รอยเตอร์ – สถานการณ์สู้รบในจอร์เจียยังสู่วิกฤต หลังรัสเซียเสริมกำลังทหารและอาวุธเข้าสู่พื้นที่สองจังหวัดในจอร์เจียเมื่อวันจันทร์ (11) ประธานาธิบดีจอร์เจียระบุว่ารัสเซียกำลังพยายามโค่นล้มอำนาจ และหวังคุมเส้นทางขนส่งน้ำมัน อีกทั้งรัสเซียยังได้ทิ้งระเบิดในจอร์เจียในช่วงกลางคืน ขณะที่ประธานาธิบดีของรัสเซียระบุว่าไม่มีเจตนารุกคืบเข้าสู่จอร์เจีย แต่ยังต้องคงกำลังไว้ในเซาท์ออสซีเชีย ด้านสหภาพยุโรปส่งทูตเจรจากับสองฝ่ายเรียกร้องให้สงบศึก
ประธานาธิบดีมีเฮอิล ซาคาชวิลลี ของจอร์เจีย แถลงข่าวกล่าวหารัสเซียในวันจันทร์ว่าพยายามโค่นล้มรัฐบาลของเขา และต้องการเข้าควบคุมเส้นทางขนส่งน้ำมันในภูมิภาคนี้ โดยการเพิ่มกำลังทหารเข้าไปในเขตอับฮาเซีย
ส่วนประธานาธิบดีดมิทรี เมดเวเดฟของรัสเซีย กล่าวว่าปฏิบัติการฟื้นฟูความสงบในเซาท์ออสซีเชียกำลังจะเสร็จสิ้นลงแล้ว และเสนาธิการทหารของรัสเซียสรุปสถานการณ์ว่า การคงกองกำลังไว้ในบริเวณชายแดนของ เซาท์ออสซีเชีย ถือเป็น “หลักการสำคัญ” เมดเวเดฟกล่าวว่ารัสเซียไม่ได้เคลื่อนกำลังออกนอกเขตแดนของเซาท์ออสซีเชียและในอับฮาเซีย อีกทั้งไม่มีเจตนาที่จะรุกคืบเข้าไปในจอร์เจียแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ทั้งจอร์เจียและรัสเซียต่างก็ยังสู้รบกันในวันจันทร์ ท่ามกลางเสียงเรียกร้องสันติภาพจากนานาชาติ โดยจอร์เจียนั้นยิงถล่มเมืองซฮินวาลี เมืองหลวงของเซาท์ออสซีเชียต่อไปแม้ว่าจะประกาศหยุดยิงไปแล้วในวันอาทิตย์ และจอร์เจียยังระบุว่าเครื่องบินของรัสเซียราว 50 ลำ ได้ระดมทิ้งระเบิดใส่เป้าหมายหลายแห่งของจอร์เจียในช่วงกลางคืนที่ผ่านมา ซึ่งมอสโกปฏิเสธ
รัสเซียอ้างว่าฝ่ายตนนั้นสูญเสียเครื่องบินทหารไปสี่ลำและทหารอีก 18 คนนับตั้งแต่เปิดฉากสู้รบกับจอร์เจีย โดยมีทหารอีก 14 คนสูญหายในระหว่างปฏิบัติการและอีก 52 คนได้รับบาดเจ็บ
วิกฤตการณ์ในครั้งนี้กระตุ้นให้โลกตะวันตกตื่นตระหนกเพราะจอร์เจียเป็นเส้นทางขนส่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติสำคัญ และยังมีท่อส่งน้ำมันสำคัญลำเลียงน้ำมันไปยังตลาดยุโรปอีกด้วย ส่วนตลาดการเงินของรัสเซียเองก็ดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบสองปี อีกทั้งราคาน้ำมันก็กลับดีดตัวสูงขึ้นในวันจันทร์ 1 ดอลลาร์ โดยอยู่ที่ระดับ 116.21 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ณ เวลา 11.06 น.จีเอ็มที (18.06 น.เวลาเมืองไทย)
