ผู้จัดการรายวัน - ส.อ.ท.เกาะติดประชุมสภา โหวตเลือกนายกฯ วันนี้ยังหวังว่าสมัครจะไม่รับตำแหน่ง ถ้ารับกลับมาอีกเท่ากับปิดทางออกของประเทศ ซ้ำเติมเศรษฐกิจหนัก สุดทนการกลับมาเป็นนายกฯ รอบ 2 กำลังท้าทายอะไร ลั่นบ้านเมืองไม่ใช่ของเล่นของใคร
นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวถึงกรณีที่พรรคพปช.มีมติที่จะให้นายสมัคร สุนทรเวชกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีรอบ 2 ว่า คงจะต้องติดตามการประชุมสภาฯในวันนี้(12ก.ย.)ว่านายสมัครจะลาออกหรือไม่แต่หากไม่และรับข้อเสนอมติพรรคในการกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งเท่ากับเป็นการปิดทางออกของประเทศและการต่อต้านจากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะมีมากขึ้น
“ผมเห็นว่าในพรรคพปช.นั้นก็มีคนอื่นเช่น นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ,นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ที่จะเป็นผู้ประสานสิบทิศในการเจรจากับพันธมิตรได้เพราะทุกฝ่ายก็มีทีท่าประนีประนอมอยู่แล้วเว้นแต่นายสมัครเท่านั้นที่ต่างฝ่ายจะไม่เจรจากันดังนั้นเห็นว่านายสมัครมีทางลงที่สง่างามจากกรณีที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพิพากษาคดีจัดรายการชิมไปบ่นไปแล้วหากกลับมารอบ 2 เราในฐานะเอกชนยอมรับว่าคงหมดหวังที่จะพึ่งอะไรกับนักการเมืองได้อีกต่อไป”นายสันติกล่าว
ทั้งนี้คงจะต้องติดตามใกล้ชิดว่าผลจะออกมาในรูปใดแต่ถ้านายสมัครกลับมาจริงส.อ.ท.คงจะต้องมีการแถลงใหญ่ถึงปัญหาเศรษฐกิจที่จะทำให้ความเชื่อมั่นจากต่างชาติลดต่ำลงอีก และอาจจะต้องติดตามว่าการเคลื่อนไหวของสหภาพต่างๆ จะเป็นอย่างไรเหล่านี้มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั้งหมด
****ถาม! กลับมาเพื่อท้าทายอะไร
นายสมมาตร ขุนเศรษฐ รองเลขาธิการงานสภาอุตสาหกรรมจังหวัด ส.อ.ท.กล่าวว่า ความเห็นส่วนตัวผู้นำประเทศควรมีจริยธรรมและธรรมาภิบาลเพราะหากนายสมัครกลับมาอีกครั้งจะเอาอะไรมาอ้างอีกในเมื่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้ชี้การกระทำผิดเกี่ยวกับการจัดรายการชิมไปบ่นไปแล้วแม้ว่ารัฐธรรมนูญไม่ได้ระบุว่ากลับมาไม่ได้แต่ด้านจริยธรรมต้องมี และการกลับมาเท่ากับเป็นการสุมไฟให้กับประเทศและต้องถามว่าเมื่อรู้ว่าการกลับมาของนายสมัครจะเพิ่มความรุนแรง พปช.ทำเช่นนี้เพื่อท้าทายอะไรหรือเปล่า และหากคิดแค่นี้ควรรู้ไว้ว่าบ้านเมืองไม่ใช่ของเล่นของใคร
“หากเกิดปัญหาต่อต้านรุนแรงพปช.จะโทษใครไม่ได้เพราะพวกคุณได้สร้างเงื่อนไขให้มันรุนแรงทางลงที่สวยหวังว่าจะไม่รับตำแหน่งในการประชุมสภาฯ และคนอื่นๆในพปช.เช่นนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ก็น่าจะเจรจากบพันธมิตรฯได้แต่ถ้าดื้อดึงเข้ามากันก็เท่ากับชี้ว่านักการเมืองไทยนั้นเป็นแก่ตัวไม่ได้ใช้อำนาจที่ประชาชนมอบให้เพื่อประโยชน์ชาติแต่เพียงเพื่อประโยชน์ของกลุ่มและพรรคพวกตนเองเท่านั้น”นายสมมาตรกล่าว
นายสมศักดิ์ บริสุทธนะกุล ประธานกิติมศักดิ์กลุ่มพลาสติก ส.อ.ท. เปิดเผยว่า อยากให้พรรคการเมืองร่วมรัฐบาลเล็งแก่ประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ หากยังยืนยันที่จะแต่งตั้งนายสมัคร หรือคนของพรรคพลังประชาชนเข้ามานั่งเก้าอี้นายกฯ ปัญหาการเมืองจะไม่ยุติ และจะส่งผลกระทบวงกว้างต่อธุรกิจ และความเชื่อมั่นของต่างชาติ ควรตั้งรัฐบาลแห่งชาติขึ้นมาดูแล โดยเลือกบุคคลที่มีความเหมาะสมและเป็นที่ยอมรับเข้ามาเป็นนายกฯ และจัดตั้งคณะรัฐบาลชั่วคราว 3-6 เดือนหลังจากนั้นยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่จะเหมาะสมมากกว่า
