ผู้จัดการรายวัน – ธอส.ดึงลูกค้าใช้ดอกเบี้ยคงที่ต่อหลังหมดโปรโมชั่น หวั่นลูกค้าแห่รีไฟแนนซ์ไปแบงก์พาณิชย์ ชูจุดแข็งเพิ่มวงเงินกู้อเนกประสงค์ ลดขั้นตอนยุ่งยากในการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินอื่น เน้นบริการเชิงรุกโทรแจ้งลูกค้ากลุ่มสวัสดิการที่ใกล้หมดระยะคงที่ให้ใช้บริการด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษ MRR – 1.75%
นางจามรี เศวตจินดา รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) เปิดเผยว่า จากภาวะค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้นและคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ได้ประกาศปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 3.75% ทำให้ลูกค้าที่ผ่อนชำระค่างวดบ้านกับธนาคารได้รับผลกระทบโดยเฉพาะลูกค้ากลุ่มที่สิ้นสุดระยะเวลาผ่อนชำระดอกเบี้ยคงที่ 3 ปีแรก ธนาคารจึงได้ประกาศให้ลูกค้ากลุ่มนี้สามารถขอกลับมาใช้อัตราดอกเบี้ยคงที่ได้อีก
อย่างไรก็ตาม ในการแข่งขันปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยในตลาดธนาคารพาณิชย์ได้ออกรายการส่งเสริมการขาย โดยให้ดอกเบี้ยต่ำแต่เป็นเพียง 6 เดือนหรือ 1 ปีเท่านั้น ดังนั้น การเปิดโอกาสให้ลูกค้าเดิมของธนาคารสามารถกลับมาใช้อัตราดอกเบี้ยคงที่ จึงน่าจะเป็นแรงจูงใจให้ลูกค้ายังใช้สินเชื่อของธนาคารต่อไป และช่วยลดภาระค่าครองชีพของลูกค้าธนาคารได้ โดยธนาคารจะอธิบายให้ลูกค้าได้เข้าใจว่าหากผ่อนชำระต่อจะสามารถใช้บริการต่างๆ ของธนาคารเพิ่มได้ แต่หากลูกค้าขอรีไฟแนนซ์ไปใช้สินเชื่อของสถาบันการเงินอื่นจะต้องเริ่มต้นดำเนินการใหม่หมด ทั้งการประเมิน การโอน การจดจำนองและอื่นๆ ซึ่งใช้ระยะเวลามากและมีค่าใช้จ่ายซึ่งอาจไม่คุ้มค่า นอกจากนี้ หากขอใช้ดอกเบี้ยคงที่ต่อธอส.จะคิดค่าธรรมเนียมเพียง 1.0% ของวงเงินกู้และคิดดอกเบี้ยคงที่ในอัตราลูกค้ารายย่อยทั่วไป MRR – 1.75% โดย MRR ปัจจุบันอยู่ที่ 7.50% เมื่อลูกค้าขอใช้บริการจะเสียดอกเบี้ยปีละ 5.75%
"เราพยายามอธิบายให้ลูกค้าเข้าใจว่าการผ่อนบ้านนั้นเป็นสินเชื่อระยะยาวต้องดูให้แน่ชัดว่าดอกเบี้ยที่สถาบันการเงินอื่นให้ระยะเวลานานเพียงใดคุ้มค่าหรือไม่เมื่อต้องเริ่มต้นกระบวนการยื่นขอกู้ใหม่เพราะต้องใช้เวลาและมีค่าใช้จ่ายด้วยเช่นกัน แต่หากใช้ดอกเบี้ยรีฟิกซ์ก็สามารถยื่นคำร้องทำได้ทันที และหากลูกค้ามีความต้องการที่จะขอกู้สินเชื่ออเนกประสงค์เพื่อตกแต่งซ่อมแซมบ้านก็สามารถทำได้ทันทีไม่ต้องเริ่มต้นขอสินเชื่อใหม่ให้เสียเวลา"นางจามรีกล่าว
นางจามรีกล่าวว่า สำหรับการขอใช้สินเชื่อดอกเบี้ยคงที่นั้นที่ผ่านมามีลูกค้ามีการขอเข้ามาเฉลี่ยเดือนละ 1.2 – 1.5 พันราย โดยส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้ากลุ่มสินเชื่อสวัสดิการที่มีข้อตกลงระหว่างหน่วยงานและธอส. แต่ธนาคารก็ไม่ได้ปิดกั้นลูกค้ารายย่อยอื่นๆ หากลูกค้ารายใดที่สิ้นสุดระยะเวลาดอกเบี้ยคงที่ก็สามารถยื่นขอใช้ดอกเบี้ยคงที่ต่อได้เช่นกัน ซึ่งที่ผ่านมาโครงการนี้ก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าของธนาคาร
"การที่ลูกค้าจะขอรีไฟแนนซ์ไปสถาบันการเงินอื่นนั้นธนาคารคงจะห้ามไม่ได้แต่หากเรามีทางเลือกที่ดีและจูงใจลูกค้าเชื่อว่าเขาก็คงอยากอยู่กับเราเพราะไม่ต้องไปเริ่มต้นทำธุรกรรมใหม่เนื่องจากต้องใช้เวลาพอสมควร ดังนั้นเพื่อเป็นการจูงใจลูกค้าเมื่อธนาคารเห็นว่าลูกค้ารายใดที่อยู่ในช่วงใกล้สิ้นสุดดอกเบี้ยคงที่ก็จะมีเจ้าหน้าที่โทรไปสอบถามว่ามีความต้องการใช้ดอกเบี้ยคงที่ต่อไปหรือไม่และอธิบายรายละเอียดต่างๆ ให้รับรู้เพื่อประกอบการตัดสินใจของลูกค้า" นางจามรีกล่าว
