เราก็ต้องให้เกียรติ และเคารพในเสรีภาพของผู้ที่เราจะรายงานข่าวเหมือนกัน บางทีเขาอาจจะไม่อยากเป็นข่าว อาจจะมีการตอบโต้กันบ้าง เราก็น่าจะเคารพในความเห็นที่แตกต่างนั้น เพราะการทำหน้าที่ของเรา น่าจะทำด้วยความสุภาพ และอยู่ในจริยธรรม ถ้าหากว่าเราต้องการที่จะไปเจาะลึก หรือว่าต้องการทำข่าวอะไรที่แตกต่างจากคู่แข่ง ก็น่าจะมีความสุจริตใจที่จะบอกเขาอย่างตรงไปตรงมาได้ ว่าเราอยากจะได้ข่าวในด้านไหน และการแสดงตัวของเรา ก็ควรเป็นไปอย่างเปิดเผย เพื่อที่จะไม่มีปัญหาเรื่องการกระทบกระทั่งกัน" นายกสมาคมนักข่าวฯกล่าว
**แกนนำนปช.ป่วนพันธมิตรฯ
เมื่อเวลา 15.00 น. วานนี้ นายวราวุธ ฐานังกรณ์ หรือ สุชาติ นาคบางไทร แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ หรือ นปช ฐานะผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. พร้อมทีมงานกว่า10 คนได้เดินขบวนถือป้ายหาเสียงจากสี่แยกนางเลิ้ง มายังแยกพาณิชยการ เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ซึ่งเป็นจุดทางเข้าสู่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งกลุ่มพันธมิตรฯชุมนุมอยู่ และพยายามจะเข้าไปด้านในทำเนียบฯ แต่ถูกการ์ดอาสาของกลุ่มพันธมิตรฯ ขวางไม่ให้เข้า และไม่มีการตอบโต้ใดๆ แม้นายสุชาติ จะพยายามพูดยั่วยุ ผ่านโทรโข่ง แต่ก็ไม่มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น ในที่สุดนายสุชาติ ก็เดินทางกลับไปหาเสียงที่อื่นต่อ
กำลังโหลดความคิดเห็น