00 นาทีนี้ถ้าลองสอบถามคนไทยทั่วประเทศประเภทที่รู้ทัน “คนหน้าเหลี่ยม” และเกลียดเข้ากระดูกดำเปอร์เซ็นต์อาจจะสูสีกันระหว่างให้เป็น “สัมภเวสี” ล่องลอยอยู่ในต่างประเทศ กับการกลับมาติดคุกในเมืองไทยให้สาสมกับความผิด
00 ความคิดแรกหลายคนอาจคิดง่ายๆว่า คนประเภทนี้ถ้าอยู่พ้นหูพ้นตาอยู่ไกลๆ ก็อาจจะดีเหมือนกัน บางทีปัญหาความวุ่นวาย การชักใยต่างๆอาจจะยุติลงไปบ้างก็ได้ แต่ความคิดลักษณะนี้ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขต้องถูกตัดสินจำคุกด้วย อย่างไรก็ดี ยังมีอีกพวกหนึ่งเห็นว่าต้องลากคอมาคิดคุกในเมืองไทยเสียให้เข็ด
00 ถ้าใครที่มีหัวใจเป็นธรรมลองได้อ่านโทรสารคำแก้ตัวของ “แม้ว” ที่ร่อนมาจากลอนดอนอย่างละเอียดรับรองว่า ต้องโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงอย่างแน่นอนและคงคิดไม่ถึงว่าจะเปิดเผย “ธาตุแท้” ออกมาได้ล่อนจ้อนแบบนี้
00 ไม่คิดว่าเมื่อถึงคราวจวนตัว ก็ทำได้ทุกอย่าง แม้กระทั่งเหยียบย่ำทำลายชาติบ้านเมืองของตัวเอง โดยเฉพาะการทำลายกระบวนการศาล ซึ่งถือว่าเป็น “ที่มั่น” สุดท้ายที่ประชาชนยังให้ความเชื่อถือศรัทธา ดังนั้นการทิ้งบอมบ์กล่าวหาว่า “ถูกแทรกแซง” ตัดสินสองมาตรฐาน จนตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม ถือว่าร้ายแรงและให้อภัยกันไม่ได้
00 คิดแค่จะใช้เป็นข้ออ้างสำคัญ นอกเหนือจากเรื่องความไม่ปลอดภัยสำหรับการ “หนีคดีโกงชาติ” ในต่างประเทศเท่านั้น เพราะถ้าพิจารณาหลักเกณฑ์ลักษณะคดีอาญาประเภทนี้ ไม่น่าจะเข้าข่ายการขอลี้ภัยทางการเมือง และที่สำคัญไม่คู่ควรกับคนประเภทนี้เสียด้วย
00 ในคำแก้ตัวแต่ละอย่างล้วนแต่ไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง เป็นแค่เพียงเพื่อเอาตัวรอดเฉพาะหน้าเท่านั้น เพราะถ้าจะอ้างว่า “ศาลไม่ให้ความยุติธรรม” แล้วทำไมถึงเดินเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตั้งแต่ต้น แถมก่อนหน้านี้ทั้งตัวเอง และคนรอบข้างต่างออกมายืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า เชื่อมั่นในศาล แต่มาวันนี้เมื่อเห็นท่าไม่ดี ตัวเองอาจจะติดคุกก็ “หอบลูกเมีย” หลบหนีไปหน้าตาเฉย
00 แต่ที่แสบไปกว่านั้น ก่อนสะบัดก้นหนีไปยัง “เผาบ้าน” ตัวเองเสียยับเยิน เพราะการเที่ยวโพนทะนาว่า ศาลไทยอยุติธรรม ถูกแทรกแซงนั้น เท่ากับว่า กระบวนศาลในบ้านเราด้อยพัฒนา สร้างความสับสนให้กับอานารยประเทศ ทั้งที่ในข้อเท็จจริงแล้วทุกอย่างตรงกันข้าม ยังมีความเชื่อมั่นได้อย่างเต็มร้อย และยังเป็นสถาบันเดียวที่เหลืออยู่ที่สังคมยังให้ความหวังว่า ศาลนี่แหละยัง “พึ่งได้”
00 นอกจากนี้ถ้าพิจารณาในหนังสือคำแก้ตัวแต่ละบรรทัดที่บอกว่า ศาลถูกแทรกแซงนั้น คนหน้าเหลี่ยมคนนี้พยายาม “กล่าวหา” ให้ร้ายใคร เพราะดูเหมือนพยายาม “จงใจ” ให้สังคมเห็นว่า ในบ้านเมืองนี้ยังมี “บางคน” สามารถแทรกแซงศาลได้
00 นี่ยังไม่นับข้ออ้างเรื่องความไม่ปลอดภัย ซึ่งหากพิจารณาให้ดีแล้ว ถ้าคนอย่าง “ทักษิณ ชินวัตร” กับเมีย และคนในครอบครัวไม่มีในประเทศไทยแล้ว จะมีหน้าไหนจะได้รับเล่า เพราะไปไหนแต่ละทีล้วนมีแต่สมุนบริวารทั้งในและนอกเครื่องแบบนับร้อย แถมยังมีรัฐบาล “หุ่นเชิด” เป็นตัวแทนรักษาอำนาจไว้อย่างครบถ้วนอยู่แล้ว จึงฟังไม่ขึ้นด้วยประการทั้งปวง
00 ดังนั้นข้ออ้างทุกสิ่งทุกอย่างของเขาเพียงแค่เอาตัวรอด หนีคุกเท่านั้นเอง ซึ่งก็เหมือนกับคนโกง ตนชั่วส่วนใหญ่ที่ต้องทำแบบนี้ แต่ที่ไม่ธรรมดาและถือว่าอำมหิตอย่างยิ่งก็คือ คนๆนี้ยังทำร้ายประเทศของตัวเองได้มากมายถึงขนาดนี้ !!
