xs
xsm
sm
md
lg

แฉลิ่วล้อ"ยี้ห้อย"จ้าง นปก.เข้ากรุงป่วนพันธมิตร10ส.ค.นี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กลุ่ม นปก.กาฬสินธุ์ที่ได้รับเงินค่าจ้างจาก ส.ส.ในระบอบยี้ห้อย เตรียมระดมกำลังคนเข้ากรุงเทพฯ เพื่อหวังป่วนเวทีพันธมิตรฯที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ครั้งใหญ่ในวันที่ 10 ส.ค.ที่จะถึงนี้เพื่อหวังผลให้เกิดสถานการณ์รุนแรงขึ้น
ศูนย์ข่าวภูมิภาค - แฉเครือข่าย ส.ส.กาฬสินธุ์ทาส "ยี้ห้อย" รับเงินปากผีเกณฑ์บรรดาทาส นปก.กาฬสินธุ์ที่ยังไม่ตื่น "ซื้อขาดจ่ายสดหัวละ 700" ส่งเข้าป่วนกรุงเทพฯ 10 สิงหาคมนี้หวังให้เกิดการปะทะใหญ่กับกลุ่มพันธมิตรฯเพื่อสร้างสถานการณ์นำไปสู่การปฏิวัติที่จะเห็นหนทางเดียวที่จะทำให้นายใหญ่พ้นผิด ขณะที่ตำรวจบุรีรัมย์เร่งสอบ 12 ผู้ต้องหาผู้บงการทำลายเวทีพันธมิตรฯ ด้าน "เทพไท" อัด "สมัคร" ลวงสังคมโยนผิดพันธมิตรฯขวางแก้ ม.63 รอนสิทธิชุมนุม แนะสังเกตทำเป็นขบวนการเป็นขั้นตอนแล้วให้สมุน-3 เกลอหัวกลมรับลูกขยายผล

หลังจากที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจังหวัดกาฬสินธุ์ เปิดตัวอย่างเป็นทางการโดยมีกลุ่มทนายความ ประชาชน พ่อค้า คหบดีภายในจังหวัดกาฬสินธุ์แสดงตัวเป็นกลุ่มพันธมิตรฯ พร้อมดำเนินการจัดตั้งเวทีพันธมิตรฯในเขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ใกล้กับบริเวณอนสาวรีย์พระยาชัยสุนทร เจ้าเมืองกาฬสินธุ์ จนหวิดที่จะมีการปะทะกันขึ้น เนื่องจากกลุ่ม นปก.กาฬสินธุ์ ที่นำโดย ส.ส.กาฬสินธุ์ พรรคพลังประชาชน (พปช.) ทั้ง 6 คน ประกอบด้วยนายพีระเพชร ศิริกุล, นายประเสริฐ์ บุญเรือง, นายวีระวัฒน์ โอสถานุเคราะห์, นายนิพนธ์ ศรีธเรศ, นางบุญรื่น ศรีธเรศ และนายคมกฤช หรือเงิน ไชยศิวามงคล ได้ให้นายสำรอง โพธิ์ซก นำชาวบ้านอำเภอห้วยเม็กประมาณ 200 คน เคลื่อนไหวต้านการจัดเวทีและขับไล่พันธมิตรฯอย่างหนัก

โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมากลุ่มพันธมิตรฯกาฬสินธุ์ ยังคงดำเนินการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ด้วยการจัดส่งตัวแทนชาวกาฬสินธุ์สลับผลัดเปลี่ยนเดินทางไปร่วมชุมนุมที่เวทีสะพานมัฆวานฯ กรุงเทพฯ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้กำลังใจกลุ่มพันธมิตรฯอย่างเต็มที่ โดยไม่หวั่นเกรงอิทธิพลใดๆ

ทุ่มจ้างนปก.เข้าป่วน พธม.10 ส.ค.

