ที่กระทรวงมหาดไทย เมื่อวานนี้ (6ส.ค.) บรรยากาศการต้อนรับ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย (มท.1) พร้อมด้วย นายประสงค์ โฆษิตานนท์ รมช.หาดไทย (มท.3) เป็นไปอย่างเรียบง่าย โดยมีนายสุพล ฟองงาม รมช.มหาดไทย (มท.2) พร้อมด้วยข้าราชการะดับสูงของกระทรวงฯ คอยให้การต้อนรับ นอกจากนี้ยังมีกลุ่ม ส.ส.ในกลุ่มเพื่อนเนวิน อาทิ นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกพรรคพลังประชาชน ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นโฆษกประจำกระทรวงฯ มาร่วมแสดงความยินดีด้วย
เมื่อ พล.ต.อ.โกวิทได้เดินทางมาถึง ก็เข้ามาทักทายข้าราชการ ก่อนเดินไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง ก่อนมอบนโยบายแก่ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ผ่านระบบวีโอคอนเฟอเร็นซ์ โดยได้มอบนโยบายเร่งด่วน คือการสร้างความสามัคคีของคนในชาติ ลดการเผชิญหน้า และใช้มาตรการทางกฎหมาย เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยอย่างเคร่งครัด
ส่วนการแก้ไขปัญหาความยากจนก็จะเร่งสำรวจที่ดินรกร้างว่างเปล่า ทั้งที่ดินของรัฐ ที่ดินของเอกชน และที่ดินสาธารณประโยชน์ทั่วประเทศ เพื่อจัดทำแผนการใช้ประโยชน์ ให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงสุด โดยจะเพิ่มโอกาสการมีที่ดินทำกินให้กับประชาชนด้วย
ส่วนนโยบายการปราบปรามผู้มีอิทธิพลนั้น จะสร้างแนวร่วมประชาชนเพื่อทำลายความเข้มแข็งของผู้มีอิทธิพล โดยใช้มาตรการทางสังคม กดดัน ไม่ต้อนรับ ไม่คบค้าสมาคม ควบคู่กับการใช้มาตรการทางกฎหมาย
"กระทรวงมหาดไทยจะยกระดับการปราบปรามขบวนการค้ายาเสพติด เป็นการทำสงครามกับยาเสพติด โดยสร้างแนวร่วมประชาชนเป็นเครือข่ายป้องกัน กดดัน และต่อต้านการค้ายาเสพติด และจะใช้มาตรการทางสังคมควบคู่กับการใช้กฎหมายกดดัน"
พล.ต.อ.โกวิท กล่าวด้วยว่า ขณะนี้รัฐบาลมีความจำเป็นต้องขอกำลังตำรวจเพื่อรักษาความสงบ แก้ปัญหาความรุนแรง ปัญหาการทำผิดกฎหมาย ดังนั้นในการประชุมกระทรวงฯ ครั้งต่อไป ต้องขอความร่วมมือ ผู้ว่าราชการจังหวัด ให้เชิญผู้บังคับการตำรวจภูธรในพื้นที่เข้ามานั่งข้างๆ เพื่อสะดวกต่อการสั่งการ เพราะหากมีปัญหาอะไร ก็จะได้ช่วยกัน
ต่อมา พล.ต.อ.โกวิท ได้แถลงกับสื่อมวลชนหลังมอบนโยบายการทำงานให้กับข้าราชการกระทรวงมหาดไทย ว่า ตนได้เซ็นแบ่งงานไปเรียบร้อยแล้ว โดยได้สานงานต่อจาก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีต รมว.มหาดไทย ซึ่งรมช.มหาดไทย ทั้ง 2 คน ยังจะดูแลงานตามเดิมที่เคยได้รับมอบหมาย
