xs
xsm
sm
md
lg

2โบรกเกอร์เครดีต์สวิสถูกตั้งข้อหาหลอกลูกค้าซื้อตราสารหนี้‘เสี่ยงสูง’

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รอยเตอร์ – ทางการสหรัฐฯตั้งข้อกล่าวหาอดีตนายหน้าค้าหลักทรัพย์ของเครดีต์ สวิส 2 ราย ในความผิดฐานฉ้อโกง และร่วมมือกันหลอกขายตราสารหนี้แบบดอกเบี้ยขึ้นลงตามการประมูลเสนอราคา ให้แก่พวกนักลงทุน นับเป็นการดำเนินคดีทางอาญาคดีแรกซึ่งเกี่ยวพันกับตราสารหนี้ที่พังครืนลงแล้วประเภทนี้
สำนักงานอัยการแห่งสหรัฐฯที่ตั้งอยู่ในบรู๊คลิน และคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ(เอสอีซี) กล่าวหาอีริค บัตเลอร์ และ จูเลียน โซลอฟ 2 อดีตนายหน้าค้าหลักทรัพย์ในข้อหาชักจูงให้ลูกค้าเชื่อว่าตราสารหนี้แบบประมูลดอกเบี้ยที่บุคคลทั้งสองหว่านล้อมให้พวกเขาลงทุนนั้น หนุนหลังโดยสินเชื่อเงินกู้เพื่อการศึกษาที่รัฐบาลสหรัฐฯรับประกัน และเป็นทางเลือกลงทุนที่ดีเยี่ยมเพราะทั้งปลอดภัยและมีสภาพคล่องสูงเทียบเท่ากับการฝากเงินในธนาคารหรือลงทุนในกองทุนต่างๆของตลาดเงิน
ทางด้านเครดีต์ สวิส กรุ๊ป เอจีแถลงว่าจะให้ความร่วมมือกับทางการ เกี่ยวกับกรณีของอดีตพนักงานทั้ง 2 คน
“ในเดือนกันยายน 2007 อดีตพนักงานเหล่านี้ได้ลาออกจากบริษัท หลังจากที่บริษัทตรวจสอบพบว่าทั้งสองมีพฤติการณ์ผิดระเบียบจนต้องถูกพักงานไป และเครดีต์ สวิสได้แจ้งต่อหน่วยงานกำกับดูแลอย่างเร่งด่วนไปแล้ว และเราก็ได้ช่วยเหลือทางการเกี่ยวกับเรื่องนี้ตลอดมา”
บัตเลอร์ วัย 36 ปีปฏิเสธว่ามิได้กระทำผิดตามข้อหาสมรู้ร่วมคิด, ฉ้อโกงหลักทรัพย์ และฉ้อโกงทางอิเล็กทรอนิกส์ เมื่อถูกนำตัวขึ้นศาลแขวงในบรู๊คลินตอนบ่ายวันพุธ(3) หลังจากที่เขาถูกจับโดยเจ้าหน้าที่เอฟบีไอในอพาร์ทเมนท์ของเขาที่แมนฮัตตันในช่วงเช้า
ผู้พิพากษาเรมอน เรเยสอนุมัติให้บัตเลอร์ประกันตัวไปด้วยมูลค่า 2.5 ล้านดอลลาร์ ที่ใช้อพาร์ตเมนท์ของเขาค้ำประกันเอาไว้
พอล ไวน์สไตน์ ทนายความของบัตเลอร์บอกว่า “บัตเลอร์เชื่อว่าเขาทำสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้า และลูกค้าก็ให้ความยินยอมในการทำธุรกรรมทุกอย่างจนเมื่อตลาดตราสารหนี้ประมูลดอกเบี้ยร่วงลงอย่างรุนแรง ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวก็ไม่เกี่ยวกับเขา และบัตเลอร์ก็จะต่อสู้คดีด้วย”
ส่วนโซลอฟ วัย 35 นั้นหายตัวไปและทางการก็เชื่อว่าเขาออกนอกประเทศไปแล้ว ทางด้านผู้ช่วยอัยการสหรัฐฯเกร็ก แอนเดรส ไม่ตอบคำถามว่าตอนนี้โซลอฟอยู่ที่ใด แต่โซลอฟได้แต่งตั้งทนายความมาเป็นตัวแทนแล้ว
