xs
xsm
sm
md
lg

ส่งเชือดชท.-มฌ.26ก.ย.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายเข็มชัย ชุติวงศ์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ให้สัมภาษณ์ วานนี้ (19 ก.ย.) ว่าตามที่ปรากฏเป็นข่าวว่าเกิดความล่าช้าในการยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้ยุบพรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย นั้นขอชี้แจงว่าในคดียุบพรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตยนั้น นายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุด (อสส.) ได้แต่งตั้งคณะทำงานโดยมีนายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ รองอัยการสูงสุด เป็นหัวหน้าคณะทำงาน เรียบเรียงคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย โดยขณะนี้คณะทำงานอัยการได้รับเอกสารที่จะใช้ประกอบคำฟ้องจาก ทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)แล้วเมื่อวันที่ 5 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยขณะนี้คณะทำงานอัยการได้เรียบเรียงจัดทำคำร้องด้วยความรอบคอบและใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยคาดว่าจะสามารถยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ภายในวันที่ 26 ก.ย.นี้
นางสดศรี สัตยธรรม คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวบรรยายพิเศษ ในหัวข้อ รัฐธรรมนูญกับการเสริมสร้างความเข้มแข็งของพรรคการเมือง ตอนหนึ่งระบุว่า ในฐานะที่เคยเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ยอมรับว่าไม่เห็นด้วยกับเจตนารมณ์ในบางเรื่องของรัฐธรรมนูญฉบับนี้
นายสดศรี กล่าวว่ามาตรา 237 ในเรื่องของการ ยุบพรรคการเมือง ที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าการยุบพรรคง่ายเกินไป และทำให้พรรคการเมืองอ่อนแอนั้น หากมองในมุมผู้มีส่วนได้เสีย พรรคการเมือง ก็สามารถมองในแง่นี้ได้ แต่ถ้ามองในมุมว่าพรรคการเมืองมีหน้าที่ต้องดูแล กรรมการบริหารพรรคและสมาชิกภายในพรรค ไม่ให้ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง และพรรคจะต้องมีความรับผิดชอบต่อการกระทำของกรรมการบริหารพรรค รวมถึง สมาชิกพรรค ก็ถือว่าเป็นส่วนที่จะทำให้พรรคมีความเข้มแข็ง เป็นปึกแผ่น ดังนั้น การจะแก้ไขมาตรานี้อยากให้พรรคการเมืองพิจารณาให้ดี
นางสดศรี ยังให้สัมภาษณ ์เพิ่มเติมว่า ขณะนี้กกต.ได้เสนอเรื่องการพิจารณา ยุบพรรคพลังประชาชนไปให้อัยการสูงสุดแล้วเพื่อดำเนินการส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ ขึ้นอยู่กับอัยการว่าเห็นด้วยหรือไม่ หากยังเห็นว่าไม่สมควรส่งฟ้อง ก็ต้องส่งเรื่องกลับมายัง กกต. เพื่อตั้งคณะทำงานร่วมระหว่าง กกต. และอัยการสูงสุด เช่นเดียวกับกรณีการยุบพรรคมัชฌิมาธิปไตย และพรรคชาติไทย
อย่างไรก็ตาม หากที่สุดแล้วพรรคพลังประชาชน ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคจะเกิดปัญหาขึ้นทันที เพราะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และมี ส.ส.อยู่เป็นจำนวนมาก ส.ส.ที่ไม่ใช่กรรมการบริหารพรรคจะต้องย้ายไปสังกัดพรรคการเมืองอื่น แต่ถ้าพรรคอื่นอย่างพรรคชาติไทย พรรคมัชฌิมาธิปไตย พรรคเพื่อแผ่นดิน ถูกยุบไปด้วยทั้งหมด ก็จะต้องมีการยุบสภาฯ เพื่อมีการจัดการเลือกตั้งใหม่ เพราะไม่มีพรรคการเมืองอยู่ในสภาฯ
นอกจากนี้ยังรู้สึกกังวลกับกรณีที่มีผู้ร้องให้ กกต.สอบคุณสมบัติ ส.ส.และ ส.ว.จำนวนมาก ที่ถือหุ้นในบริษัทที่ได้รับสัมปทานจากรัฐ เพราะถ้า กกต. มีมติว่า ขาดคุณสมบัติ และเรื่องไปสู่การพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญโดยมีมติยืนตาม กกต. ก็จะทำให้การเมืองพลิกผันไปได้อีกเช่นกัน เพราะถึงขณะนั้นคงต้องยุบสภาเลือกตั้งใหม่เช่นเดียวกัน
ส่วนแนวคิดการเมืองใหม่ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ควรมี ส.ส.ที่มาจากการแต่งตั้งและเลือกตั้งในสัดส่วน 70 ต่อ 30 นั้น เห็นว่า หากการดำเนินการของพรรคการเมืองมีความเข้มแข็ง โปร่งใส ก็ไม่จำเป็นต้องมี ส.ส.ที่มาจากการแต่งตั้ง เพราะไม่รู้ว่า ส.ส.แบบแต่งตั้งนั้นจะเป็นตัวแทนที่แท้จริงของประชาชนหรือไม่ และไม่สามารถมั่นใจได้ว่า จะเข้ามาทำประโยชน์ให้กับประเทศอย่างแท้จริง เนื่องจากกระบวนการสรรหาแบบไทยๆ ยังมีการเล่นพรรคเล่นพวก ระบบอุปถัมภ์เป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้น จะให้บุคคลเพียงไม่กี่คนมาคัดสรรบุคคลมาทำหน้าที่แทนประชาชนก็เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องคิดเช่นกัน
ทุกประเทศในโลกที่มีประชาธิปไตยจะไม่มี ส.ส.ที่มาจากการแต่งตั้ง เมื่อไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่รายล้อมไปด้วยประเทศที่มี ส.ส.เลือกตั้งทั้งระบบ ก็จะทำให้ประเทศผิดแผกแตกต่างจากประเทศอื่นๆ และจะเป็นปัญหาว่าต่างประเทศจะยอมรับระบบ ส.ส. แบบแต่งตั้งหรือไม่ และน่าคิดว่าหากมี ส.ส.แต่งตั้ง ต่อไปก็ไม่จำเป็นจะต้องมีพรรคการเมืองหรือไม่
กำลังโหลดความคิดเห็น