พล.ต.อ.โกวิท กล่าวถึงการตอบคำถามสื่อมวลชนว่า จะมอบหมายนาย ศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกพรรคพลังประชาชน และ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ทำหน้าที่เป็นโฆษกกระทรวงฯ ทำหน้าที่นัดหมายชี้แจงต่อสื่อแทน ส่วนตนอาจจะให้สัมภาษณ์สื่อสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เท่านั้น
"ผมจะไม่ตอบคำถามที่บ้าน หรือทางโทรศัพท์ ไม่ว่า เรื่องใดๆทั้งสิ้น ขอให้สื่อมวลชนรออยู่ข้างนอกห้องทำงาน ถ้าผมสะดวกจะมาพูดคุยด้วยเอง ไม่ว่าเรื่องการเมือง หรือเรื่องต่างๆ เพราะกลัวจะเกิดความเข้าใจผิด ถ้าผมยิ้มหรือไม่ตอบคำถาม สื่อก็อย่าบังคับให้ตอบคำถามก็แล้วกัน ต้องขออภัยด้วย" พล.ต.อ.โกวิท กล่าว
สำหรับกรณีที่ พล.ต.ท.นิสสัย บุญ ศิริ ได้ไปยื่นฟ้อง พล.ต.อ.โกวิท สมัยดำรงตำแหน่งเป็น ผบ.ตร. ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ แล้วศาลได้พิพากษาจำคุก 1 ปี แต่ให้รอลงอาญา 2 ปี จะกระทบต่อการทำหน้าที่หรือไม่นั้น รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ไม่มีอะไร ไม่ผิดกฎหมาย เพราะสมัยเป็น ผบ.ตร. ได้ทำตามระเบียบ ตามกฎหมายอยู่แล้ว เรื่องนี้เป็นการตีความกฎหมายที่มองคนละมุม ซึ่งนักกฎหมายหลายคนได้บอกว่า ทำถูก เรื่องนี้ยังไม่จบ แต่เป็นเพียงการรอลงอาญาไว้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.โกวิท มีกำหนดการเดินทางไป 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในวันที่ 7-8 ส.ค.นี้ โดยจะเดินทางเครื่องบินกาซ่าของตำรวจ ในเวลา 07.00 น. เพื่อไปจ.นราธิวาส และขึ้นเฮลิคอปเตอร์ ไปตรวจเยี่ยม ศปก.ตร. ส่วนหน้า ที่ จ.ยะลา พร้อมตรวจเยี่ยมศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอบต.) ทั้งนี้ไม่ได้นำคณะสื่อมวลชนร่วมลงพื้นที่แต่อย่างใด
ต่อมาเวลา 15.00 น. พล.ต.อ.โกวิท ได้เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ทั้งน้ พล.ต.อ.โกวิท ยังปฏิเสธข่าว ที่ว่า การเป็นรองนายกฯ ก็เพื่อเตรียมตัวเป็นนายกฯ ตัวสำรองว่า "ไม่มี ไม่มี"
ด้านนายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงแนวการทำงานของพล.ต.อ.โกวิท ที่ห้ามสื่อมวลชนไปพบที่บ้านพักและห้ามโทรศัพท์ไปหา รวมทั้งจะให้สื่อมวลชนสัมภาษณ์สัปดาห์ละ 1-2 ครั้งเท่านั้นว่า แค่เริ่มต้นการปฏิบัติหน้าที่ ก็ทำตัวเป็นอุปสรรค ระหว่างตัวรัฐมนตรี กับสื่อมวลชน ทั้งนี้ มท.1 มีบทบาทสำคัญเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ละวัน ดังนั้นน่าจะใช้ช่องทาง สื่อสารกับประชาชนโดยผ่านสื่อมวลชน น่าจะดีที่สุด ตนอยากถามว่า การห้ามไม่ให้สื่อไปพบที่บ้าน แล้ว มท.1 จะให้ใครไปพบได้ จะให้เฉพาะพ่อค้า ผู้รับเหมา หรือข้าราชการที่ไปวิ่งเต้นตำแหน่ง ไปพบได้ใช่หรือไม่
