xs
xsm
sm
md
lg

QHผุดทาวน์เฮาส์2.5ล. หวังเพิ่มกลุ่มระดับล่าง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน - คิวเฮ้าส์ดันบริษัทลูก คาซ่า วิลล์ เปิดเกมรุกตลาดทาวน์เฮาส์ระดับราคาไม่เกิน 2.5 ล้านบาทเป็นครั้งแรก ยึดโซนราชพฤกษ์ ถิ่นที่มีโครงการในกลุ่มแลนด์ฯผุดเป็นดอกเห็ด คาดเปิดขายกลางปีหน้า ยืนยันบ้านหรูยังขายดี เหตุคนเร่งซื้อเพราะกลัวขึ้นราคา ชี้ลูกค้านักธุรกิจส่งออก พลังงานมีกำไรเพียบ พร้อมเปิดแบรนด์ คิว ลุยคอนโดฯหรู ประเดิมโครงการหลังสวน ราคา 2 แสนบาท/ตร.ม.ขึ้นไป ด้านแผนครึ่งปีหลัง เปิด 4 โครงการ มูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท คาด 2 ไตรมาสกวาดยอดขาย 5,000 ล้านบาท มั่นใจปีนี้สามารถกวาดรายได้รวมตามเป้า 12,000 ล้านบาท เติบโต 20%

หลังจากบริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH ธุรกิจอสังหาฯในเครือแลนด์ฯ ได้เปิดเกมรุกตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบ โดยการแจ้งเกิดบริษัท คาซ่า วิลล์ จำกัด ไฟติ๊งแบรนด์น้องใหม่ของบริษัท ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ในการบุกตลาดที่อยู่อาศัยระดับล่าง ราคา 3-7 ล้านบาท เพื่อตอบสนองลูกค้าของคิวเฮาส์ได้ทุกระดับ ขณะเดียวกัน โครงการของคาซ่าฯ ซึ่งมีทั้งบ้านเดี่ยวภายใต้แบรนด์ คาซ่า วิลล์ และทาวน์เฮาส์ แบรนด์ คาซ่า ซิตี้ ยังมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนยอดขายและรายได้ให้แก่บริษัทแม่ได้เร็วขึ้น

นายรัตน์ พานิชพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการบริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ฯ เปิดเผยถึงสถานการณ์ตลาดบ้านหรูว่า เป็นเรื่องน่าแปลกใจที่ภาวะตลาดดีขึ้นมาก ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อเร็วขึ้น จากเดิมลูกค้าจะใช้เวลาเยี่ยมชมโครงการ 4-5 ครั้งจึงตัดสินใจซื้อ แต่ปัจจุบันใช้เวลาเยี่ยมชมโครงการเพียง 2-3 ครั้งเท่านั้น สาเหตุอาจเนื่องมาจากลูกค้าเกรงว่า ราคาบ้านจะปรับเพิ่มสูงขึ้นจากราคาน้ำมันและวัสดุก่อสร้าง

“ในภาวะที่ราคาน้ำมันเพิ่มหลายคนมองว่าเป็นวิกฤต แต่ยังมีบางกลุ่มที่กลับมีรายได้สูงขึ้นจากภาวะนี้ โดยเฉพาะธุรกิจส่งออกชิ้นส่วนรถยนต์ ส่งออกพืชผลทางการเกษตร ธุรกิจพลังงาน ทำให้กลุ่มนี้มีกำลังซื้อเพิ่มสูงมาก นอกจากนี้ยังดูได้จากยอดขายของไตรมาส 2 ที่ปรับเพิ่มสูงขึ้น 20% ส่วนกำไรสุทธิโตขึ้น 40%”

