รอยเตอร์ – รัฐบาลมาเลเซียส่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 41 คน เดินทางไปศึกษาดูงานด้านการเกษตรที่ไต้หวันวานนี้(8) ในช่วงเวลาเดียวกับที่อันวาร์ อิบรอฮิม ผู้นำฝ่ายค้านกำลังพยายามหาทางชักชวนเหล่าส.ส.ให้แปรพักตร์มาร่วมมือกับตนเพื่อโค่นล้มรัฐบาลตอนกลางเดือนนี้
บรรดาผู้นำฝ่ายค้านมีกำหนดประชุมหารือกันวานนี้ เพื่อวางแผนขับไล่รัฐบาลให้ได้ตามที่อันวาร์ได้ประกาศเส้นตายไว้คือวันที่ 16 กันยายนนี้ ในขณะที่นายกรัฐมนตรีอับดุลเลาะห์ อาหมัด บาดาวี ก็ได้เรียกประชุมแนวร่วม “บาริซาน นาชันนัล” ของทางพรรคร่วมรัฐบาลในวันนี้(9) เพื่อหาทางสกัดกั้นไม่ให้ส.ส.ถอนตัวจากฝ่ายรัฐบาลไปสนับสนุนฝ่ายค้าน อันจะส่งผลให้ทางแนวร่วมซึ่งมีพรรคสหมาเลย์แห่งชาติ(อัมโน)ของอับดุลเลาะห์เป็นแกนนำ ต้องยุติบทบาทการปกครองประเทศที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องยาวนานถึงกว่า 50 ปี นับตั้งแต่ที่ได้รับเอกราชจากอังกฤษในปี 1957
อย่างไรก็ตาม ความพยายามโค่นรัฐบาลของอันวาร์นั้นส่งผลให้เกิดความสุ่มเสี่ยงทางการเมืองในมาเลเซียในปัจจุบัน และยังสั่นคลอนนักลงทุนต่างประเทศไปด้วย เนื่องจากขณะนี้มาเลเซียกำลังประสบปัญหาการขาดดุลงบประมาณอย่างหนัก ภายหลังจากที่รัฐบาลมีมาตรการการใช้จ่ายเพื่อเพิ่มคะแนนนิยมของตนซึ่งตกต่ำสุดขีด ในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา อีกทั้งยังส่งผลกระทบถึงค่าเงินริงกิต ตลาดหลักทรัพย์ และราคาพันธบัตรด้วย
นอกจากนั้น บรรยากาศทางการเมืองก็ยังมีปัจจัยที่ไม่แน่นอนอีกประการหนึ่ง นั่นคือ การที่อันวาร์มีกำหนดขึ้นศาลในวันพรุ่งนี้(10) ตามที่เขาถูกฟ้องร้องกล่าวหาว่ามีพฤติกรรมรักร่วมเพศ ซึ่งเขาระบุว่าเป็นแผนการใส่ร้ายป้ายสีของรัฐบาล แต่ก็เป็นที่คาดกันว่า ผู้พิพากษาจะส่งคดีดังกล่าวต่อไปยังศาลสูงเพื่อพิจารณาต่อไป
**เกมสงครามจิตวิทยา**
พวกส.ส.ฝ่ายรัฐบาลบอกก่อนออกเดินทางไป “ศึกษาดูงาน” ที่ไต้หวันเป็นเวลา 8 วันว่า การเดินทางครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับแผนการของอันวาร์แต่อย่างใด
“เราจะไปศึกษาดูงานทางด้านการเกษตร” บัง มอคตาร์ ราดิน ส.ส.จากรัฐซาบาห์ ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของมาเลเซีย กล่าวขณะอยู่ที่สนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ และยังว่า “การเดินทางครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมืองเลย”
ราดินและส.ส.อีก 40 คน ออกเดินทางไปวานนี้ โดยที่ส.ส.อีก 8 คนจะเดินทางตามไปในวันนี้ ทั้งนี้ แนวร่วมบาริซานนั้นมีส.ส.อยู่จำนวน 140 คน ส่วนพันธมิตรฝ่ายค้านมีส.ส.อยู่ 82 คน