ด้านแบร์นาร์ด คุชเนอร์ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของฝรั่งเศส ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานสหภาพยุโรปตามวาระ ก็ได้เดินทางไปถึงจอร์เจียและได้พบกับประธานาธิบดีซาคาชวิลลีแล้ว และเขาจะเดินทางไปยังมอสโกในเย็นวันจันทร์ โดยประเด็นสำคัญที่สุดสำหรับเขาก็คือ “การถอนกำลังทหารออกไปโดยมีการควบคุมดูแล”
ส่วนอังกฤษกับสหรัฐฯ ต่างก็สนับสนุนจอร์เจียซึ่งเป็นพันธมิตรของตน โดยเดวิด มิลิแบนด์ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของอังกฤษ ออกมาประณามการที่รัสเซียทิ้งระเบิดใส่เป้าหมายที่อยู่นอกเซาท์ออสซีเชีย และระบุว่าหลายฝ่ายต่างวิตกว่าความรุนแรงจะขยายวงออกไปอีก
ขณะที่บุชกกล่าวว่า เขาได้แสดงความวิตกอย่างยิ่งต่อนายกรัฐมนตรีวลาดิมีร์ ปูติน ต่อ “ความรุนแรงอันไม่อาจยอมรับได้” ในจอร์เจียแล้ว
“ผมบอกกับวลาดิมีร์ ปูตินอย่างชัดเจนมากว่า เราขอประณามอย่างรุนแรงต่อการทิ้งระเบิดนอกเขตเซาท์ออสซีเชีย” บุชบอก
อย่างไรก็ตาม รัสเซียยังไม่มีทีท่าประนีประนอม และได้ยื่นคำขาดให้จอร์เจียถอนกำลังทหาร 1,500 นายที่ประจำการในเขตซุกดิดีใกล้กับจังหวัดอับฮาเซีย ซึ่งเป็นดินแดนที่ต้องการแยกตนเองจากจอร์เจียอีกแห่งหนึ่ง มิฉะนั้นจะถูกโจมตีเช่นกัน แต่จอร์เจียก็ปฏิเสธคำสั่งดังกล่าวทันที
ทั้งนี้ รัสเซียได้เสริมกำลังเข้าไปในอับฮาเซียเกินกว่าระดับปกติ โดยมีทหารพลร่มกว่า 9,000 นายและรถหุ้มเกราะ 350 คันเข้าประจำการ โดยอ้างว่าเพื่อ “ไม่ให้กองกำลังรักษาสันติภาพของรัสเซียประสบเหตุซ้ำรอยแบบเดียวกับที่ซฮินวาลี” และรัสเซียก็ยังส่งกำลังทหารและรถหุ้มเกราะเสริมข้ามชายแดนทางใต้ เข้าสู่ นอร์ทออสซีเชีย ซึ่งเป็นดินแดนของรัสเซียที่ติดกับเซาท์ออสซีเชียในวันจันทร์ด้วยเช่นกัน
ในเวลาต่อมา โทรทัศน์แห่งรัฐของรัสเซีย ยังได้เผยแพร่คำปราศรัยที่นายกรัฐมนตรีปูตินพูดกับบรรดาเจ้าหน้าที่อาวุโสของรัฐบาล โดยเขากล่าวด้วยน้ำเสียงแสดงอารมณ์ความรู้สึกอย่างเข้ม วิพากษ์วิจารณ์สหรัฐฯว่ากำลังช่วยเหลือจอร์เจียในการสู้รบ ด้วยการนำเอากำลังทหารจอร์เจียจากอิรักกลับบ้าน
**ท่าเรือจอร์เจียหลายแห่งลดการทำงาน**
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานจากลอนดอนโดยอ้างเอเยนต์เดินเรือผู้หนึ่งกล่าวว่า ท่าเรือขนถ่ายน้ำมัน ซัปซา ของจอร์เจียเวลานี้สามารถดำเนินงานได้เพียงบางส่วน นอกจากนั้นพวกเรือบรรทุกน้ำมันก็ไม่อาจเข้าไปยังท่าเรืองบาตูมิ ทั้งนี้ ซัปซา และ บาตูมิ ต่างก็เป็นท่ารับน้ำมันจากอาร์เซอร์ไบจาน เพื่อลำเลียงต่อไปยังยุโรปและสหรัฐฯ