นางจามรี เศวตจินดา รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) เปิดเผยว่า จากภาวะค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้นและคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ได้ประกาศปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 3.75% ทำให้ลูกค้าที่ผ่อนชำระค่างวดบ้านกับธนาคารได้รับผลกระทบโดยเฉพาะลูกค้ากลุ่มที่สิ้นสุดระยะเวลาผ่อนชำระดอกเบี้ยคงที่ 3 ปีแรก ธนาคารจึงได้ประกาศให้ลูกค้ากลุ่มนี้สามารถขอกลับมาใช้อัตราดอกเบี้ยคงที่ได้อีก
อย่างไรก็ตาม ในการแข่งขันปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยในตลาดธนาคารพาณิชย์ได้ออกรายการส่งเสริมการขาย โดยให้ดอกเบี้ยต่ำแต่เป็นเพียง 6 เดือนหรือ 1 ปีเท่านั้น ดังนั้น การเปิดโอกาสให้ลูกค้าเดิมของธนาคารสามารถกลับมาใช้อัตราดอกเบี้ยคงที่ จึงน่าจะเป็นแรงจูงใจให้ลูกค้ายังใช้สินเชื่อของธนาคารต่อไป และช่วยลดภาระค่าครองชีพของลูกค้าธนาคารได้ โดยธนาคารจะอธิบายให้ลูกค้าได้เข้าใจว่าหากผ่อนชำระต่อจะสามารถใช้บริการต่างๆ ของธนาคารเพิ่มได้ แต่หากลูกค้าขอรีไฟแนนซ์ไปใช้สินเชื่อของสถาบันการเงินอื่นจะต้องเริ่มต้นดำเนินการใหม่หมด ทั้งการประเมิน การโอน การจดจำนองและอื่นๆ ซึ่งใช้ระยะเวลามากและมีค่าใช้จ่ายซึ่งอาจไม่คุ้มค่า นอกจากนี้ หากขอใช้ดอกเบี้ยคงที่ต่อธอส.จะคิดค่าธรรมเนียมเพียง 1.0% ของวงเงินกู้และคิดดอกเบี้ยคงที่ในอัตราลูกค้ารายย่อยทั่วไป MRR – 1.75% โดย MRR ปัจจุบันอยู่ที่ 7.50% เมื่อลูกค้าขอใช้บริการจะเสียดอกเบี้ยปีละ 5.75%
"เราพยายามอธิบายให้ลูกค้าเข้าใจว่าการผ่อนบ้านนั้นเป็นสินเชื่อระยะยาวต้องดูให้แน่ชัดว่าดอกเบี้ยที่สถาบันการเงินอื่นให้ระยะเวลานานเพียงใดคุ้มค่าหรือไม่เมื่อต้องเริ่มต้นกระบวนการยื่นขอกู้ใหม่เพราะต้องใช้เวลาและมีค่าใช้จ่ายด้วยเช่นกัน แต่หากใช้ดอกเบี้ยรีฟิกซ์ก็สามารถยื่นคำร้องทำได้ทันที และหากลูกค้ามีความต้องการที่จะขอกู้สินเชื่ออเนกประสงค์เพื่อตกแต่งซ่อมแซมบ้านก็สามารถทำได้ทันทีไม่ต้องเริ่มต้นขอสินเชื่อใหม่ให้เสียเวลา"นางจามรีกล่าว
นางจามรีกล่าวว่า สำหรับการขอใช้สินเชื่อดอกเบี้ยคงที่นั้นที่ผ่านมามีลูกค้ามีการขอเข้ามาเฉลี่ยเดือนละ 1.2 – 1.5 พันราย โดยส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้ากลุ่มสินเชื่อสวัสดิการที่มีข้อตกลงระหว่างหน่วยงานและธอส. แต่ธนาคารก็ไม่ได้ปิดกั้นลูกค้ารายย่อยอื่นๆ หากลูกค้ารายใดที่สิ้นสุดระยะเวลาดอกเบี้ยคงที่ก็สามารถยื่นขอใช้ดอกเบี้ยคงที่ต่อได้เช่นกัน ซึ่งที่ผ่านมาโครงการนี้ก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าของธนาคาร
"การที่ลูกค้าจะขอรีไฟแนนซ์ไปสถาบันการเงินอื่นนั้นธนาคารคงจะห้ามไม่ได้แต่หากเรามีทางเลือกที่ดีและจูงใจลูกค้าเชื่อว่าเขาก็คงอยากอยู่กับเราเพราะไม่ต้องไปเริ่มต้นทำธุรกรรมใหม่เนื่องจากต้องใช้เวลาพอสมควร ดังนั้นเพื่อเป็นการจูงใจลูกค้าเมื่อธนาคารเห็นว่าลูกค้ารายใดที่อยู่ในช่วงใกล้สิ้นสุดดอกเบี้ยคงที่ก็จะมีเจ้าหน้าที่โทรไปสอบถามว่ามีความต้องการใช้ดอกเบี้ยคงที่ต่อไปหรือไม่และอธิบายรายละเอียดต่างๆ ให้รับรู้เพื่อประกอบการตัดสินใจของลูกค้า" นางจามรีกล่าว