นายรัตน์ กล่าวถึงกลยุทธ์เชิงรุกว่า ทางบริษัทมีแผนการพัฒนาโครงการทาวน์เฮาส์ระดับราคาไม่เกิน 2.5 ล้านบาท ในแบรนด์ คาซ่า ซิตี้ จากเดิมที่พัฒนาในระดับราคาเกินกว่า 3 ล้านบาท โดยขณะนี้ได้ซื้อที่ดินบนถนนราชพฤกษ์-รัตนาธิเบศน์ (อนึ่ง ทำเลดังกล่าว มีโครงการในเครือแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ มีทุกระดับราคา เปิดโครงการอยู่จำนวนมาก รวมถึงสาขาของโฮมโปร ให้บริการอยู่ ) จำนวน 20 ไร่ พัฒนาเป็นทาวน์เฮาส์ ขนาด 20 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 150 ตารางเมตร(ตร.ม.)จำนวน 200 กว่ายูนิต ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะสามารถเปิดขายได้ช่วงกลางปี 2552
“ ที่ผ่านมาเราไม่เคยพัฒนาทาวน์เฮาส์ราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท แต่ตอนนี้เรามีแผนที่จะขยายไปตอนนี้ และกำลังสร้างอยู่ โดยทุกโครงการของบริษัท ยึดคอนเซ็ปต์สร้างเสร็จก่อนขาย ส่วนราคาจะพยายามไม่ให้เกินกว่า 2.5 ล้านบาท”

นายรัตน์ กล่าวถึงกรณีปัญหาการก่อสร้างโครงการคอนโดมิเนียมในซ.หลังสวนว่า เดิมโครงการดังกล่าวขออนุญาตเป็นเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ แต่ได้ปรับเป็นคอนโดมิเนียมเพื่อขาย ปัจจุบันได้ผ่านรับใบอนุญาตก่อสร้างเรียบร้อยร้อย โดยจะใช้แบรนด์ คิว (Q) ซึ่งแบรนด์นี้จะใช้กับคอนโดฯหรู ของคิวเฮ้าส์ต่อไปด้วย โดยโครงการ คิวหลังสวนคาดว่าจะเปิดขายในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า ระดับราคาไม่ต่ำกว่า 2 แสนบาท/ตร.ม.

อย่างไรก็ตาม โครงการ คิว หลังสวน ยังมีปัญหากับผู้รับเหมาซึ่งได้แก่ บริษัท ฑีฆา ก่อสร้าง จำกัด ที่ขาดสภาพคล่อง จนทำให้หยุดการก่อสร้างไป จึงทำให้บริษัทเตรียมที่จะเปลี่ยนผู้รับเหมารายใหม่ แต่ปัจจุบันบริษัท ฑีฆาฯ ได้แก้ปัญหาดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว และสามารถดำเนินการก่อสร้างต่อไปได้ ในส่วนของค่าก่อสร้างนั้น บริษัทได้สั่งซื้อเหล็กล่วงหน้า ทำให้ลดค่าใช้จ่ายไปได้ส่วนหนึ่ง โดยในส่วนของโครงสร้างต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 500-600 ล้านบาท แต่หากใช้ผู้รับเหมารายใหม่อาจทำให้ค่าสร้างเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 20%

สำหรับแนวโน้มยอดขายในช่วงครึ่งปีแรกของปี 51 คาดว่าจะมีรายได้กว่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าผลประกอบการในส่วนรายได้ของไตรมาส 2 จะเติบโตขึ้น 20 % จากไตรมาส 1/2551 ที่มีรายได้ทั้งสิ้น 2,449 ล้านบาท กำไรสุทธิ 306.78 ล้านบาท

ครึ่งปีหลังปูพรมโครงการแบรนด์คาซ่าฯ
 

ส่วนแผนการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทฯ เตรียมเปิดโครงการใหม่อีก 4 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการของบริษัท คาซ่า วิลล์ จำกัด ภายใต้แบรนด์ “คาซ่าวิลล์” 2 โครงการ และ “คาซ่า ซิตี้” 2 โครงการ มูลค่ารวม 3,140 ล้านบาท จากแผนรวมการเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ 11 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 17,420 ล้านบาท ทั้งนี้คาดว่าในสองไตรมาสสุดท้ายของปี 2551 บริษัทฯจะมียอดรับรู้รายได้จากธุรกิจขายบ้านรวมกว่า 5,000 ล้านบาท

จากผลการดำเนินงานที่ผ่านมาดังกล่าว บริษัทฯเชื่อว่าจะสามารถสร้างรายได้ตรงตามเป้าหมายของแผนการดำเนินงานปี 2551 ซึ่งคาดว่าจะมียอดรับรู้รายได้รวม 12,000 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากปี 2550 ประมาณ 20% แบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจขายบ้านของบริษัทควอลิตี้ เฮ้าส์ฯ และบริษัท คาซ่า วิลล์ จำกัด 10,500 ล้านบาท รายได้จากธุรกิจให้เช่าอาคารสำนักงานและเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ จำนวน 1,500 ล้านบาท ทั้งนี้คาดว่าบริษัทฯจะมีอัตราส่วนกำไรสุทธิ 14 % เพิ่มขึ้นจากปี 2550 ที่มีกำไร 10% เนื่องจากในปัจจุบัน โครงการส่วนใหญ่ของบริษัทฯเป็นโครงการใหม่ที่ปรับราคาขายได้ตามต้นทุนจริงที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน รวมทั้งได้ประโยชน์จากการลดหย่อนภาษีการโอนและภาษีธุรกิจเฉพาะด้วย