ล่าสุดวานนี้ (5 ส.ค.) มีรายงานจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้แจ้งว่า ขณะนี้ในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ได้มีความพยายามในการเคลื่อนไหวของกลุ่ม ส.ส.พรรคพลังประชาชน (พปช.) ในทุกพื้นที่ของภาคอีสานที่เป็นกลุ่มของนายเนวิน ชิดชอบ โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์พบว่า ในเขตอำเภอยางตลาด มีความพยายามปลุกปั่นให้ประชาชนเกลียดชังกลุ่มพันธมิตรฯและยังเตรียมกำลังจำนวนมาก ที่จะนำประชาชนเข้าไปร่วมชุมนุมกับ นปช.ที่กรุงเทพฯโดยจ้างวานกันถึงหัวละ 700 บาท

"ถือเป็นการเคลื่อนไหวที่รุนแรงและคาดว่าน่าจะเป็นครั้งสุดท้าย เนื่องจากผลจากคำตัดสินของศาลว่า คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีความผิดจากการโกงภาษี คำพิพากษาดังกล่าวทำให้คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ต้องถูกศาลพิพากษาสั่งจำคุก 3 ปีและมีผลสืบเนื่องไปจนถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ที่จะต้องขึ้นศาลฎีกา แผนกคดีอาญาทางการเมืองในเร็ว ๆ นี้ด้วย ทำให้บรรดาลิ่วล้อของระบอบทักษิณ ต้องออกมาเคลื่อนไหวเพื่อกดดันและสร้างสถานการณ์ขึ้น โดยได้เตรียมประชาชนที่จะเข้าไปชุมนุม เพื่อก่อให้เกิดเหตุการณ์และปะทะกับกลุ่มพันธมิตรฯขึ้น เพื่อที่จะอาศัยจังหวะดังกล่าวให้เกิดการปฏิวัติยึดอำนาจ" ปแล่งข่าวผู้นี้เผย

แหล่งข่าวคนเดิมเผยต่อว่า นอกจากการปลุกระดุมให้ประชาชนเกลียดชังกลุ่มพันธมิตรประชานเพื่อประชาธิปไตยแล้ว ยังปลุกระดมให้ประชาชนเกลียดชังสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม "เอเอสทีวี" และส่งเสริมให้รับชม "พีทีวี" แทน โดยบรรดา ส.ส.กาฬสินธุ์จะออกเดินสายพูดในเรื่องที่ขัดกับหลักความจริงในการชุมนุม โดยอ้างว่าการชุมนุมของพันธมิตรฯเป็นการชุมนุมด้วยการว่าจ้างของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ที่เกลียดชัง พ.ต.ท.ทักษิณ อาศัยพื้นที่ไกลปืนเที่ยงที่ประชาชนไม่มีสื่อ "เอเอสทีวี" แล้วจะเข้าไปปลุกปั่นอยู่ตลอดเวลา

ส่วนพฤติกรรมการปลุกปั่นจะแบ่งออกได้เป็น 3 วิธี คือ ประการแรกบรรดา ส.ส.จะขยันลงพื้นที่แล้วจะทำการปราศรัยโจมตีพันธมิตรฯ ประการต่อมาปราศรัยโยนความผิดให้แกนนำพันธมิตรฯว่า เป็นกลุ่มที่ทำให้เศรษฐกิจพังทลายและประการสุดท้าย จะส่งน้ำเลี้ยงให้แก่หัวคะแนนที่คอยป้องกันพันธมิตรฯที่จะเข้าไปแจ้งข่าวที่ถูกต้อง

อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า ปัญหาการปลุกปั่นเพื่อเตรียมส่งประชาชนเข้าไปร่วมชุมนุมที่กรุงเทพฯได้เตรียมการมานานแล้ว โดยอาศัยบรรดาหัวคะแนนของ ส.ส.ทั้งมี ส.อบจ.บางคนที่เข้าไปร่วมกันอย่างเป็นระบบ ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวดังกล่าวจะอยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์ทั้งสิ้น โดยเลือกเอา อบจ.กาฬสินธุ์ เป็นเส้นทางผ่านของงบประมาณที่มีการจัดสรรอย่างลับๆลงไปยังพื้นที่ของกาฬสินธุ์

ตร.บุรีรัมย์เร่งสอบแก๊งป่วน พธม.