**แบงก์แนะให้นึกถึงบ้านเมือง
นางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB กล่าวว่า ไม่ว่าใครจะเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีก็ขอให้คิดถึงบ้านเมืองเป็นหลัก นักธุรกิจ นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศไม่ต้องการที่จะเห็นความขัดแย้ง เพราะปัญหาการเมืองส่งผลทำให้การทำธุรกิจต่างๆ ของ ธนาคารลำบากขึ้น กระทบความเชื่อมั่นในภาคต่างๆ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว
"หากปัญหาการเมืองมีความยืดเยื้อก็จะ ไม่เป็นผลดีกับประเทศ แต่สถานการณ์น่าจะจบโดยเร็ว อีกทั้งเศรษฐกิจของไทยก็ยังเติบโต ได้ 4-5% ยังถือว่าอยู่ในระดับดี" นางกรรณิกากล่าว
นายสตีฟ แฮมเมทท์ ประธานกรรมการบริหาร เทสโก้ โลตัส ประเทศไทย เปิดเผยว่า ในฐานะนักลงทุนต่างชาติ กับสถานการณ์การเมืองที่กำลังเกิดขึ้น มองว่าเรายังมีความมั่นใจกับเศรษฐกิจในประเทศ ดังนั้นในระยะอันสั้นนี้ไม่น่าจะเกิดผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการลงทุน โดยในส่วนของเทสโก้ฯ เอง แผนการลงทุนในประเทศไทยถือเป็นการลงทุนระยะยาว ดังนั้นถึงแม้ว่าสถานการณ์ทางการเมืองจะเป็นเช่นไร เราก็ยังที่จะเดินหน้าการลงทุนอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่ากระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค
“ในฐานะชาวต่างชาติ ตนไม่สามารถแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเมืองของประเทศไทยได้ แต่มองว่าความวุ่นวายที่เกิดขึ้น จะจบลงในเร็ววัน ในแง่การลงทุน เทสโก้ฯยังคงจะเดินหน้าลงทุนขยายสาขา ดำเนินธุรกิจตามแผนระยะยาวที่วางไว้เช่นเดิม”.
นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวถึงกรณีที่พรรคพปช.มีมติที่จะให้นายสมัคร สุนทรเวชกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีรอบ 2 ว่า คงจะต้องติดตามการประชุมสภาฯในวันนี้(12ก.ย.)ว่านายสมัครจะลาออกหรือไม่แต่หากไม่และรับข้อเสนอมติพรรคในการกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งเท่ากับเป็นการปิดทางออกของประเทศและการต่อต้านจากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะมีมากขึ้น
“ผมเห็นว่าในพรรคพปช.นั้นก็มีคนอื่นเช่น นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ,นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ที่จะเป็นผู้ประสานสิบทิศในการเจรจากับพันธมิตรได้เพราะทุกฝ่ายก็มีทีท่าประนีประนอมอยู่แล้วเว้นแต่นายสมัครเท่านั้นที่ต่างฝ่ายจะไม่เจรจากันดังนั้นเห็นว่านายสมัครมีทางลงที่สง่างามจากกรณีที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพิพากษาคดีจัดรายการชิมไปบ่นไปแล้วหากกลับมารอบ 2 เราในฐานะเอกชนยอมรับว่าคงหมดหวังที่จะพึ่งอะไรกับนักการเมืองได้อีกต่อไป”นายสันติกล่าว
ทั้งนี้คงจะต้องติดตามใกล้ชิดว่าผลจะออกมาในรูปใดแต่ถ้านายสมัครกลับมาจริงส.อ.ท.คงจะต้องมีการแถลงใหญ่ถึงปัญหาเศรษฐกิจที่จะทำให้ความเชื่อมั่นจากต่างชาติลดต่ำลงอีก และอาจจะต้องติดตามว่าการเคลื่อนไหวของสหภาพต่างๆ จะเป็นอย่างไรเหล่านี้มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั้งหมด
