วีระศักดิ์ เล็งหารือ ทอท. สตม. และ กรมธนารักษ์ ขอใช้พื้นที่สนามบินดอนเมือง ผุดโครงการ “ไพรเวท เจ็ท เทอร์มินัล”จับนักท่องเที่ยวไฮโซ พร้อมไฟเขียว ทีพีซี รับหน้าที่ให้บริการ หวังต่อยอดได้สมาชิกใหม่ ด้าน”สุรพงษ์” รักษาการผู้จัดการใหญ่ที่พีซี คุย เตรียมงบ 30 ล้านเนรมิตสถานที่ เชื่อโครงการเกิดเพิ่มนักท่องเที่ยวที่เดิน ทางโดยเครื่องบินเจ็ทได้อีก 50%
นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ได้มอบให้ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด (ทีพีซี) ผู้บริหารโครงการ บัตรอีลิท ไปศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนจัดสถานที่ และ รถรับ-ส่งภายในสนามบินดอนเมือง ไว้คอยให้บริการแก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่เดินทางมาด้วยเครื่องบินเจ็ท หรือ เครื่องบินส่วนตัว โดยให้ใช้ชื่อโครงการนี้ว่า “ไพรเวท เจ็ท เทอร์มินัล”
ทั้งนี้ขอบข่ายการให้บริการเป็นแบบครบวงจร ตั้งแต่เครื่องลงจอด จะมีรถไปรอรับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ถึงตัวเครื่องบิน รวมถึงช่วยขนสัมภาระ และบริการอำนวยความสะดวกในขั้นตอนตรวจคนเข้าเมือง ผสานงาน กับรถที่มารอรับเพื่อเดินทางเข้าที่พัก หรือ หากเป็นผู้ป่วยที่จะเข้ามารับการรักษาพยาบาลในประเทศไทย ก็จะมีการประสานไปยัง รถพยาบาล หรือเฮลิคอปเตอร์ พยาบาล ของโรงพยาบาลที่ผู้ป่วยติดต่อไว้ ซึ่งคนกลุ่มนี้ ถือเป็นนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูง เป็นนักธุรกิจและเจ้าของกิจการ เบื้องต้นไม่จำเป็นว่าคนผู้นั้นจะต้องเป็นสมาชิกของ อีลิท การ์ด แต่เมื่อเขาประทับใจในบริการก็จะตัดสินใจเข้าเป็นสมาชิก
“ที่ผ่านมาประเทศไทย ยังไม่มีบริการพิเศษให้แก่นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้โดยเฉพาะ และการที่ให้ ทีพีซี เข้าไปให้บริการ เพราะ ถือเป็นกลุ่มเดียวกับที่ ทีพีซีต้องการเชิญชวนเข้าเป็นสมาชิกบัตร ส่วนอัตราค่าบริการเบื้องต้น ยังไม่ได้กำหนด แต่คิดว่าไม่มีปัญหา เพราะ คนที่มีเครื่องบินส่วนตัวได้ต้องอยู่ในขั้นเศรษฐี จึงไม่เกี่ยงที่จะจ่ายเงินเพื่อซื้อความสะดวกสบาย ”
นายวีระศักดิ์ กล่าวอีกว่า เรื่องดังกล่าว จะต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น บมจ. ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) ซึ่งเป็นเจ้าของอาคารผู้โดยสาร ที่สนามบินดอนเมือง กรมธนารักษ์ ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) เพื่อขอให้มีการจัดเจ้าหน้าที่มาคอยให้บริการ โดยจะเร่งผลักดันให้โครงการ“ไพรเวท เจ็ท เทอร์มินัล” เกิดเป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด เพราะ ที่ผ่านมา ประเทศไทยไม่มีบริการเช่นนี้ ไว้คอยรองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มที่เดินทางมาด้วยเครื่องบินเจ็ท ทำให้เขาไม่ได้รับความสะดวกเมื่อนำเครื่องบินมาลงจอด ซึ่งจะส่งผลให้ประเทศชาติสูญเสียรายได้ตรงนี้ไปจำนวนมาก
**แนะทีพีซีหารายได้สองทาง***
สำหรับ มติคณะรัฐมนตรี(ครม.)ที่อนุมัติให้เดินหน้าโครงการบัตรอีลิทต่อไปได้ โดยเห็นว่าจะเป็นโครงการที่นำรายได้เข้าสู่ประเทศได้จำนวนมาก ดังนั้น จึงเห็นควรว่า ทีพีซี ควรมุ่งเน้นงานด้านการให้บริการด้วยเป็นอีกส่วนหนึ่งของการหารายได้ ไม่ใช่แต่มุ่งด้านการขายสมาชิกเพียงอย่างเดียว เพราะ หัวใจหลักของธุรกิจ คือการให้บริการแก่นักท่องเที่ยวระดับไฮเอนด์
