นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคพลังประชาชน แกนนำ กลุ่มเพื่อนเนวิน กล่าวก่อนเข้าประชุมพรรคพลังประชาชน กล่าว วานนี้ (19 ส.ค.) ถึงกรณีที่ส.ส.ล่ารายชื่อ ยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เพื่อให้ชี้แจงกรณีสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ออกหมายจับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและภริยา ว่า เมื่อช่วงเช้า ผู้ใหญ่ของพรรคพลังประชาช เช่น นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย แกนนำกลุ่มภาคเหนือ นายศรีเมือง เจริญศิริ ส.ส.ระบบสัดส่วน นายวิทยา บูรณศิริ ประธานวิปรัฐบาล นายสุวัฒน์ วรรณศิริกุล ประธานส.ส.กทม. และตน ได้หารือถึงกรณีดังกล่าว เนื่องจากที่ผ่านมาประเด็นการล่ารายชื่อ มีส.ส.บางส่วนในพรรคเข้าใจผิดว่า เป็นไปเพื่อกดดันนายสมัคร
นายสุทิน กล่าวว่า นางเยาวภาได้ชี้แจงในที่ประชุมว่า ทุกคนยังต้องการให้ นายสมัครบริหารประเทศต่อไป แต่การรวบรวมรายชื่อส.ส.นั้น เป็นเพราะต้องการให้ นายสมัครชี้แจงเท่านั้น เนื่องจากการออกหมายจับพ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมาน ชินวัตร เป็นเรื่องสะเทือนใจอย่างมาก นอกจากนี้ หากส.ส.ดำเนินการสอบถามไปยังตำรวจก็จะเข้าข่ายทำผิดรัฐธรรมนูญ ม.265 ดังนั้น จึงต้องให้นายสมัคร ในฐานะหัวหน้าพรรค ที่กำกับดูแล สตช.ออกมาชี้แจงให้ชัดเจน
ส.ส.ก็รู้สึกสะเทือนใจเลยต้องถามไปยังหัวหน้าพรรคว่า ได้คำนึงถึงการ ปกป้องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์มากน้อยแค่ไหนอย่างไร หากไม่คำนึงถึงชื่อพ.ต.ท.ทักษิณก็น่าจะคำนึงถึงตำแหน่งอดีตนายกรัฐมนตรีบ้าง เพราะเมื่อศาลยังไม่ได้ตัดสิน พ.ต.ท.ทักษิณก็ยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ ไม่ควรออกหมายจับ เพราะลักษณะเหมือนเป็นการประจานไปทั่ว ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ถูกลดความสำคัญลงไป ผมเองเมื่อได้ทราบข้อเท็จจริงดังนี้ จึงได้ร่วมลงชื่อเพิ่มเติมไปด้วย รวมถึงเชื่อว่าส.ส. ทุกคนในพรรคจะร่วมลงชื่อด้วยเช่นกัน เพราะที่ผ่านมากลุ่มเราเข้าใจว่าทำไปเพื่อกดดันนายกรัฐมนตรี ซึ่งทุกคนในพรรคพลังประชาชนก็รักทั้งอดีตนายกฯ และนายสมัครเหมือนๆ กัน
นายสุทิน กล่าวว่า นอกจากนี้ ส.ส.พรรคพลังประชาชนได้หารือกันว่า จะยื่นเรื่อง ต่อคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญประจำสภาฯ หลายคณะ อาทิ กมธ.การตำรวจ กมธ.การต่างประเทศ กมธ.การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน เพื่อเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง รวมถึงการตั้งกระทู้ถามสดในสภาด้วย
ส่วนกรณีที่ส.ส.กลุ่มสายตรงแยกเซ็นชื่อที่ชั้น 4 ขณะที่กลุ่มเพื่อนเนวิน เซ็นชื่อในชั้น 7 ของที่ทำการพรรคพลังประชาชน จนทำให้เกิดการ วิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการถือโอกาสเช็คยอดส.ส.เพื่อวัดพลังนั้น ตนไม่ทราบ แต่ถ้าให้คาดเดาการแยกเซ็นชื่อที่ชั้น 7 คงเป็นการเซ็นเพื่อให้กำลังใจพ.ต.ท.ทักษิณ
ต่อมาเวลา 14.30 น. ที่พรรคพลังประชาขน มีการประชุม ส.ส.พรรค โดยมีนายสุวัฒน์ วรรณศิริกุล ประธานภาค กทม.เป็นประธานการประชุม โดยมีแกนนำพรรคเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพียง สำหรับ สมัคร สุนทรเวช ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชาชนได้เดินทางเข้าร่วมประชุมในเวลา 16.55 น.