นอกจากนั้น จอร์เจียบอกว่า เครื่องบินทิ้งระเบิดของรัสเซียได้โจมตีสร้างความเสียหายให้แก่ท่าเรือ โปตี โดยที่เอเยนต์ผู้นี้กล่าวว่า โปตีต้องหยุดการดำเนินงานโดยสิ้นเชิง
ประธานาธิบดีมีเฮอิล ซาคาชวิลลี ของจอร์เจีย แถลงข่าวกล่าวหารัสเซียในวันจันทร์ว่าพยายามโค่นล้มรัฐบาลของเขา และต้องการเข้าควบคุมเส้นทางขนส่งน้ำมันในภูมิภาคนี้ โดยการเพิ่มกำลังทหารเข้าไปในเขตอับฮาเซีย
ส่วนประธานาธิบดีดมิทรี เมดเวเดฟของรัสเซีย กล่าวว่าปฏิบัติการฟื้นฟูความสงบในเซาท์ออสซีเชียกำลังจะเสร็จสิ้นลงแล้ว และเสนาธิการทหารของรัสเซียสรุปสถานการณ์ว่า การคงกองกำลังไว้ในบริเวณชายแดนของ เซาท์ออสซีเชีย ถือเป็น “หลักการสำคัญ” เมดเวเดฟกล่าวว่ารัสเซียไม่ได้เคลื่อนกำลังออกนอกเขตแดนของเซาท์ออสซีเชียและในอับฮาเซีย อีกทั้งไม่มีเจตนาที่จะรุกคืบเข้าไปในจอร์เจียแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ทั้งจอร์เจียและรัสเซียต่างก็ยังสู้รบกันในวันจันทร์ ท่ามกลางเสียงเรียกร้องสันติภาพจากนานาชาติ โดยจอร์เจียนั้นยิงถล่มเมืองซฮินวาลี เมืองหลวงของเซาท์ออสซีเชียต่อไปแม้ว่าจะประกาศหยุดยิงไปแล้วในวันอาทิตย์ และจอร์เจียยังระบุว่าเครื่องบินของรัสเซียราว 50 ลำ ได้ระดมทิ้งระเบิดใส่เป้าหมายหลายแห่งของจอร์เจียในช่วงกลางคืนที่ผ่านมา ซึ่งมอสโกปฏิเสธ
รัสเซียอ้างว่าฝ่ายตนนั้นสูญเสียเครื่องบินทหารไปสี่ลำและทหารอีก 18 คนนับตั้งแต่เปิดฉากสู้รบกับจอร์เจีย โดยมีทหารอีก 14 คนสูญหายในระหว่างปฏิบัติการและอีก 52 คนได้รับบาดเจ็บ
วิกฤตการณ์ในครั้งนี้กระตุ้นให้โลกตะวันตกตื่นตระหนกเพราะจอร์เจียเป็นเส้นทางขนส่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติสำคัญ และยังมีท่อส่งน้ำมันสำคัญลำเลียงน้ำมันไปยังตลาดยุโรปอีกด้วย ส่วนตลาดการเงินของรัสเซียเองก็ดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบสองปี อีกทั้งราคาน้ำมันก็กลับดีดตัวสูงขึ้นในวันจันทร์ 1 ดอลลาร์ โดยอยู่ที่ระดับ 116.21 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ณ เวลา 11.06 น.จีเอ็มที (18.06 น.เวลาเมืองไทย)
ด้านแบร์นาร์ด คุชเนอร์ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของฝรั่งเศส ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานสหภาพยุโรปตามวาระ ก็ได้เดินทางไปถึงจอร์เจียและได้พบกับประธานาธิบดีซาคาชวิลลีแล้ว และเขาจะเดินทางไปยังมอสโกในเย็นวันจันทร์ โดยประเด็นสำคัญที่สุดสำหรับเขาก็คือ “การถอนกำลังทหารออกไปโดยมีการควบคุมดูแล”