****ถาม! กลับมาเพื่อท้าทายอะไร
นายสมมาตร ขุนเศรษฐ รองเลขาธิการงานสภาอุตสาหกรรมจังหวัด ส.อ.ท.กล่าวว่า ความเห็นส่วนตัวผู้นำประเทศควรมีจริยธรรมและธรรมาภิบาลเพราะหากนายสมัครกลับมาอีกครั้งจะเอาอะไรมาอ้างอีกในเมื่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้ชี้การกระทำผิดเกี่ยวกับการจัดรายการชิมไปบ่นไปแล้วแม้ว่ารัฐธรรมนูญไม่ได้ระบุว่ากลับมาไม่ได้แต่ด้านจริยธรรมต้องมี และการกลับมาเท่ากับเป็นการสุมไฟให้กับประเทศและต้องถามว่าเมื่อรู้ว่าการกลับมาของนายสมัครจะเพิ่มความรุนแรง พปช.ทำเช่นนี้เพื่อท้าทายอะไรหรือเปล่า และหากคิดแค่นี้ควรรู้ไว้ว่าบ้านเมืองไม่ใช่ของเล่นของใคร
“หากเกิดปัญหาต่อต้านรุนแรงพปช.จะโทษใครไม่ได้เพราะพวกคุณได้สร้างเงื่อนไขให้มันรุนแรงทางลงที่สวยหวังว่าจะไม่รับตำแหน่งในการประชุมสภาฯ และคนอื่นๆในพปช.เช่นนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ก็น่าจะเจรจากบพันธมิตรฯได้แต่ถ้าดื้อดึงเข้ามากันก็เท่ากับชี้ว่านักการเมืองไทยนั้นเป็นแก่ตัวไม่ได้ใช้อำนาจที่ประชาชนมอบให้เพื่อประโยชน์ชาติแต่เพียงเพื่อประโยชน์ของกลุ่มและพรรคพวกตนเองเท่านั้น”นายสมมาตรกล่าว
นายสมศักดิ์ บริสุทธนะกุล ประธานกิติมศักดิ์กลุ่มพลาสติก ส.อ.ท. เปิดเผยว่า อยากให้พรรคการเมืองร่วมรัฐบาลเล็งแก่ประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ หากยังยืนยันที่จะแต่งตั้งนายสมัคร หรือคนของพรรคพลังประชาชนเข้ามานั่งเก้าอี้นายกฯ ปัญหาการเมืองจะไม่ยุติ และจะส่งผลกระทบวงกว้างต่อธุรกิจ และความเชื่อมั่นของต่างชาติ ควรตั้งรัฐบาลแห่งชาติขึ้นมาดูแล โดยเลือกบุคคลที่มีความเหมาะสมและเป็นที่ยอมรับเข้ามาเป็นนายกฯ และจัดตั้งคณะรัฐบาลชั่วคราว 3-6 เดือนหลังจากนั้นยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่จะเหมาะสมมากกว่า
**แบงก์แนะให้นึกถึงบ้านเมือง
นางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB กล่าวว่า ไม่ว่าใครจะเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีก็ขอให้คิดถึงบ้านเมืองเป็นหลัก นักธุรกิจ นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศไม่ต้องการที่จะเห็นความขัดแย้ง เพราะปัญหาการเมืองส่งผลทำให้การทำธุรกิจต่างๆ ของ ธนาคารลำบากขึ้น กระทบความเชื่อมั่นในภาคต่างๆ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว
"หากปัญหาการเมืองมีความยืดเยื้อก็จะ ไม่เป็นผลดีกับประเทศ แต่สถานการณ์น่าจะจบโดยเร็ว อีกทั้งเศรษฐกิจของไทยก็ยังเติบโต ได้ 4-5% ยังถือว่าอยู่ในระดับดี" นางกรรณิกากล่าว
นายสตีฟ แฮมเมทท์ ประธานกรรมการบริหาร เทสโก้ โลตัส ประเทศไทย เปิดเผยว่า ในฐานะนักลงทุนต่างชาติ กับสถานการณ์การเมืองที่กำลังเกิดขึ้น มองว่าเรายังมีความมั่นใจกับเศรษฐกิจในประเทศ ดังนั้นในระยะอันสั้นนี้ไม่น่าจะเกิดผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการลงทุน โดยในส่วนของเทสโก้ฯ เอง แผนการลงทุนในประเทศไทยถือเป็นการลงทุนระยะยาว ดังนั้นถึงแม้ว่าสถานการณ์ทางการเมืองจะเป็นเช่นไร เราก็ยังที่จะเดินหน้าการลงทุนอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่ากระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค
“ในฐานะชาวต่างชาติ ตนไม่สามารถแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเมืองของประเทศไทยได้ แต่มองว่าความวุ่นวายที่เกิดขึ้น จะจบลงในเร็ววัน ในแง่การลงทุน เทสโก้ฯยังคงจะเดินหน้าลงทุนขยายสาขา ดำเนินธุรกิจตามแผนระยะยาวที่วางไว้เช่นเดิม”.