ผู้สื่อข่าวรายวานว่า หลังจากนายสมัคร เดินทางมาถึงได้เดินไปยังโพเดียม บริเวณด้านหน้าเวที พร้อมทั้งเกริ่นต่อที่ประชุมตอนหนึ่งว่า วิตกทุกข์ร้อนกันเหลือเกิน ไปสุรินทร์ก็ถาม ไปศรีษะเกษก็ถาม มาอุบลฯก็ถาม ทุกข์ร้อนกันจริง เมื่อเช้าประชุมครม.ก็ถาม มานี่ก็ถาม จากนั้นเหลือบเห็นกลุ่มผู้สื่อข่าวที่กำลังบันทึกภาพอยู่ จึงกล่าวขึ้นว่า อ้าว ไปไป ออกกันไปได้แล้ว
เมื่อนายสมัครพูดถึงช่วงนี้นายวาสิต พยัคบุตร ส.ส.ลำปาง กลุ่มวังบัวบานของ นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ที่นั่งอยู่กึ่งกลางค่อนไปด้านหลังห้องประชุมจึงพูดเสียงดังว่า เขาก็อยากถ่ายสิ ก็ไม่เคยเข้าประชุมเลย ทำให้ส.ส.ที่อยู่บริเวณรอบข้าง นายวาสิต ที่กำลังส่งเสียงพูดคุยอยู่นั้น ถึงกับนิ่งไปชั่วครู่หนึ่ง ก่อนที่ช่างภาพและผู้สื่อข่าวจะออกจากห้องประชุม
จากนั้นเวลา 17.25 น. ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน แถลงว่าส.ส.ของพรรคทุกคนเห็นตรงกันว่าการที่สมาชิกพรรคจำนวนหนึ่งลงชื่อในหนังสือส่งถึงนายสมัคร เพื่อให้ชี้แจงที่ สตช.ออกหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้นไม่ใช่การประลองกำลัง แต่เห็นว่าไม่เหมาะสมา เพราะพ.ต.ท.ทักษิณอยู่ที่อังกฤษ มีหลักแหล่งชัดเจน การที่ตำรวจนำหมายจับออกเผยแพร่เหมือนต้องการประณามอดีตผู้นำของประเทศ เป็นการกระทำที่เกินกว่าเหต และการเผยแพร่หมายจับในวงกว้างนั้นเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนคนไทยคนหนึ่ง ให้เคารพสิทธิมนุษยชนฐานะคนไทยคนหนึ่ง
สิทธิของความเป็นคนเราเคารพกันโดยกฎหมาย และกรณีก็ยังไม่ถูกตัดสินว่ามีความผิดก็ควรเคารพสิทธิมนุษยชนเหมือนกับเป็นคนไทยคนหนึ่ง เพราะอดีตผู้นำก็ยังไม่ถูกลงโทษทางศาลโดยจบสิ้นกระบวนความ แต่กลับถูกประจาน
ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ได้ต้องการตำหนิหรือให้มีการตรวจสอบท่านหัวหน้าพรรค แต่สมาชิกมองว่า เมื่อหัวหน้าพรรคเป็นนายกรัฐมนตรี และกำกับดูแล สตช. การที่ตำรวจกระทำการดังกล่าว สมาชิกพรรคจึงอยากให้หัวหน้าพรรคชี้แจง เพื่อให้เกิดความสบายใจ
ร.ท.กุเทพ กล่าวต่อว่า นายกรัฐมนตรีได้กล่าวสั้นๆแต่มีนัยสำคัญว่า วันนี้ท่านรับภาระหนักขนาดไหนในการแก้ปัญหาของประเทศ ท่านทำหน้าที่ประสานกับทุกฝ่ายเพื่อให้สังคมกลับสู่ภาวะปกติ ความรู้สึกที่ ส.ส.ทุกคนมีต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นอย่างไรท่านก็รู้สึกไม่แตกต่างกัน จริงๆ เรื่องนี้ไม่เป็นประเด็นเลยถ้าไม่ใช่พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะเจ้าหน้าที่ธุรการของตำรวจคนหนึ่งเขาปฏิบัติตามหน้าที่ ซึ่งหากเป็นคนอื่น ก็คงจะไม่เป็นข่าว แต่กรณีนี้เขาจำเป็นต้องทำตามภาระกิจของเขา ซึ่งก็เข้าใจได้ว่า เป็นเป็นงานประจำที่ต้องทำเมื่อเกิดกรณีแบบนี้ขึ้น ส่วนเกินกว่าเหตุหรือไม่นั้นพอฟังได้ว่า สื่อมวลชนให้ความสนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษจึงนำไปเผยแพร่
ดังนั้นท่านนายกฯจึงขอไม่ให้ทุกคนวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้กันต่อไป และสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นท่านตั้งใจที่จะประคับประคองสถานการณ์ให้ดีที่สุด ที่ประชุมจึงประกาศท่าทีชัดเจนว่า เราจะสนับสนุนให้ท่านทำหน้าที่ต่อไป การที่มีสมาชิกส่วนหนึ่ง ลงชื่อนั้นก็ไม่ได้มุ่งหมายให้ท่านไม่สบายใจ แต่แสดงให้เห็นความสบายใจต่อการกระทำของตำรวจ แต่เมื่อนายกฯชี้แจงแล้วพวกเราก็สบายใจขึ้น และทุกคนก็รู้ว่าวันนี้หัวใจหลักคือความสามัคคีและความเหนียวแน่นของพวกเรา
ส่วนกรณีที่มีความพยายามเกี่ยวโยงมาถึงพรรคพลังประชาชนว่าอาจจะถูกยุบพรรคและจะไปอยู่พรรคอื่นนั้น ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า ช่วงนระหว่างที่รอนายสมัครมาร่วมประชุมด้วยนั้น นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รมว.ศึกษาธิการ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ได้พูดคุยกับส.ส.เพื่อทำความเข้าใจว่า ในยามที่เรา ตกอยู่ในสภาพอย่างปัจจุบัน เราต้องมีความเห็นอกเห็นใจต่อกัน และนายสมชายก็จะทำหน้าที่ประสานระหว่างหัวหน้าพรรคกับสมาชิกพรรคให้เพื่อให้เกิดความสามัคคี และถ้าหากจะไปอยู่พรรคใดก็ต้องไปด้วยกันทั้งหมด แม้เราจะต่อสู้อย่างดีที่สุด แต่หากถูกยุบพรรคจริงๆ เราก็จะต้องไปด้วยกัน ไม่มีการแตกแยก
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายสมัครใช้เวลาชี้แจงน้อยเกินไปหรือไม่ ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า ใช้เวลาตามสมควร เพราะในระดับของผู้ที่เกี่ยวข้องมีการเตรียมการและพูดคุยกันมาก่อนแล้ว และนายกฯเองก็บอกว่าท่านทราบเรื่องแล้ว เพราะในระหว่างที่ท่าน เดินทางมาพรรคก็ได้รับทราบเรื่องราวในระดับหนึ่งแล้ว เมื่อมาถึงท่านจึงเล่าเรื่องราว ต่างๆ ให้ฟังได้เลย โดยใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที และแม้มีเวลาน้อยแต่ท่านก็ยังบอกว่า เรื่องนี้ไม่ควรขยายผลต่อ เรื่องนี้เป็นปัญหาขึ้นเพราะเป็นความสนใจของ สื่อมวลชนและของคนบางคนที่ต้องการให้เป็นประเด็นใหญ่ขึ้นมา เป็นเชื้อเพลิงชั้นดีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะนำไปขยายผล
ส่วนการที่กลุ่มพันธมิตรฯไปสถานฑูตอังกฤษนั้น แสดงให้เห็นว่ากลุ่มพันธมิตรฯเองก็รู้ว่าพ.ต.ท.ทักษิณอยู่ที่ไหน ดังนั้นตำรวจต้องมีสมองและมีสติด้วย ใช้ฝีมือคลี่คลายสถานการณ์