ส่วนเรื่องการให้สิทธิ์ ทีพีซีจำหน่ายบัตรสมาชิกให้แก่คนไทย ล่าสุด ได้ย้อนกลับไปดูมติ ครม.แล้ว ถือว่าไม่ผิดกฎการจัดตั้งบริษัทแต่อย่างใด ซึ่งขณะนี้ ทีพีซี กำลังอยู่ระหว่างการศึกษาแนวทาง เพราะ ในเรื่องของสิทธิประโยชน์ เช่น สปา กอล์ฟ เช็กสุขภาพ คนไทยคงได้ไม่เหมือนกับชาวต่างชาติแน่นอน แต่ สิทธิ์ที่จะได้จากการถือบัตร เบื้องต้นที่กำลังศึกษาอยู่ เช่น บริการพิเศษที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง หรือ สิทธิ์ ในการได้รับเลือกให้เข้าไปเจรจาธุรกิจกับสมาชิกที่ต้องการเข้ามาลงทุนในประเทศไทย สิทธิ์การได้ร่วมสังสรรค์ในคลับเฮ้าส์ของสมาชิก เพื่อจะได้มีโอกาสพบปะกับนักธุรกิจและนักลงทุนต่างชาติ เป็นต้น
** เตรียม30ลบ.เนรมิตสถานที่***
ทางด้านสุรพงษ์ เตรียมชาญชัย ประธานกรรมการบริหาร ทีพีซี ในฐานะรักษาการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า โครงการดังกล่าว เบื้องต้น คาดว่า จะใช้เงินลงทุนราว 30 ล้านบาท สำหรับ จัดเตรียมสถานที่ การวางระบบ และ พนักงานต้อนรับ ที่สนามบินดอนเมือง
ซึ่งจากรายงานล่าสุด ระบุว่า กลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาด้วยเครื่องบินเจ็ท ขณะนี้ มาจากประเทศในกลุ่มตะวันออกกลาง มีทั้งเศรษฐีน้ำมัน และ นักธุรกิจ ที่พร้อมจะลงทุน ปัจจุบัน มีเครื่องบินเจ็ท กลุ่มนี้ มาลงที่สนามบินดอนเมือง ประมาณ 2-3 ลำต่อวัน และที่สนามบินภูเก็ตอีก 4-5 ลำ ต่อวัน ดังนั้น ทีพีซี มองว่า จะนำร่องให้บริการที่สนามบินดอนเมือง จากนั้นจะพิจารณาลงทุนเพิ่มที่สนามบินภูเก็ต คาดว่า การมีแผนงานเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนเช่นนี้ และเมื่อข่าวสารได้ถูกประชาสัมพันธ์ออกไป จะทำให้ นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาด้วยเครื่องบินเจ็ท จะเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 50% ต่อวัน
นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ได้มอบให้ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด (ทีพีซี) ผู้บริหารโครงการ บัตรอีลิท ไปศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนจัดสถานที่ และ รถรับ-ส่งภายในสนามบินดอนเมือง ไว้คอยให้บริการแก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่เดินทางมาด้วยเครื่องบินเจ็ท หรือ เครื่องบินส่วนตัว โดยให้ใช้ชื่อโครงการนี้ว่า “ไพรเวท เจ็ท เทอร์มินัล”
ทั้งนี้ขอบข่ายการให้บริการเป็นแบบครบวงจร ตั้งแต่เครื่องลงจอด จะมีรถไปรอรับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ถึงตัวเครื่องบิน รวมถึงช่วยขนสัมภาระ และบริการอำนวยความสะดวกในขั้นตอนตรวจคนเข้าเมือง ผสานงาน กับรถที่มารอรับเพื่อเดินทางเข้าที่พัก หรือ หากเป็นผู้ป่วยที่จะเข้ามารับการรักษาพยาบาลในประเทศไทย ก็จะมีการประสานไปยัง รถพยาบาล หรือเฮลิคอปเตอร์ พยาบาล ของโรงพยาบาลที่ผู้ป่วยติดต่อไว้ ซึ่งคนกลุ่มนี้ ถือเป็นนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูง เป็นนักธุรกิจและเจ้าของกิจการ เบื้องต้นไม่จำเป็นว่าคนผู้นั้นจะต้องเป็นสมาชิกของ อีลิท การ์ด แต่เมื่อเขาประทับใจในบริการก็จะตัดสินใจเข้าเป็นสมาชิก
