ธุรกิจโรงแรมแข่งดุ เปิดโอกาสอินเตอร์เชนสยายปีก “แลงแฮม โฮเทล” จากฮ่องกง เผย ลูกค้าทะลุเป้า ภายใน 5 ปี รับบริหารในไทยทะลุ 12 แห่งจากแผนเดิมตั้งไว้ 5 แห่ง
นายแอนดรูว์ เจสสอป รองประธานประจำประเทศไทย แลงแฮม โฮเทล อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นธุรกิจในกลุ่ม แอลเอชไอ ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง เปิดเผยว่า การแข่งขันของอุตสาหกรรมโรงแรม ในช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมา ส่งผลดีกับธุรกิจบริหารจัดการโรงแรมในระดับอินเตอร์เชน เพราะ กลุ่มนักลงทุนคนไทยแต่ขาดประสบการณ์ ต้องการได้มืออาชีพเข้ามาบริหารจัดการธุรกิจ เพราะอินเตอร์เชนโรงแรม จะมีเน็ทเวิร์ด หรือช่องทางการจัดจำหน่ายได้ครอบคลุมทั่วโลก
ดังนั้น จึงคาดการณ์ว่า ภายใน 5 ปีนับจากนี้ มีความเป็นไปได้ว่าแลงแฮมฯจะเข้าบริหารจัดการโรงแรมในประเทศไทยมากถึง 12 แห่ง ทั่วประเทศ ภายใต้ 3 แบรนด์หลัก คือ เดอะ แลงแฮม , แลงแฮม เพลส และ อีตัน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ 5 แห่งใน 5 ปี โดยปีก่อนเริ่มเข้าบริการโรงแรมที่จังหวัดกระบี่ ภายใต้ชื่อ แลงแฮม เพลส ฯ เกาะ ลันตา
นอกจากนั้น เกรม อีเกิ้ล โฮลดิ้งส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทแม่ที่ประเทศฮ่องกง ได้วางตำแหน่งให้ประเทศไทยศูนย์กลางการขยายธุรกิจออกไปในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยตั้งเป้าหมายว่า ภายใน 5 ปี จะขยายธุรกิจโรงแรมภายใต้ 3 แบรนด์หลัก ให้ได้ 25 แห่ง ซึ่งประเทศต่อไปที่จะเปิดตลาดได้แก่ สิงคโปร์ เวียดนาม กัมพูชา และ ลาว
ล่าสุด ได้เซ็นสัญญาเข้าบริหารจัดการโรงแรมที่ จ.ภูเก็ต ภายใต้ชื่อ “แลงแฮม เพลส มิออร่า รีสอร์ท แอนด์ สปา กะลิม เบย์ ภูเก็ต เป็นกลุ่มทุนจากประเทศอังกฤษ ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ต้นปี 2553 ตั้งเป้าหมายปีแรกจะมีอัตราเข้าพัก 60% และ เพิ่มเป็น 75% ในปีถัดไป นอกจากนั้น ยังเตรียมเซ็นสัญญาเข้าบริหารโรงแรมในกรุงเทพอีก 2 แห่ง ย่านสุขุมวิท และ สาทร จากนั้นจะขยายไปยังจังหวัดหัวเมืองต่างๆ กลยุทธ์การตลาด เน้น จับมือกับบริษัทตัวแทนจำหน่ายทั่วโลก ปัจจุบันมีพันธมิตร 82 ราย จาก 180 ราย และใช้สื่ออินเทอร์เน็ต จองห้องพักผ่านเว็บไซน์ ตลาดใหม่ย่านเอเชียที่จะบุกดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาประเทศไทย ได้แก่ จีน อินเดีย และ เกาหลีใต้ เป็นต้น
นายแอนดรูว์ เจสสอป รองประธานประจำประเทศไทย แลงแฮม โฮเทล อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นธุรกิจในกลุ่ม แอลเอชไอ ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง เปิดเผยว่า การแข่งขันของอุตสาหกรรมโรงแรม ในช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมา ส่งผลดีกับธุรกิจบริหารจัดการโรงแรมในระดับอินเตอร์เชน เพราะ กลุ่มนักลงทุนคนไทยแต่ขาดประสบการณ์ ต้องการได้มืออาชีพเข้ามาบริหารจัดการธุรกิจ เพราะอินเตอร์เชนโรงแรม จะมีเน็ทเวิร์ด หรือช่องทางการจัดจำหน่ายได้ครอบคลุมทั่วโลก
ดังนั้น จึงคาดการณ์ว่า ภายใน 5 ปีนับจากนี้ มีความเป็นไปได้ว่าแลงแฮมฯจะเข้าบริหารจัดการโรงแรมในประเทศไทยมากถึง 12 แห่ง ทั่วประเทศ ภายใต้ 3 แบรนด์หลัก คือ เดอะ แลงแฮม , แลงแฮม เพลส และ อีตัน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ 5 แห่งใน 5 ปี โดยปีก่อนเริ่มเข้าบริการโรงแรมที่จังหวัดกระบี่ ภายใต้ชื่อ แลงแฮม เพลส ฯ เกาะ ลันตา
นอกจากนั้น เกรม อีเกิ้ล โฮลดิ้งส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทแม่ที่ประเทศฮ่องกง ได้วางตำแหน่งให้ประเทศไทยศูนย์กลางการขยายธุรกิจออกไปในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยตั้งเป้าหมายว่า ภายใน 5 ปี จะขยายธุรกิจโรงแรมภายใต้ 3 แบรนด์หลัก ให้ได้ 25 แห่ง ซึ่งประเทศต่อไปที่จะเปิดตลาดได้แก่ สิงคโปร์ เวียดนาม กัมพูชา และ ลาว
ล่าสุด ได้เซ็นสัญญาเข้าบริหารจัดการโรงแรมที่ จ.ภูเก็ต ภายใต้ชื่อ “แลงแฮม เพลส มิออร่า รีสอร์ท แอนด์ สปา กะลิม เบย์ ภูเก็ต เป็นกลุ่มทุนจากประเทศอังกฤษ ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ต้นปี 2553 ตั้งเป้าหมายปีแรกจะมีอัตราเข้าพัก 60% และ เพิ่มเป็น 75% ในปีถัดไป นอกจากนั้น ยังเตรียมเซ็นสัญญาเข้าบริหารโรงแรมในกรุงเทพอีก 2 แห่ง ย่านสุขุมวิท และ สาทร จากนั้นจะขยายไปยังจังหวัดหัวเมืองต่างๆ กลยุทธ์การตลาด เน้น จับมือกับบริษัทตัวแทนจำหน่ายทั่วโลก ปัจจุบันมีพันธมิตร 82 ราย จาก 180 ราย และใช้สื่ออินเทอร์เน็ต จองห้องพักผ่านเว็บไซน์ ตลาดใหม่ย่านเอเชียที่จะบุกดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาประเทศไทย ได้แก่ จีน อินเดีย และ เกาหลีใต้ เป็นต้น