"จริงๆแล้วมท.1 ไม่น่าจะเข้มงวดการทำหน้าที่ของตนเอง กับสื่อมากเกินไป หากมองสื่อเป็นศัตรูตั้งแต่เริ่มปฏิบัติหน้าที่ เกรงว่าจะเกิดปัญหาการทำงานในระยะยาว ไม่อยากให้ มท.1 ทำตัวเลียนแบบนายกฯ ที่มีพฤติกรรมรังเกียจสื่อ และตั้งตนเป็นศัตรูกับสื่อตลอดชีวิต" นายเทพไท กล่าว
เมื่อ พล.ต.อ.โกวิทได้เดินทางมาถึง ก็เข้ามาทักทายข้าราชการ ก่อนเดินไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง ก่อนมอบนโยบายแก่ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ผ่านระบบวีโอคอนเฟอเร็นซ์ โดยได้มอบนโยบายเร่งด่วน คือการสร้างความสามัคคีของคนในชาติ ลดการเผชิญหน้า และใช้มาตรการทางกฎหมาย เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยอย่างเคร่งครัด
ส่วนการแก้ไขปัญหาความยากจนก็จะเร่งสำรวจที่ดินรกร้างว่างเปล่า ทั้งที่ดินของรัฐ ที่ดินของเอกชน และที่ดินสาธารณประโยชน์ทั่วประเทศ เพื่อจัดทำแผนการใช้ประโยชน์ ให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงสุด โดยจะเพิ่มโอกาสการมีที่ดินทำกินให้กับประชาชนด้วย
ส่วนนโยบายการปราบปรามผู้มีอิทธิพลนั้น จะสร้างแนวร่วมประชาชนเพื่อทำลายความเข้มแข็งของผู้มีอิทธิพล โดยใช้มาตรการทางสังคม กดดัน ไม่ต้อนรับ ไม่คบค้าสมาคม ควบคู่กับการใช้มาตรการทางกฎหมาย
"กระทรวงมหาดไทยจะยกระดับการปราบปรามขบวนการค้ายาเสพติด เป็นการทำสงครามกับยาเสพติด โดยสร้างแนวร่วมประชาชนเป็นเครือข่ายป้องกัน กดดัน และต่อต้านการค้ายาเสพติด และจะใช้มาตรการทางสังคมควบคู่กับการใช้กฎหมายกดดัน"
พล.ต.อ.โกวิท กล่าวด้วยว่า ขณะนี้รัฐบาลมีความจำเป็นต้องขอกำลังตำรวจเพื่อรักษาความสงบ แก้ปัญหาความรุนแรง ปัญหาการทำผิดกฎหมาย ดังนั้นในการประชุมกระทรวงฯ ครั้งต่อไป ต้องขอความร่วมมือ ผู้ว่าราชการจังหวัด ให้เชิญผู้บังคับการตำรวจภูธรในพื้นที่เข้ามานั่งข้างๆ เพื่อสะดวกต่อการสั่งการ เพราะหากมีปัญหาอะไร ก็จะได้ช่วยกัน
ต่อมา พล.ต.อ.โกวิท ได้แถลงกับสื่อมวลชนหลังมอบนโยบายการทำงานให้กับข้าราชการกระทรวงมหาดไทย ว่า ตนได้เซ็นแบ่งงานไปเรียบร้อยแล้ว โดยได้สานงานต่อจาก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีต รมว.มหาดไทย ซึ่งรมช.มหาดไทย ทั้ง 2 คน ยังจะดูแลงานตามเดิมที่เคยได้รับมอบหมาย
พล.ต.อ.โกวิท กล่าวถึงการตอบคำถามสื่อมวลชนว่า จะมอบหมายนาย ศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกพรรคพลังประชาชน และ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ทำหน้าที่เป็นโฆษกกระทรวงฯ ทำหน้าที่นัดหมายชี้แจงต่อสื่อแทน ส่วนตนอาจจะให้สัมภาษณ์สื่อสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เท่านั้น