“ที่ผ่านมาประเทศไทย ยังไม่มีบริการพิเศษให้แก่นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้โดยเฉพาะ และการที่ให้ ทีพีซี เข้าไปให้บริการ เพราะ ถือเป็นกลุ่มเดียวกับที่ ทีพีซีต้องการเชิญชวนเข้าเป็นสมาชิกบัตร ส่วนอัตราค่าบริการเบื้องต้น ยังไม่ได้กำหนด แต่คิดว่าไม่มีปัญหา เพราะ คนที่มีเครื่องบินส่วนตัวได้ต้องอยู่ในขั้นเศรษฐี จึงไม่เกี่ยงที่จะจ่ายเงินเพื่อซื้อความสะดวกสบาย ”
นายวีระศักดิ์ กล่าวอีกว่า เรื่องดังกล่าว จะต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น บมจ. ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) ซึ่งเป็นเจ้าของอาคารผู้โดยสาร ที่สนามบินดอนเมือง กรมธนารักษ์ ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) เพื่อขอให้มีการจัดเจ้าหน้าที่มาคอยให้บริการ โดยจะเร่งผลักดันให้โครงการ“ไพรเวท เจ็ท เทอร์มินัล” เกิดเป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด เพราะ ที่ผ่านมา ประเทศไทยไม่มีบริการเช่นนี้ ไว้คอยรองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มที่เดินทางมาด้วยเครื่องบินเจ็ท ทำให้เขาไม่ได้รับความสะดวกเมื่อนำเครื่องบินมาลงจอด ซึ่งจะส่งผลให้ประเทศชาติสูญเสียรายได้ตรงนี้ไปจำนวนมาก
**แนะทีพีซีหารายได้สองทาง***
สำหรับ มติคณะรัฐมนตรี(ครม.)ที่อนุมัติให้เดินหน้าโครงการบัตรอีลิทต่อไปได้ โดยเห็นว่าจะเป็นโครงการที่นำรายได้เข้าสู่ประเทศได้จำนวนมาก ดังนั้น จึงเห็นควรว่า ทีพีซี ควรมุ่งเน้นงานด้านการให้บริการด้วยเป็นอีกส่วนหนึ่งของการหารายได้ ไม่ใช่แต่มุ่งด้านการขายสมาชิกเพียงอย่างเดียว เพราะ หัวใจหลักของธุรกิจ คือการให้บริการแก่นักท่องเที่ยวระดับไฮเอนด์
ส่วนเรื่องการให้สิทธิ์ ทีพีซีจำหน่ายบัตรสมาชิกให้แก่คนไทย ล่าสุด ได้ย้อนกลับไปดูมติ ครม.แล้ว ถือว่าไม่ผิดกฎการจัดตั้งบริษัทแต่อย่างใด ซึ่งขณะนี้ ทีพีซี กำลังอยู่ระหว่างการศึกษาแนวทาง เพราะ ในเรื่องของสิทธิประโยชน์ เช่น สปา กอล์ฟ เช็กสุขภาพ คนไทยคงได้ไม่เหมือนกับชาวต่างชาติแน่นอน แต่ สิทธิ์ที่จะได้จากการถือบัตร เบื้องต้นที่กำลังศึกษาอยู่ เช่น บริการพิเศษที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง หรือ สิทธิ์ ในการได้รับเลือกให้เข้าไปเจรจาธุรกิจกับสมาชิกที่ต้องการเข้ามาลงทุนในประเทศไทย สิทธิ์การได้ร่วมสังสรรค์ในคลับเฮ้าส์ของสมาชิก เพื่อจะได้มีโอกาสพบปะกับนักธุรกิจและนักลงทุนต่างชาติ เป็นต้น
** เตรียม30ลบ.เนรมิตสถานที่***
ทางด้านสุรพงษ์ เตรียมชาญชัย ประธานกรรมการบริหาร ทีพีซี ในฐานะรักษาการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า โครงการดังกล่าว เบื้องต้น คาดว่า จะใช้เงินลงทุนราว 30 ล้านบาท สำหรับ จัดเตรียมสถานที่ การวางระบบ และ พนักงานต้อนรับ ที่สนามบินดอนเมือง
ซึ่งจากรายงานล่าสุด ระบุว่า กลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาด้วยเครื่องบินเจ็ท ขณะนี้ มาจากประเทศในกลุ่มตะวันออกกลาง มีทั้งเศรษฐีน้ำมัน และ นักธุรกิจ ที่พร้อมจะลงทุน ปัจจุบัน มีเครื่องบินเจ็ท กลุ่มนี้ มาลงที่สนามบินดอนเมือง ประมาณ 2-3 ลำต่อวัน และที่สนามบินภูเก็ตอีก 4-5 ลำ ต่อวัน ดังนั้น ทีพีซี มองว่า จะนำร่องให้บริการที่สนามบินดอนเมือง จากนั้นจะพิจารณาลงทุนเพิ่มที่สนามบินภูเก็ต คาดว่า การมีแผนงานเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนเช่นนี้ และเมื่อข่าวสารได้ถูกประชาสัมพันธ์ออกไป จะทำให้ นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาด้วยเครื่องบินเจ็ท จะเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 50% ต่อวัน