ลิมกิตเสียง ส.ส.ฝ่ายค้านผู้มากประสบการณ์ ชี้ว่าส.ส.ฝ่ายรัฐบาลนั้นถูกบังคับให้ต้องเดินทางออกจากมาเลเซีย เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าพวกเขาจะไม่เข้าร่วมกับ “การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง” ในวันที่ 16 กันยายน
“นกออกบินไปแล้ว” เขาบอก และเสริมว่า ส.ส. เมื่อไปอยู่ที่ไต้หวันแล้ว ก็จะถูกสอดส่องจับตาอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง และพวกเขายังถูกริบโทรศัพท์มือถืออีกด้วย
ส่วนนักวิเคราะห์การเมืองบอกว่าการเดินทางไปไต้หวันของส.ส.รัฐบาลเช่นนี้ อาจทำให้อันวาร์มีข้อแก้ตัว หากเขาทำตามที่ประกาศเส้นตายไว้ในวันที่ 16 กันยายนไม่ได้
“บาริซานกำลังเล่นตามเกมสงครามจิตวิทยาของอันวาร์นั่นเอง” สุไฮนี อัซนาม ระบุในหนังสือพิมพ์เดอะสตาร์ฉบับวานนี้
ทั้งนี้ ผู้ช่วยของอันวาร์กล่าวว่า อันวาร์จะพบปะกับพวกผู้นำพรรคฝ่ายค้านที่รวมกันเป็นพันธมิตร “ปาคาตัน รัคยัต”ในวันจันทร์ เพื่อพูดคุยเรื่องแผนการยึดรัฐบาล และหลังจากนั้นเขามีกำหนดการแถลงข่าวในเรื่องนี้ด้วย
อนึ่ง อันวาร์เป็นอดีตรองนายกรัฐมนตรีซึ่งถูกปลดออกจากตำแหน่งในปี 1998 ในช่วงที่เกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินทั่วภูมิภาคเอเชีย และต่อมาเขาถูกจำคุกเป็นเวลาถึง 6 ปีในข้อหามีพฤติกรรมรักร่วมเพศและคอร์รัปชัน ทว่าในการเลือกตั้งซ่อมเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เขาได้รับความไว้วางใจให้กลับเข้าสู่รัฐสภาได้อีกครั้งหนึ่ง และเขาอาจก้าวขึ้นถึงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้หากพันธมิตรฝ่ายค้านเอาชนะฝ่ายรัฐบาลที่ครองอำนาจอยู่ได้
บรรดาผู้นำฝ่ายค้านมีกำหนดประชุมหารือกันวานนี้ เพื่อวางแผนขับไล่รัฐบาลให้ได้ตามที่อันวาร์ได้ประกาศเส้นตายไว้คือวันที่ 16 กันยายนนี้ ในขณะที่นายกรัฐมนตรีอับดุลเลาะห์ อาหมัด บาดาวี ก็ได้เรียกประชุมแนวร่วม “บาริซาน นาชันนัล” ของทางพรรคร่วมรัฐบาลในวันนี้(9) เพื่อหาทางสกัดกั้นไม่ให้ส.ส.ถอนตัวจากฝ่ายรัฐบาลไปสนับสนุนฝ่ายค้าน อันจะส่งผลให้ทางแนวร่วมซึ่งมีพรรคสหมาเลย์แห่งชาติ(อัมโน)ของอับดุลเลาะห์เป็นแกนนำ ต้องยุติบทบาทการปกครองประเทศที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องยาวนานถึงกว่า 50 ปี นับตั้งแต่ที่ได้รับเอกราชจากอังกฤษในปี 1957
อย่างไรก็ตาม ความพยายามโค่นรัฐบาลของอันวาร์นั้นส่งผลให้เกิดความสุ่มเสี่ยงทางการเมืองในมาเลเซียในปัจจุบัน และยังสั่นคลอนนักลงทุนต่างประเทศไปด้วย เนื่องจากขณะนี้มาเลเซียกำลังประสบปัญหาการขาดดุลงบประมาณอย่างหนัก ภายหลังจากที่รัฐบาลมีมาตรการการใช้จ่ายเพื่อเพิ่มคะแนนนิยมของตนซึ่งตกต่ำสุดขีด ในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา อีกทั้งยังส่งผลกระทบถึงค่าเงินริงกิต ตลาดหลักทรัพย์ และราคาพันธบัตรด้วย