แหล่งข่าวกล่าวว่า นายสมัคร กล่าวตอนหนึ่งว่า ผมมีความผูกพันกับพ.ต.ท.ทักษิณไม่น้อย ตอนรับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ก็รับพร้อมกัน มีภรรยาเป็นคุณหญิงเหมือนกัน ที่ผ่านมาผมได้ปกป้องมาตลอด แล้วคนอย่างผมเหรอจะไปทำลาย พ.ต.ท.ทักษิณ แม้แต่คิดยังไม่เคย และผมไม่คิดจะไปหักหลังพ.ต.ท.ทักษิณ
นายสุทิน กล่าวว่า นางเยาวภาได้ชี้แจงในที่ประชุมว่า ทุกคนยังต้องการให้ นายสมัครบริหารประเทศต่อไป แต่การรวบรวมรายชื่อส.ส.นั้น เป็นเพราะต้องการให้ นายสมัครชี้แจงเท่านั้น เนื่องจากการออกหมายจับพ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมาน ชินวัตร เป็นเรื่องสะเทือนใจอย่างมาก นอกจากนี้ หากส.ส.ดำเนินการสอบถามไปยังตำรวจก็จะเข้าข่ายทำผิดรัฐธรรมนูญ ม.265 ดังนั้น จึงต้องให้นายสมัคร ในฐานะหัวหน้าพรรค ที่กำกับดูแล สตช.ออกมาชี้แจงให้ชัดเจน
ส.ส.ก็รู้สึกสะเทือนใจเลยต้องถามไปยังหัวหน้าพรรคว่า ได้คำนึงถึงการ ปกป้องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์มากน้อยแค่ไหนอย่างไร หากไม่คำนึงถึงชื่อพ.ต.ท.ทักษิณก็น่าจะคำนึงถึงตำแหน่งอดีตนายกรัฐมนตรีบ้าง เพราะเมื่อศาลยังไม่ได้ตัดสิน พ.ต.ท.ทักษิณก็ยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ ไม่ควรออกหมายจับ เพราะลักษณะเหมือนเป็นการประจานไปทั่ว ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ถูกลดความสำคัญลงไป ผมเองเมื่อได้ทราบข้อเท็จจริงดังนี้ จึงได้ร่วมลงชื่อเพิ่มเติมไปด้วย รวมถึงเชื่อว่าส.ส. ทุกคนในพรรคจะร่วมลงชื่อด้วยเช่นกัน เพราะที่ผ่านมากลุ่มเราเข้าใจว่าทำไปเพื่อกดดันนายกรัฐมนตรี ซึ่งทุกคนในพรรคพลังประชาชนก็รักทั้งอดีตนายกฯ และนายสมัครเหมือนๆ กัน
นายสุทิน กล่าวว่า นอกจากนี้ ส.ส.พรรคพลังประชาชนได้หารือกันว่า จะยื่นเรื่อง ต่อคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญประจำสภาฯ หลายคณะ อาทิ กมธ.การตำรวจ กมธ.การต่างประเทศ กมธ.การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน เพื่อเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง รวมถึงการตั้งกระทู้ถามสดในสภาด้วย
ส่วนกรณีที่ส.ส.กลุ่มสายตรงแยกเซ็นชื่อที่ชั้น 4 ขณะที่กลุ่มเพื่อนเนวิน เซ็นชื่อในชั้น 7 ของที่ทำการพรรคพลังประชาชน จนทำให้เกิดการ วิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการถือโอกาสเช็คยอดส.ส.เพื่อวัดพลังนั้น ตนไม่ทราบ แต่ถ้าให้คาดเดาการแยกเซ็นชื่อที่ชั้น 7 คงเป็นการเซ็นเพื่อให้กำลังใจพ.ต.ท.ทักษิณ
ต่อมาเวลา 14.30 น. ที่พรรคพลังประชาขน มีการประชุม ส.ส.พรรค โดยมีนายสุวัฒน์ วรรณศิริกุล ประธานภาค กทม.เป็นประธานการประชุม โดยมีแกนนำพรรคเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพียง สำหรับ สมัคร สุนทรเวช ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชาชนได้เดินทางเข้าร่วมประชุมในเวลา 16.55 น.
