บีบีเอฯ รุกตลาดเครื่องหนังเต็มสูบ เร่งสร้างแบรนด์ติดทอปเท็นตลาดไทย ล่าสุดปั้น 2 แบรนด์ใหม่ทะลวงผู้หญิงไทยทุกวัย ส่ง ”คาร์โล ริโน” เจาะวัยทีน พร้อมส่งแซมโบเนีย ล่อใจผู้หญิงวัยทำงาน ปีหน้าเปิดตัวสแตนอโลน ลั่นจ่อคิวขนสินค้าเครื่องหนังครบสูตรลงไทย สิ้นปีกวาด 46 ล้านบาท โต 10-15%
นางสาวพัชรวรรณ บุญนำทรัพย์ กรรมการบริหาร บริษัท บีบีเอ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องหนังแบรนด์โบเนีย เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทได้ร่วมทุนกับผู้ประกอบการมาเลเซียหรือบริษัท Cassardi Internation และ โบเนีย กรุ๊ป เปิดตัวแบรนด์เครื่องหนังโบเนียเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยเมื่อปี 2546 โดยปีที่ผ่านมามียอดขาย 40 ล้านบาท ล่าสุดบริษัทต้องการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง โดยตั้งเป้าปี 2552 จะขึ้นเป็น 1 ใน 10 แบรนด์ดังเครื่องหนังชั้นนำของไทย
แผนการตลาดบริษัทรุกตลาดกระเป๋าหนังสำหรับผู้หญิงก่อน จากนั้นขยายโปรดักส์ไลน์ให้ครอบคลุมเช่นเดียวกับประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ ที่มีสินค้าหลากหลาย อาทิ รองเท้า นาฬิกา หรือกระทั่งเสื้อผ้า ตลอดจนเครื่องหนังผู้ชาย ล่าสุดได้เปิดตัวเครื่องหนังใหม่”คาร์โล ริโน” เจาะกลุ่มเป้าหมายผู้หญิงอายุ 18 ปี แตกต่างจากแบรนด์โบเนีย เจาะกลุ่มผู้หญิงอายุ 35 ปี อีกทั้งยังเตรียมเปิดตัวแบรนด์”แซมโบเนีย” เจาะกลุ่มผู้หญิงวัยทำงานอายุ 25 ปี
“จากการสร้างแบรนด์ในเชิงรุก ภายใต้ความโดดเด่นของแบรนด์โบเนียและคาร์โล ริโน คือ ได้รับการออกแบบจากชาวอิตาเลี่ยน ด้วยการคัดสรรวัตถุดิบนำเข้าจากประเทศอิตาลี ซึ่งมีราคาตั้งแต่ 3,500 -30,000 บาท เมื่อเทียบกับสินค้าแบรนด์เนมอย่าง หลุยส์ วิตตอง กุชชี่ ถือว่ามีราคาที่ถูกกว่า บริษัทตั้งเป้าขยายฐานลูกค้าคนไทยจาก 30% เป็น 70% และชาวต่างประเทศเหลือจาก 70% เป็น 30%”
บริษัทใช้งบตลาด 7-10% ของยอดขาย ผ่านการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ณ จุดขาย ตามห้างสรรพสินค้า และปีนี้เตรียมขยายจุดจำหน่าย 3 แห่ง ในกรุงเทพฯ ส่วนปีหน้าเปิดตัวสแตนอะโลน ขนาดพื้นที่ 60 ตร.ม. ที่ สยามพารากอน ภายใต้การใช้งบ 5 ล้านบาท และขยายจุดจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าต่างจังหวัด อาทิ จ.ชลบุรี จ.เชียงใหม่ ฯลฯ ส่วนจุดจำหน่ายของเครื่องหนังคาร์โล ริโน นำร่อง 4-5 แห่ง ได้แก่ สยามพารากอน เดอะมอลล์ บางกะปิ,งามวงศ์วาน เป็นต้น
สำหรับแนวโน้มตลาดเครื่องหนังปีนี้ เติบโต 10-15% เทียบกับปีที่ผ่านมาโต 10% ทั้งนี้การเติบโตมาจากผู้หญิงไทยแต่งตัวกันมากขึ้น ส่วนผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจ และสถานการณ์การเมืองไม่กระทบต่อสินค้าของบริษัท เนื่องจากเจาะกลุ่มเป้าหมายระดับไฮเอนด์ จึงมั่นใจว่าสิ้นปีนี้ผลประกอบการจะมีการเติบโต 10-15% หรือเพิ่มเป็น 46 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมา 40 ล้านบาท ทั้งนี้คาดว่าแบรนด์คาร์โล ริโน มียอดขาย 20 ล้านบาท