วันเดียวกันที่ จ.บุรีรัมย์ เวลา 15.00 น. พล.ต.ต.ประสิทธิ์ ทำดี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) บุรีรัมย์, พ.ต.อ.วิชัย สังข์ประไพ รอง ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ และ พ.ต.อ.พัชระ จันทบาล รอง ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ ได้เรียกประชุมพนักงานสอบสวนคดีม็อบทำร้ายตำรวจบาดเจ็บ 17 นาย และทุบทำลายรื้อเวทีปราศรัยของกลุ่มพิทักษ์เมืองบุรีรัมย์ และเครือข่ายพันธมิตรฯบุรีรัมย์เมื่อวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา เพื่อติดตามความคืบหน้าคดี

หลังจากที่ได้เรียกพยานสอบปากคำเพิ่มเติม โดยมีผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมทั้งหมด 12 คนและเพื่อสาวถึงตัวผู้บงการ หลังจากที่นายโสภณ เพชรสว่าง แกนนำกลุ่มพิทักษ์เมืองบุรีรัมย์ นายศรีเมือง วัฒนาชีพ เครือข่ายพลังแผ่นดิน นายแสวง เพ็งศรี อดีตสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) บุรีรัมย์ และเครือข่ายพันธมิตรฯได้เข้าให้การเพิ่มเติมต่อพนักงานสอบสวน โดยระบุรายชื่อผู้อยู่เบื้องหลังม็อบต่อต้านพันธมิตรฯเพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี ซึ่งจากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีเป็นอย่างมาก

ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ระบุว่า การสืบสวนสอบสวนคดีดังกล่าวจะให้ความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย และยืนยันว่าไม่มีกลุ่มการเมืองใดเข้ามากดดันการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจจนทำให้เสียรูปคดี และขณะนี้พนักงานสอบสวนก็ได้สรุปสำนวน รวบรวมข้อมูลหลักฐานไปมากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์แล้ว คาดว่าจะสามารถสรุปสำนวน รวบรวมหลักฐานส่งอัยการจังหวัดเพื่อพิจารณาสั่งฟ้องได้ในเร็วๆ นี้

พันธมิตรฯสระบุรีเปิดเวที14ส.ค.

ด้านแกนนำพันธมิตรฯสระบุรี เปิดเผยว่า วันที่ 14 ส.ค.ที่จะถึงนี้ตั้งแต่เวลา 16.00 น.เป็นต้นไปที่บริเวณสถานีรถไฟจังหวัดสระบุรี ทางกลุ่มพันธมิตรฯสระบุรี ได้กำหนดจัดเวทีใหญ่คู่ขนานการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มพันธมิตรฯที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ กรุงเทพฯ โดยการจัดเวทีคู่ขนานครั้งนี้ทางพันธมิตรฯจากส่วนกลางจะเดินทางมาร่วมชุมนุมด้วย เช่น นายสมศักดิ์ โกศัยสุข และนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นอกจากนี้ยังมีการแสดงของวงดนตรี "ซูซู" มาให้ความบันเทิงอีกด้วย

ดังนั้น พันธมิตรฯสระบุรี จึงประกาศขอเชิญชวนสมาชิกพันธมิตรฯ ในจังหวัดสระบุรีและใกล้เคียง ได้เข้าร่วมการชุนนุมในครั้งนี้อย่างพร้อมเพรียงด้วยเพื่อแสดงพลังขับไล่รัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติของนายสมัคร สุนทรเวช

"เทพไท"อัด"หมัก"ลวงสังคม

วันเดียวกันที่ จ.นครศรีธรรมราช นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเรื่องมาตรา 63 ในรัฐธรรมนูญที่เปิดประเด็นการแก้ไขโดยนายสมัคร สุนทรเวชว่า เป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดว่า จะมีการแก้ไข มาตรานี้เป็นพื้นฐานของประเทศประชาธิปไตยทั่วโลกกับสิทธิเสรีภาพของประชาชน แต่นายกรัฐมนตรีหยิบเรื่องนี้มาพูด และปั้นเรื่องว่าเป็นความคิดพันธมิตรฯที่เกรงกลัวการแก้มาตรา 63 ทั้งที่เรื่องนี้ นายสมัคร คิดเอง พูดเอง แล้วโยนความผิดให้พันธมิตรฯ

