พันธมิตรฯย้ำจุดยืน “แม้ว” ต้องมาขึ้นศาลตามกระบวนการยุติธรรม จี้ รัฐบาล-กระทรวงต่างประเทศ ยกเลิกหนังสือเดินทาง ขณะเดียวกัน เร่งรัดอัยการสูงสุดแสดงท่าทีลากคอกลับมาดำเนินคดีในไทย พร้อมทั้งวัดใจอังกฤษจะคุ้มหัวคนโกงหนีคุกหรือไม่
เมื่อเวลา 18.30 น.วันนี้ (11 ส.ค.) นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขอลี้ภัยทางการเมือง ว่า รัฐบาลอังกฤษ ต้องตอบคำถามให้ได้ว่า การเป็นที่พำนักให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ถูกหมายจับ และต้องข้อหาคดีอาญา เพื่ออะไร เพราะกรณีนี้เป็นการหนีคดี ไม่ใช่การลี้ภัย และเกิดขณะที่ไม่ได้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งหากเป็นวันที่ 19 ก.ย.2549 ที่มีการรัฐประหารก็ว่าไปอย่าง อีกทั้งข้ออ้างก็ฟังไม่ขึ้น รวมทั้งยังทำลายความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรมของไทย ซึ่งอาจเข้าข่ายหมิ่นศาลด้วย ดังนั้น ข้ออ้างจึงเป็นการลวงโลกทั้งสิ้น และเป็นไปไม่ได้ที่ต่างชาติจะไม่รู้สถานการณ์
อย่างไรก็ตาม นายสุริยะใส กล่าวว่า ตนคาดการณ์ว่า ไม่น่าจะมีปัญหาในการนำตัวกลับมารับผิด เพราะมีอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ร.ศ.130 และยังมีอนุสัญญาระหว่างประเทศ เพื่อต่อต้านการคอร์รัปชัน ที่ลงนามทั้งไทย และอังกฤษ ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ก็หนีคดีอาญา ในคดีทุจริตต่อหน้าที่เช่นกัน หากรัฐบาลอังกฤษ เคารพอนุสัญญา ก็คงไม่ต้องดูกฎหมายอื่นอีก ส่งตัวกลับมาได้เลย เว้นแต่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะจ้างล็อบบี้ยิสต์ ซึ่งจะทำให้เราได้รู้ว่ารัฐบาลอักกฤษ ฟังอะไร ระหว่างประชาชน กับล็อบบี้ยิสต์ เพราะอาจกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้ ถ้าหากให้ พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ต่อ ก็ต้องตอบคำถามประชาคมโลกให้ได้ เพราะอังกฤษเคยแลกเปลี่ยนผู้ร้ายกับรัสเซีย ทั้งๆ ที่ไม่มีอนุสัญญามาแล้ว
ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ ย้ำว่า จุดยืนของพันธมิตรฯ ที่เรียกร้องมาตลอด คือ ให้กลับประเทศ เพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แต่วันนี้กลับหนีศาลก็แปลว่าไม่มั่นใจความบริสุทธิ์ของตัวเอง จะขึ้นศาลก็ต่อเมื่อคุมศาลได้ ซึ่งวันนี้คุมไม่ได้ เลยต้องหนี ดังนั้น พันธมิตรฯ จะต้องชุมนุมต่อไป เพื่อขับไล่รัฐบาลที่มาจากระบอบทักษิณ เพราะเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะยังไม่วางมือ และบงการอยู่เบื้องหลัง ดังนั้น รัฐบาลจึงควรนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมา
นายสุริยะใส กล่าวด้วยว่า วันนี้ กระทรวงการต่างประเทศ สามารถเพิกถอนพาสปอร์ต ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เลย เพราะขัดคำสั่งศาล และกระทรวงการต่างประเทศ รวมทั้งอัยการสูงสุด ต้องชี้แจงต่อรัฐบาลอังกฤษ ว่า มีจุดยืนอย่างไร ซึ่งจะต้องปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ ตรงนี้พันธมิตรฯ จะคอยจับตาดู