นางสาวพัชรวรรณ กล่าวว่า นอกจากนี้บริษัทยังวางแผนขยายตลาดใหม่ๆ โดยภายใน 1 ปี ตั้งเป้าขยาย 25 ประเทศ อาทิ ดูไบ บาเรนห์ เกาหลีใต้ เป็นต้น ซึ่งล่าสุดได้เซ็นสัญญาในสวีเดนแล้ว ขณะที่สเปนกำลังอยู่ระหว่างการเจรจา
นางสาวพัชรวรรณ บุญนำทรัพย์ กรรมการบริหาร บริษัท บีบีเอ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องหนังแบรนด์โบเนีย เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทได้ร่วมทุนกับผู้ประกอบการมาเลเซียหรือบริษัท Cassardi Internation และ โบเนีย กรุ๊ป เปิดตัวแบรนด์เครื่องหนังโบเนียเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยเมื่อปี 2546 โดยปีที่ผ่านมามียอดขาย 40 ล้านบาท ล่าสุดบริษัทต้องการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง โดยตั้งเป้าปี 2552 จะขึ้นเป็น 1 ใน 10 แบรนด์ดังเครื่องหนังชั้นนำของไทย
แผนการตลาดบริษัทรุกตลาดกระเป๋าหนังสำหรับผู้หญิงก่อน จากนั้นขยายโปรดักส์ไลน์ให้ครอบคลุมเช่นเดียวกับประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ ที่มีสินค้าหลากหลาย อาทิ รองเท้า นาฬิกา หรือกระทั่งเสื้อผ้า ตลอดจนเครื่องหนังผู้ชาย ล่าสุดได้เปิดตัวเครื่องหนังใหม่”คาร์โล ริโน” เจาะกลุ่มเป้าหมายผู้หญิงอายุ 18 ปี แตกต่างจากแบรนด์โบเนีย เจาะกลุ่มผู้หญิงอายุ 35 ปี อีกทั้งยังเตรียมเปิดตัวแบรนด์”แซมโบเนีย” เจาะกลุ่มผู้หญิงวัยทำงานอายุ 25 ปี
“จากการสร้างแบรนด์ในเชิงรุก ภายใต้ความโดดเด่นของแบรนด์โบเนียและคาร์โล ริโน คือ ได้รับการออกแบบจากชาวอิตาเลี่ยน ด้วยการคัดสรรวัตถุดิบนำเข้าจากประเทศอิตาลี ซึ่งมีราคาตั้งแต่ 3,500 -30,000 บาท เมื่อเทียบกับสินค้าแบรนด์เนมอย่าง หลุยส์ วิตตอง กุชชี่ ถือว่ามีราคาที่ถูกกว่า บริษัทตั้งเป้าขยายฐานลูกค้าคนไทยจาก 30% เป็น 70% และชาวต่างประเทศเหลือจาก 70% เป็น 30%”
บริษัทใช้งบตลาด 7-10% ของยอดขาย ผ่านการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ณ จุดขาย ตามห้างสรรพสินค้า และปีนี้เตรียมขยายจุดจำหน่าย 3 แห่ง ในกรุงเทพฯ ส่วนปีหน้าเปิดตัวสแตนอะโลน ขนาดพื้นที่ 60 ตร.ม. ที่ สยามพารากอน ภายใต้การใช้งบ 5 ล้านบาท และขยายจุดจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าต่างจังหวัด อาทิ จ.ชลบุรี จ.เชียงใหม่ ฯลฯ ส่วนจุดจำหน่ายของเครื่องหนังคาร์โล ริโน นำร่อง 4-5 แห่ง ได้แก่ สยามพารากอน เดอะมอลล์ บางกะปิ,งามวงศ์วาน เป็นต้น
สำหรับแนวโน้มตลาดเครื่องหนังปีนี้ เติบโต 10-15% เทียบกับปีที่ผ่านมาโต 10% ทั้งนี้การเติบโตมาจากผู้หญิงไทยแต่งตัวกันมากขึ้น ส่วนผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจ และสถานการณ์การเมืองไม่กระทบต่อสินค้าของบริษัท เนื่องจากเจาะกลุ่มเป้าหมายระดับไฮเอนด์ จึงมั่นใจว่าสิ้นปีนี้ผลประกอบการจะมีการเติบโต 10-15% หรือเพิ่มเป็น 46 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมา 40 ล้านบาท ทั้งนี้คาดว่าแบรนด์คาร์โล ริโน มียอดขาย 20 ล้านบาท
นางสาวพัชรวรรณ กล่าวว่า นอกจากนี้บริษัทยังวางแผนขยายตลาดใหม่ๆ โดยภายใน 1 ปี ตั้งเป้าขยาย 25 ประเทศ อาทิ ดูไบ บาเรนห์ เกาหลีใต้ เป็นต้น ซึ่งล่าสุดได้เซ็นสัญญาในสวีเดนแล้ว ขณะที่สเปนกำลังอยู่ระหว่างการเจรจา