"ผมจะไม่ตอบคำถามที่บ้าน หรือทางโทรศัพท์ ไม่ว่า เรื่องใดๆทั้งสิ้น ขอให้สื่อมวลชนรออยู่ข้างนอกห้องทำงาน ถ้าผมสะดวกจะมาพูดคุยด้วยเอง ไม่ว่าเรื่องการเมือง หรือเรื่องต่างๆ เพราะกลัวจะเกิดความเข้าใจผิด ถ้าผมยิ้มหรือไม่ตอบคำถาม สื่อก็อย่าบังคับให้ตอบคำถามก็แล้วกัน ต้องขออภัยด้วย" พล.ต.อ.โกวิท กล่าว
สำหรับกรณีที่ พล.ต.ท.นิสสัย บุญ ศิริ ได้ไปยื่นฟ้อง พล.ต.อ.โกวิท สมัยดำรงตำแหน่งเป็น ผบ.ตร. ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ แล้วศาลได้พิพากษาจำคุก 1 ปี แต่ให้รอลงอาญา 2 ปี จะกระทบต่อการทำหน้าที่หรือไม่นั้น รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ไม่มีอะไร ไม่ผิดกฎหมาย เพราะสมัยเป็น ผบ.ตร. ได้ทำตามระเบียบ ตามกฎหมายอยู่แล้ว เรื่องนี้เป็นการตีความกฎหมายที่มองคนละมุม ซึ่งนักกฎหมายหลายคนได้บอกว่า ทำถูก เรื่องนี้ยังไม่จบ แต่เป็นเพียงการรอลงอาญาไว้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.โกวิท มีกำหนดการเดินทางไป 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในวันที่ 7-8 ส.ค.นี้ โดยจะเดินทางเครื่องบินกาซ่าของตำรวจ ในเวลา 07.00 น. เพื่อไปจ.นราธิวาส และขึ้นเฮลิคอปเตอร์ ไปตรวจเยี่ยม ศปก.ตร. ส่วนหน้า ที่ จ.ยะลา พร้อมตรวจเยี่ยมศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอบต.) ทั้งนี้ไม่ได้นำคณะสื่อมวลชนร่วมลงพื้นที่แต่อย่างใด
ต่อมาเวลา 15.00 น. พล.ต.อ.โกวิท ได้เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ทั้งน้ พล.ต.อ.โกวิท ยังปฏิเสธข่าว ที่ว่า การเป็นรองนายกฯ ก็เพื่อเตรียมตัวเป็นนายกฯ ตัวสำรองว่า "ไม่มี ไม่มี"
ด้านนายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงแนวการทำงานของพล.ต.อ.โกวิท ที่ห้ามสื่อมวลชนไปพบที่บ้านพักและห้ามโทรศัพท์ไปหา รวมทั้งจะให้สื่อมวลชนสัมภาษณ์สัปดาห์ละ 1-2 ครั้งเท่านั้นว่า แค่เริ่มต้นการปฏิบัติหน้าที่ ก็ทำตัวเป็นอุปสรรค ระหว่างตัวรัฐมนตรี กับสื่อมวลชน ทั้งนี้ มท.1 มีบทบาทสำคัญเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ละวัน ดังนั้นน่าจะใช้ช่องทาง สื่อสารกับประชาชนโดยผ่านสื่อมวลชน น่าจะดีที่สุด ตนอยากถามว่า การห้ามไม่ให้สื่อไปพบที่บ้าน แล้ว มท.1 จะให้ใครไปพบได้ จะให้เฉพาะพ่อค้า ผู้รับเหมา หรือข้าราชการที่ไปวิ่งเต้นตำแหน่ง ไปพบได้ใช่หรือไม่
"จริงๆแล้วมท.1 ไม่น่าจะเข้มงวดการทำหน้าที่ของตนเอง กับสื่อมากเกินไป หากมองสื่อเป็นศัตรูตั้งแต่เริ่มปฏิบัติหน้าที่ เกรงว่าจะเกิดปัญหาการทำงานในระยะยาว ไม่อยากให้ มท.1 ทำตัวเลียนแบบนายกฯ ที่มีพฤติกรรมรังเกียจสื่อ และตั้งตนเป็นศัตรูกับสื่อตลอดชีวิต" นายเทพไท กล่าว