สังเกตให้ดีจะมีขบวนการในรัฐบาลขานรับ และขยายผลไปอย่างต่อเนื่อง เหมือนกับเช่นหลายเรื่องที่เปิดแล้วให้สมุนลิ่วล้อขยายผล ทั้งเรื่อง ป.ป.ช. กกต.รวมไปถึงเรื่องมาตรา 63 ซึ่งชัดเจนว่าคิดกันมาก่อนแล้วอย่างเป็นระบบ หลังจาก นายสมัคร เปิดประเด็น รายการ 3 เกลอหัวกลมขานรับขยายผล และมีสมาชิกพลังประชาชนยื่นร่าง พ.ร.บ.ต่อสภาในวันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา ย่อมมีการเตรียมการก่อนหน้านั้น แต่ไม่มีโอกาสนายกฯหาโอกาสจุดประกายไม่ได้ จึงใช้รายการส่วนตัวในวันอาทิตย์เปิดประเด็น

"เป็นพฤติกรรมอำพราง และบ่ายเบี่ยงจุดสนใจของประชาชน ให้เห็นว่า เป็นเรื่องกลุ่มที่มีความขัดแย้งในสังคมเรื่องของเป้าหมายที่แตกต่างกัน ซึ่งพันธมิตรฯกลัวการแก้มาตรา 63 และพยายามเคลื่อนไหวให้เห็นว่าคัดค้านการแก้มาตรา 190, 237 และ 309 ความเคลื่อนไหวที่ผ่านมาตรา 63 ไม่เคยมีใครหยิบมาเป็นประเด็น ทุกฝ่ายมีจุดยืนร่วมกันคือคัดค้านการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อพวกพ้อง เพื่อให้พรรคการเมืองพ้นผิด ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ พ้นผิด คือ การแก้ มาตรา 190, 237 และ 309 เป็นหลัก"

นายเทพไท กล่าวต่อว่า ถือเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจของสังคม เปิดเกมรุกไปที่กลุ่มพันธมิตรฯ เพื่อลวงให้สังคมเห็นว่าพันธมิตรฯ เคลื่อนไหวเพื่อตนเองและสิทธิเสรีภาพของตนเองในการคัดค้านให้รัฐบาลแก้มาตรา 63 แต่เมื่อดูเนื้อหาที่รัฐบาลจะแก้ที่นายกรัฐมนตรีกำกับให้โฆษกรัฐบาลอ่านเมื่อวันที่ 4 ส.ค.เห็นได้ว่า ได้มีการเปลี่ยนคำพูดเปลี่ยนเนื้อหามาตรานี้ไว้ก่อนแล้ว ดูเหมือนว่าเป็นความภาคภูมิใจของนายกฯ ที่ได้นำร่างมาตรา 63 มาเปิดเผย

ทั้งนี้ เชื่อว่าถ้านายกรัฐมนตรีหยิบเรื่องนี้มาแก้ไข ไม่เพียงแต่ได้รับการคัดค้านจากคนทั้งประเทศ แต่เชื่อว่าองค์กรสากลจะไม่ยอม เพราะเนื้อหานั้นเน้นไปถึงการขออนุญาตการพูดในข้อเท็จจริง การห้ามถ่ายทอดเผยแพร่ถือเป็นการขัดสิทธิขั้นพื้นฐานอย่างร้ายแรง การห้ามประชาชนพูดในข้อความเป็นเท็จ ไม่มีหลักที่จะพิสูจน์ได้ นอกจากศาล หรือจะเคลื่อนไหวโดยนำประเด็นไปให้ศาลพิจารณาก่อนจะเหมาะสมหรือไม่ ไม่สามารถเป็นจริงในทางปฏิบัติได้
กำลังโหลดความคิดเห็น