00 ความคิดแรกหลายคนอาจคิดง่ายๆว่า คนประเภทนี้ถ้าอยู่พ้นหูพ้นตาอยู่ไกลๆ ก็อาจจะดีเหมือนกัน บางทีปัญหาความวุ่นวาย การชักใยต่างๆอาจจะยุติลงไปบ้างก็ได้ แต่ความคิดลักษณะนี้ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขต้องถูกตัดสินจำคุกด้วย อย่างไรก็ดี ยังมีอีกพวกหนึ่งเห็นว่าต้องลากคอมาคิดคุกในเมืองไทยเสียให้เข็ด
00 ถ้าใครที่มีหัวใจเป็นธรรมลองได้อ่านโทรสารคำแก้ตัวของ “แม้ว” ที่ร่อนมาจากลอนดอนอย่างละเอียดรับรองว่า ต้องโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงอย่างแน่นอนและคงคิดไม่ถึงว่าจะเปิดเผย “ธาตุแท้” ออกมาได้ล่อนจ้อนแบบนี้
00 ไม่คิดว่าเมื่อถึงคราวจวนตัว ก็ทำได้ทุกอย่าง แม้กระทั่งเหยียบย่ำทำลายชาติบ้านเมืองของตัวเอง โดยเฉพาะการทำลายกระบวนการศาล ซึ่งถือว่าเป็น “ที่มั่น” สุดท้ายที่ประชาชนยังให้ความเชื่อถือศรัทธา ดังนั้นการทิ้งบอมบ์กล่าวหาว่า “ถูกแทรกแซง” ตัดสินสองมาตรฐาน จนตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม ถือว่าร้ายแรงและให้อภัยกันไม่ได้
00 คิดแค่จะใช้เป็นข้ออ้างสำคัญ นอกเหนือจากเรื่องความไม่ปลอดภัยสำหรับการ “หนีคดีโกงชาติ” ในต่างประเทศเท่านั้น เพราะถ้าพิจารณาหลักเกณฑ์ลักษณะคดีอาญาประเภทนี้ ไม่น่าจะเข้าข่ายการขอลี้ภัยทางการเมือง และที่สำคัญไม่คู่ควรกับคนประเภทนี้เสียด้วย
00 ในคำแก้ตัวแต่ละอย่างล้วนแต่ไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง เป็นแค่เพียงเพื่อเอาตัวรอดเฉพาะหน้าเท่านั้น เพราะถ้าจะอ้างว่า “ศาลไม่ให้ความยุติธรรม” แล้วทำไมถึงเดินเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตั้งแต่ต้น แถมก่อนหน้านี้ทั้งตัวเอง และคนรอบข้างต่างออกมายืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า เชื่อมั่นในศาล แต่มาวันนี้เมื่อเห็นท่าไม่ดี ตัวเองอาจจะติดคุกก็ “หอบลูกเมีย” หลบหนีไปหน้าตาเฉย
00 แต่ที่แสบไปกว่านั้น ก่อนสะบัดก้นหนีไปยัง “เผาบ้าน” ตัวเองเสียยับเยิน เพราะการเที่ยวโพนทะนาว่า ศาลไทยอยุติธรรม ถูกแทรกแซงนั้น เท่ากับว่า กระบวนศาลในบ้านเราด้อยพัฒนา สร้างความสับสนให้กับอานารยประเทศ ทั้งที่ในข้อเท็จจริงแล้วทุกอย่างตรงกันข้าม ยังมีความเชื่อมั่นได้อย่างเต็มร้อย และยังเป็นสถาบันเดียวที่เหลืออยู่ที่สังคมยังให้ความหวังว่า ศาลนี่แหละยัง “พึ่งได้”
00 นอกจากนี้ถ้าพิจารณาในหนังสือคำแก้ตัวแต่ละบรรทัดที่บอกว่า ศาลถูกแทรกแซงนั้น คนหน้าเหลี่ยมคนนี้พยายาม “กล่าวหา” ให้ร้ายใคร เพราะดูเหมือนพยายาม “จงใจ” ให้สังคมเห็นว่า ในบ้านเมืองนี้ยังมี “บางคน” สามารถแทรกแซงศาลได้
00 นี่ยังไม่นับข้ออ้างเรื่องความไม่ปลอดภัย ซึ่งหากพิจารณาให้ดีแล้ว ถ้าคนอย่าง “ทักษิณ ชินวัตร” กับเมีย และคนในครอบครัวไม่มีในประเทศไทยแล้ว จะมีหน้าไหนจะได้รับเล่า เพราะไปไหนแต่ละทีล้วนมีแต่สมุนบริวารทั้งในและนอกเครื่องแบบนับร้อย แถมยังมีรัฐบาล “หุ่นเชิด” เป็นตัวแทนรักษาอำนาจไว้อย่างครบถ้วนอยู่แล้ว จึงฟังไม่ขึ้นด้วยประการทั้งปวง
00 ดังนั้นข้ออ้างทุกสิ่งทุกอย่างของเขาเพียงแค่เอาตัวรอด หนีคุกเท่านั้นเอง ซึ่งก็เหมือนกับคนโกง ตนชั่วส่วนใหญ่ที่ต้องทำแบบนี้ แต่ที่ไม่ธรรมดาและถือว่าอำมหิตอย่างยิ่งก็คือ คนๆนี้ยังทำร้ายประเทศของตัวเองได้มากมายถึงขนาดนี้ !!