ผู้สื่อข่าวรายวานว่า หลังจากนายสมัคร เดินทางมาถึงได้เดินไปยังโพเดียม บริเวณด้านหน้าเวที พร้อมทั้งเกริ่นต่อที่ประชุมตอนหนึ่งว่า วิตกทุกข์ร้อนกันเหลือเกิน ไปสุรินทร์ก็ถาม ไปศรีษะเกษก็ถาม มาอุบลฯก็ถาม ทุกข์ร้อนกันจริง เมื่อเช้าประชุมครม.ก็ถาม มานี่ก็ถาม จากนั้นเหลือบเห็นกลุ่มผู้สื่อข่าวที่กำลังบันทึกภาพอยู่ จึงกล่าวขึ้นว่า อ้าว ไปไป ออกกันไปได้แล้ว
เมื่อนายสมัครพูดถึงช่วงนี้นายวาสิต พยัคบุตร ส.ส.ลำปาง กลุ่มวังบัวบานของ นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ที่นั่งอยู่กึ่งกลางค่อนไปด้านหลังห้องประชุมจึงพูดเสียงดังว่า เขาก็อยากถ่ายสิ ก็ไม่เคยเข้าประชุมเลย ทำให้ส.ส.ที่อยู่บริเวณรอบข้าง นายวาสิต ที่กำลังส่งเสียงพูดคุยอยู่นั้น ถึงกับนิ่งไปชั่วครู่หนึ่ง ก่อนที่ช่างภาพและผู้สื่อข่าวจะออกจากห้องประชุม
จากนั้นเวลา 17.25 น. ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน แถลงว่าส.ส.ของพรรคทุกคนเห็นตรงกันว่าการที่สมาชิกพรรคจำนวนหนึ่งลงชื่อในหนังสือส่งถึงนายสมัคร เพื่อให้ชี้แจงที่ สตช.ออกหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้นไม่ใช่การประลองกำลัง แต่เห็นว่าไม่เหมาะสมา เพราะพ.ต.ท.ทักษิณอยู่ที่อังกฤษ มีหลักแหล่งชัดเจน การที่ตำรวจนำหมายจับออกเผยแพร่เหมือนต้องการประณามอดีตผู้นำของประเทศ เป็นการกระทำที่เกินกว่าเหต และการเผยแพร่หมายจับในวงกว้างนั้นเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนคนไทยคนหนึ่ง ให้เคารพสิทธิมนุษยชนฐานะคนไทยคนหนึ่ง
สิทธิของความเป็นคนเราเคารพกันโดยกฎหมาย และกรณีก็ยังไม่ถูกตัดสินว่ามีความผิดก็ควรเคารพสิทธิมนุษยชนเหมือนกับเป็นคนไทยคนหนึ่ง เพราะอดีตผู้นำก็ยังไม่ถูกลงโทษทางศาลโดยจบสิ้นกระบวนความ แต่กลับถูกประจาน
ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ได้ต้องการตำหนิหรือให้มีการตรวจสอบท่านหัวหน้าพรรค แต่สมาชิกมองว่า เมื่อหัวหน้าพรรคเป็นนายกรัฐมนตรี และกำกับดูแล สตช. การที่ตำรวจกระทำการดังกล่าว สมาชิกพรรคจึงอยากให้หัวหน้าพรรคชี้แจง เพื่อให้เกิดความสบายใจ
ร.ท.กุเทพ กล่าวต่อว่า นายกรัฐมนตรีได้กล่าวสั้นๆแต่มีนัยสำคัญว่า วันนี้ท่านรับภาระหนักขนาดไหนในการแก้ปัญหาของประเทศ ท่านทำหน้าที่ประสานกับทุกฝ่ายเพื่อให้สังคมกลับสู่ภาวะปกติ ความรู้สึกที่ ส.ส.ทุกคนมีต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นอย่างไรท่านก็รู้สึกไม่แตกต่างกัน จริงๆ เรื่องนี้ไม่เป็นประเด็นเลยถ้าไม่ใช่พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะเจ้าหน้าที่ธุรการของตำรวจคนหนึ่งเขาปฏิบัติตามหน้าที่ ซึ่งหากเป็นคนอื่น ก็คงจะไม่เป็นข่าว แต่กรณีนี้เขาจำเป็นต้องทำตามภาระกิจของเขา ซึ่งก็เข้าใจได้ว่า เป็นเป็นงานประจำที่ต้องทำเมื่อเกิดกรณีแบบนี้ขึ้น ส่วนเกินกว่าเหตุหรือไม่นั้นพอฟังได้ว่า สื่อมวลชนให้ความสนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษจึงนำไปเผยแพร่
ดังนั้นท่านนายกฯจึงขอไม่ให้ทุกคนวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้กันต่อไป และสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นท่านตั้งใจที่จะประคับประคองสถานการณ์ให้ดีที่สุด ที่ประชุมจึงประกาศท่าทีชัดเจนว่า เราจะสนับสนุนให้ท่านทำหน้าที่ต่อไป การที่มีสมาชิกส่วนหนึ่ง ลงชื่อนั้นก็ไม่ได้มุ่งหมายให้ท่านไม่สบายใจ แต่แสดงให้เห็นความสบายใจต่อการกระทำของตำรวจ แต่เมื่อนายกฯชี้แจงแล้วพวกเราก็สบายใจขึ้น และทุกคนก็รู้ว่าวันนี้หัวใจหลักคือความสามัคคีและความเหนียวแน่นของพวกเรา
ส่วนกรณีที่มีความพยายามเกี่ยวโยงมาถึงพรรคพลังประชาชนว่าอาจจะถูกยุบพรรคและจะไปอยู่พรรคอื่นนั้น ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า ช่วงนระหว่างที่รอนายสมัครมาร่วมประชุมด้วยนั้น นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รมว.ศึกษาธิการ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ได้พูดคุยกับส.ส.เพื่อทำความเข้าใจว่า ในยามที่เรา ตกอยู่ในสภาพอย่างปัจจุบัน เราต้องมีความเห็นอกเห็นใจต่อกัน และนายสมชายก็จะทำหน้าที่ประสานระหว่างหัวหน้าพรรคกับสมาชิกพรรคให้เพื่อให้เกิดความสามัคคี และถ้าหากจะไปอยู่พรรคใดก็ต้องไปด้วยกันทั้งหมด แม้เราจะต่อสู้อย่างดีที่สุด แต่หากถูกยุบพรรคจริงๆ เราก็จะต้องไปด้วยกัน ไม่มีการแตกแยก
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายสมัครใช้เวลาชี้แจงน้อยเกินไปหรือไม่ ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า ใช้เวลาตามสมควร เพราะในระดับของผู้ที่เกี่ยวข้องมีการเตรียมการและพูดคุยกันมาก่อนแล้ว และนายกฯเองก็บอกว่าท่านทราบเรื่องแล้ว เพราะในระหว่างที่ท่าน เดินทางมาพรรคก็ได้รับทราบเรื่องราวในระดับหนึ่งแล้ว เมื่อมาถึงท่านจึงเล่าเรื่องราว ต่างๆ ให้ฟังได้เลย โดยใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที และแม้มีเวลาน้อยแต่ท่านก็ยังบอกว่า เรื่องนี้ไม่ควรขยายผลต่อ เรื่องนี้เป็นปัญหาขึ้นเพราะเป็นความสนใจของ สื่อมวลชนและของคนบางคนที่ต้องการให้เป็นประเด็นใหญ่ขึ้นมา เป็นเชื้อเพลิงชั้นดีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะนำไปขยายผล
ส่วนการที่กลุ่มพันธมิตรฯไปสถานฑูตอังกฤษนั้น แสดงให้เห็นว่ากลุ่มพันธมิตรฯเองก็รู้ว่าพ.ต.ท.ทักษิณอยู่ที่ไหน ดังนั้นตำรวจต้องมีสมองและมีสติด้วย ใช้ฝีมือคลี่คลายสถานการณ์
แหล่งข่าวกล่าวว่า นายสมัคร กล่าวตอนหนึ่งว่า ผมมีความผูกพันกับพ.ต.ท.ทักษิณไม่น้อย ตอนรับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ก็รับพร้อมกัน มีภรรยาเป็นคุณหญิงเหมือนกัน ที่ผ่านมาผมได้ปกป้องมาตลอด แล้วคนอย่างผมเหรอจะไปทำลาย พ.ต.ท.ทักษิณ แม้แต่คิดยังไม่เคย และผมไม่คิดจะไปหักหลังพ.ต.ท.ทักษิณ