นอกจากนั้น บรรยากาศทางการเมืองก็ยังมีปัจจัยที่ไม่แน่นอนอีกประการหนึ่ง นั่นคือ การที่อันวาร์มีกำหนดขึ้นศาลในวันพรุ่งนี้(10) ตามที่เขาถูกฟ้องร้องกล่าวหาว่ามีพฤติกรรมรักร่วมเพศ ซึ่งเขาระบุว่าเป็นแผนการใส่ร้ายป้ายสีของรัฐบาล แต่ก็เป็นที่คาดกันว่า ผู้พิพากษาจะส่งคดีดังกล่าวต่อไปยังศาลสูงเพื่อพิจารณาต่อไป
**เกมสงครามจิตวิทยา**
พวกส.ส.ฝ่ายรัฐบาลบอกก่อนออกเดินทางไป “ศึกษาดูงาน” ที่ไต้หวันเป็นเวลา 8 วันว่า การเดินทางครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับแผนการของอันวาร์แต่อย่างใด
“เราจะไปศึกษาดูงานทางด้านการเกษตร” บัง มอคตาร์ ราดิน ส.ส.จากรัฐซาบาห์ ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของมาเลเซีย กล่าวขณะอยู่ที่สนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ และยังว่า “การเดินทางครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมืองเลย”
ราดินและส.ส.อีก 40 คน ออกเดินทางไปวานนี้ โดยที่ส.ส.อีก 8 คนจะเดินทางตามไปในวันนี้ ทั้งนี้ แนวร่วมบาริซานนั้นมีส.ส.อยู่จำนวน 140 คน ส่วนพันธมิตรฝ่ายค้านมีส.ส.อยู่ 82 คน
ลิมกิตเสียง ส.ส.ฝ่ายค้านผู้มากประสบการณ์ ชี้ว่าส.ส.ฝ่ายรัฐบาลนั้นถูกบังคับให้ต้องเดินทางออกจากมาเลเซีย เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าพวกเขาจะไม่เข้าร่วมกับ “การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง” ในวันที่ 16 กันยายน
“นกออกบินไปแล้ว” เขาบอก และเสริมว่า ส.ส. เมื่อไปอยู่ที่ไต้หวันแล้ว ก็จะถูกสอดส่องจับตาอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง และพวกเขายังถูกริบโทรศัพท์มือถืออีกด้วย
ส่วนนักวิเคราะห์การเมืองบอกว่าการเดินทางไปไต้หวันของส.ส.รัฐบาลเช่นนี้ อาจทำให้อันวาร์มีข้อแก้ตัว หากเขาทำตามที่ประกาศเส้นตายไว้ในวันที่ 16 กันยายนไม่ได้
“บาริซานกำลังเล่นตามเกมสงครามจิตวิทยาของอันวาร์นั่นเอง” สุไฮนี อัซนาม ระบุในหนังสือพิมพ์เดอะสตาร์ฉบับวานนี้
ทั้งนี้ ผู้ช่วยของอันวาร์กล่าวว่า อันวาร์จะพบปะกับพวกผู้นำพรรคฝ่ายค้านที่รวมกันเป็นพันธมิตร “ปาคาตัน รัคยัต”ในวันจันทร์ เพื่อพูดคุยเรื่องแผนการยึดรัฐบาล และหลังจากนั้นเขามีกำหนดการแถลงข่าวในเรื่องนี้ด้วย
อนึ่ง อันวาร์เป็นอดีตรองนายกรัฐมนตรีซึ่งถูกปลดออกจากตำแหน่งในปี 1998 ในช่วงที่เกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินทั่วภูมิภาคเอเชีย และต่อมาเขาถูกจำคุกเป็นเวลาถึง 6 ปีในข้อหามีพฤติกรรมรักร่วมเพศและคอร์รัปชัน ทว่าในการเลือกตั้งซ่อมเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เขาได้รับความไว้วางใจให้กลับเข้าสู่รัฐสภาได้อีกครั้งหนึ่ง และเขาอาจก้าวขึ้นถึงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้หากพันธมิตรฝ่ายค้านเอาชนะฝ่ายรัฐบาลที่ครองอำนาจอยู่ได้