ดึงเงินออกหุ้นกู้ซื้อที่ดิน-ไถ่ถอน

นอกจากนี้ บริษัทฯคาดว่าจะสามารถออกหุ้นกู้ประมาณ 2,500 -3,000 ล้านบาท อายุหุ้นกู้ 3-4 ปี ภายในเดือนกันยายนนี้ โดยจะนำรายได้จากการขายหุ้นกู้ดังกล่าว ไปใช้ในการซื้อที่ดินใหม่ และชำระคืนหุ้นกู้เดิมที่จะครบกำหนดในปีนี้ 1,500 ล้านบาท และจะครบกำหนดในปีหน้าอีก 2,000 ล้านบาท โดยหุ้นกู้ดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาท ที่ได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้นเมื่อเดือนเมษายน โดยมีอายุไม่เกิน 10 ปี ทั้งนี้ ล่าสุด บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้ประกาศปรับเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดเดิมของบริษัทฯ เป็นระดับ A- จาก BBB+ พร้อมจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 2,500 ล้านบาท ของบริษัทฯที่ระดับ A- ที่แนวโน้ม “Stable” เพื่อแสดงถึงสถานะของภาพลักษณ์แบรนด์สินค้าและบริษัทฯที่แข็งแกร่งขึ้นในตลาดบ้านจัดสรรอีกด้วย

นายรัตน์ กล่าวอีกว่า สำหรับแผนลงทุนที่ โฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม ขณะนี้ได้เข้าไปศึกษาในเชิงลึก โดยมีเจ้าหน้าที่ประจำแล้ว แต่จากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวของเวียดนาม ทำให้ราคาอสังหาฯ ลดลงไปกว่า 30%ซึ่งเป็นความโชคดีของบริษัทที่ยังไม่ได้ซื้อสินทรัพย์เข้ามา และเป็นโอกาสที่ดีที่จะสามารถซื้ออสังหาฯดีๆ ได้ในราคาต่ำ

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการตอกย้ำและสร้างความแข็งแกร่งให้แก่แบรนด์ของบริษัทฯ รวมทั้งสร้างการรับรู้ในด้าน Corporate Image เพื่อขยายฐานกลุ่มลูกค้าให้รู้จักบริษัทฯมากยิ่งขึ้น ล่าสุด บริษัทฯ ได้ทุ่มงบประมาณด้านสื่อโฆษณาทางโทรทัศน์เพื่อผลิตภาพยนตร์โฆษณาชุด Swim ภายใต้ Concept “คุณภาพ..เราพัฒนาอย่างต่อเนื่อง” โดยการทำแคมเปญผ่านสื่อโฆษณาทางโทรทัศน์ในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกของบริษัทฯ ที่ได้มีการทุ่มงบประมาณเพื่อการสร้างแบรนด์ผ่านสื่อ TV

โดยภาพยนตร์โฆษณาชิ้นนี้ ได้เริ่มออกอากาศไปแล้วตั้งแต่วันที่ 14 กรกฎาคมที่ผ่านมาและจะออกอากาศต่อเนื่องเป็นระยะเวลาประมาณ 2 เดือน นอกจากนี้ยังมีสื่อนิตยสาร เพื่อเพิ่มช่องทางการรับรู้ให้แก่กลุ่มเป้าหมายอีกด้วย ทั้งนี้ ด้านรายละเอียดงบประมาณด้านการโฆษณาของบริษัทฯ ในปี 2551 บริษัทฯได้ทุ่มงบประมาณเพิ่มขึ้นจากปี 2550 กว่า 100 ล้านบาท ซึ่งจากการทุ่มงบด้านโฆษณาที่สูงขึ้นดังกล่าวเชื่อว่าจะส่งผลให้บริษัทฯสามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ได้ ทั้งในด้านภาพลักษณ์และด้านการตลาด
กำลังโหลดความคิดเห็น