สำนักงานอัยการแจ้งว่าลูกค้าของเครดีต์ สวิสต้องสูญเงินรวมกันเป็นจำนวนเงินมหาศาลเมื่อตลาดตราสารหนี้แบบประมูลดอกเบี้ยล้มครืนลงเมื่อต้นปีนี้
อัยการในหลายมลรัฐได้ร่วมมือกับเอสอีซี ดำเนินการทางกฏหมายต่อวาณิชธนกิจหลายรายในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา ในข้อหาฉ้อโกงรวมทั้งชักจูงให้ลูกค้าเข้าใจผิดเกี่ยวกับสถานะของตราสารหนี้แบบประมูลดอกเบี้ยเพื่อจูงใจให้ซื้อตราสารเหล่านี้ และก็ประสบความสำเร็จ โดยสามารถบีบให้สถาบันการเงินเหล่านี้ยินยอมประนอมความและจ่ายเงินคืนให้แก่ลูกค้าของตนเอง
นอกจากนี้แหล่งข่าวบอกอีกว่า หน่วยงานกำกับดูแลอุตสาหกรรมการเงินของสหรัฐฯได้ขยายผล โดยออกไปสอบสวนบริษัทการเงินมากกว่า 40 แห่งทั่วประเทศ รวมทั้งเดินทางตามบริษัทที่มีตราสารหนี้ชนิดนี้เป็นจำนวนมากอยู่ในบัญชี
หน่วยงานกำกับดูแลอธิบายว่าพวกตัวแทนหรือนายหน้าขายผลิตภัณฑ์การลงทุนเหล่านี้ ชักจูงในนักลงทุนเชื่อว่าตราสารหนี้ที่ใช้วิธีการประมูลเพื่อกำหนดระดับของอัตราดอกเบี้ยเหล่านี้ปลอดภัย รวมทั้งมีสภาพคล่องที่ใกล้เคียงกับเงินสด แต่ตลาดที่มีมูลค่าถึง 330,000 ล้านดอลลาร์กลับล้มครืนลงในเดือนกุมภาพันธ์ และตราสารส่วนใหญ่สิ้นสภาพคล่องไปทันในที เพราะว่าบรรดาบริษัทนายหน้าค้าหลักทรัพย์ไม่ยอมรับซื้อตราสาร ตรงข้ามกับยามปกติที่บริษัทจะรับซื้อไว้เมื่อลูกค้าต้องการเปลี่ยนกลับมาเป็นเงินสดโดยไม่สามารถขายให้คนอื่นได้
หากว่าทั้งบัตเลอร์และโซลอฟถูกตัดสินว่ามีความผิด ก็อาจจะต้องติดคุกสูงสุด 20 ปีและถูกปรับถึง 5 ล้านดอลลาร์ จากข้อหาฉ้อโกงหลักทรัพย์และฉ้อโกงทางอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนในข้อหาร่วมมือกันฉ้อโกง บทลงโทษก็คือติดคุกไม่เกิน 5 ปีและปรับอีก 250,000 ดอลลาร์ ทั้งหมดนี้หน่วยงานเจ้าของคดีคือเอฟบีไอ ขณะที่เอซอีซีได้ตั้งข้อหาต่างหากว่าทั้งบัตเลอร์และโซลอฟดำเนินการซื้อตราสารหนี้ดังกล่าวภายใต้บัญชีของลูกค้าประเภทบริษัทเป็นเงินมากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ โดยไม่ได้รับอนุญาตแต่อย่างใด
เอสอีซีกล่าวว่า พวกลูกค้าอนุญาตให้โซลอฟและบัตเลอร์ ซื้อเฉพาะตราสารหนี้แบบประมูลดอกเบี้ย เฉพาะชนิดที่หนุนหลังโดยสินเชื่อเพื่อการศึกษาที่รัฐบาลกลางสหรัฐฯค้ำประกัน ทว่าจำเลยทั้งสอง กลับอาศัยการอนุญาตของลูกค้า ไปซื้อพวกตราสารหนี้ประมูลดอกเบี้ยที่ค้ำประกันโดยสินเชื่อเคหะประเภทซับไพรม์ ตลอดจน ตราสารหนี้ที่ค้ำประกันโดยหลักทรัพย์แบบอื่นๆ
กำลังโหลดความคิดเห็น