ส่วนอังกฤษกับสหรัฐฯ ต่างก็สนับสนุนจอร์เจียซึ่งเป็นพันธมิตรของตน โดยเดวิด มิลิแบนด์ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของอังกฤษ ออกมาประณามการที่รัสเซียทิ้งระเบิดใส่เป้าหมายที่อยู่นอกเซาท์ออสซีเชีย และระบุว่าหลายฝ่ายต่างวิตกว่าความรุนแรงจะขยายวงออกไปอีก
ขณะที่บุชกกล่าวว่า เขาได้แสดงความวิตกอย่างยิ่งต่อนายกรัฐมนตรีวลาดิมีร์ ปูติน ต่อ “ความรุนแรงอันไม่อาจยอมรับได้” ในจอร์เจียแล้ว
“ผมบอกกับวลาดิมีร์ ปูตินอย่างชัดเจนมากว่า เราขอประณามอย่างรุนแรงต่อการทิ้งระเบิดนอกเขตเซาท์ออสซีเชีย” บุชบอก
อย่างไรก็ตาม รัสเซียยังไม่มีทีท่าประนีประนอม และได้ยื่นคำขาดให้จอร์เจียถอนกำลังทหาร 1,500 นายที่ประจำการในเขตซุกดิดีใกล้กับจังหวัดอับฮาเซีย ซึ่งเป็นดินแดนที่ต้องการแยกตนเองจากจอร์เจียอีกแห่งหนึ่ง มิฉะนั้นจะถูกโจมตีเช่นกัน แต่จอร์เจียก็ปฏิเสธคำสั่งดังกล่าวทันที
ทั้งนี้ รัสเซียได้เสริมกำลังเข้าไปในอับฮาเซียเกินกว่าระดับปกติ โดยมีทหารพลร่มกว่า 9,000 นายและรถหุ้มเกราะ 350 คันเข้าประจำการ โดยอ้างว่าเพื่อ “ไม่ให้กองกำลังรักษาสันติภาพของรัสเซียประสบเหตุซ้ำรอยแบบเดียวกับที่ซฮินวาลี” และรัสเซียก็ยังส่งกำลังทหารและรถหุ้มเกราะเสริมข้ามชายแดนทางใต้ เข้าสู่ นอร์ทออสซีเชีย ซึ่งเป็นดินแดนของรัสเซียที่ติดกับเซาท์ออสซีเชียในวันจันทร์ด้วยเช่นกัน
ในเวลาต่อมา โทรทัศน์แห่งรัฐของรัสเซีย ยังได้เผยแพร่คำปราศรัยที่นายกรัฐมนตรีปูตินพูดกับบรรดาเจ้าหน้าที่อาวุโสของรัฐบาล โดยเขากล่าวด้วยน้ำเสียงแสดงอารมณ์ความรู้สึกอย่างเข้ม วิพากษ์วิจารณ์สหรัฐฯว่ากำลังช่วยเหลือจอร์เจียในการสู้รบ ด้วยการนำเอากำลังทหารจอร์เจียจากอิรักกลับบ้าน
**ท่าเรือจอร์เจียหลายแห่งลดการทำงาน**
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานจากลอนดอนโดยอ้างเอเยนต์เดินเรือผู้หนึ่งกล่าวว่า ท่าเรือขนถ่ายน้ำมัน ซัปซา ของจอร์เจียเวลานี้สามารถดำเนินงานได้เพียงบางส่วน นอกจากนั้นพวกเรือบรรทุกน้ำมันก็ไม่อาจเข้าไปยังท่าเรืองบาตูมิ ทั้งนี้ ซัปซา และ บาตูมิ ต่างก็เป็นท่ารับน้ำมันจากอาร์เซอร์ไบจาน เพื่อลำเลียงต่อไปยังยุโรปและสหรัฐฯ
นอกจากนั้น จอร์เจียบอกว่า เครื่องบินทิ้งระเบิดของรัสเซียได้โจมตีสร้างความเสียหายให้แก่ท่าเรือ โปตี โดยที่เอเยนต์ผู้นี้กล่าวว่า โปตีต้องหยุดการดำเนินงานโดยสิ้นเชิง