00 ได้เห็นโฉมหน้าชัดๆ กันไปแล้ว สำหรับคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ส่วนใหญ่ก็เป็นไปตามโผ สำหรับหน้าตาแต่ละคนนั้นอย่าว่าแต่ “ขี้เหร่” เลย เพราะน้อยไป ต้องเรียกว่าเข้าขั้น “อัปลักษณ์” กันเลยทีเดียว แต่แม้ว่ารู้ทั้งรู้ว่าเมื่อเปิดโผออกมาแล้วชาวบ้านจะด่ากันเปิง ก็ไม่ต้องไปสนใจ เพราะงานนี้ถ้าพิจารณากันตามความเป็นจริงแล้ว เป็นการปรับด้วยเหตุผล “การเมือง” ล้วนๆ
00 ไม่ได้เน้นในเรื่องประสิทธิภาพ หรือความน่าเชื่อถือจากสังคมอะไรแม้แต่น้อย อีกทั้งยังมีเรื่องของความ “สะใจ” ลึกๆ ของของตัวผู้นำประเภท “หอกหัก” ที่สามารถดึงรัฐมนตรีที่เพิ่งถูกตุลาการรัฐธรรมนูญ อัปเปหิออกไปได้ไม่นาน ก็ดึงกลับมานั่งรัฐมนตรีอีกรอบ ชนิดที่ไม่แคร์หน้าไหนทั้งสิ้น
00 ก็อย่างที่บอกมาตั้งแต่ต้นแล้วว่า งานนี้ เป็นการปรับด้วยเหตุผลด้านการเมือง เพื่อรักษาสถานะผู้นำของ "สมัคร สุนทรเวช" ให้ทอดนานออกไปให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ แถมยังลุ้นลึกๆ อีกว่า ถ้าตัวเองรอดพ้นคดี “หมิ่นประมาท” ในศาลอุทธรณ์ หรือคดี “ชิมไปด่าไป” ในศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งว่ากันเฉพาะคดีเฉพาะหน้าก่อน ยังไม่นับเรื่องคดีรถดับเพลิง รวมทั้งรถขยะที่ยังลูกผีลูกคน ว่ากันว่า ทั้งสองคดีข้างต้นถ้าหลุดไปได้ หรือ “ยื้อ” ไปได้ ซัก 5-6 เดือน เกมก็อาจเปลี่ยนได้เหมือนกัน
00 ประกอบกับ “แม้ว” กำลัง “เซแซดๆ” ไปไม่เป็นแล้ว หลังจาก “เมีย” ถูกสั่งจำคุกโดยไม่รอลงอาญา แถมท้ายคำพิพากษายังถูกประจานเสียล่อนจ้อน ทำให้เห็นแนวโน้มสูงว่า ถ้าถึงคิวตัวเองโอกาสติดคุกยึดทรัพย์ก็มีสูง ดังนั้นนาทีนี้ “ตัวใครตัวมัน” แล้วกันนะพี่น้อง เพราะแค่คิดแต่เรื่องหาประเทศ “ลี้ภัย” ก็ปวดหัวตายชักอยู่แล้ว ดังนั้นต่อไปนี้อย่ามาพูดเรื่องเงินให้อารมณ์เสียอีกเป็นอันขาด
00 ว่ากันว่าบรรยากาศในพรรคพลังประชาชนตอนนี้เริ่ม “ชุลมุน” เพราะเมื่อ “ท่อน้ำเลี้ยง” ถูกตัด บรรด “เห็บ-หมัด” ทั้งหลายต่างก็ต้องกระโดดเกาะหมาตัวใหม่กันจ้าละหวั่น ขณะเดียวกันบรรดาหัวหน้าหมา ต่างก็ฉวยโอกาสเสริมสร้างบารมีเป็นหัวหน้าฝูงกันวุ่นวาย
00 แถมบรายากาศก็เริ่มดูน่ากลัว แต่ละกลุ่มก็จ้องขย้ำอีกฝ่าย หากทำให้ฝ่ายตัวเองต้องเสียผลประโยชน์ กรณีของกลุ่มอีสานพัฒนา ที่ออกมาแฉ "คนใกล้ชิด" นายกฯ งาบสินบนพันล้านจากโครงการซื้อรถเมล์ 6 พันคัน ซึ่งคอยดูก็แล้วกันว่า เหตุการณ์แบบนี้จะทยอยออกมาเรื่อยๆ เพราะบอกแล้วไงว่า"หมาใหญ่" ใกล้ตายแล้ว ทุกอย่างมันเลยโกลาหล และอีกไม่นาน ก็จะได้เห็นเรื่องสนุกๆได้เรื่อยๆ
00 วกมาที่การปรับคณะรัฐมนตรีอีกที หลายคนตั้งข้อสังเกตตรงกันว่า ไม่ได้เน้นเรื่องภาพลักษณ์หรือประสิทธิภาพ ความเชื่อมั่นจากนักลงทุนแม้แต่น้อย ไม่เช่นนั้นคงไม่เอาคนอย่าง “โกวิท-ไชยา” เข้ามากุมเก้าอี้รัฐมนตรี ระดับเกรดเอกันหรอก
00 ถ้าโฟกัสเฉพาะตัว"ไชยา สะสมทรัพย์" ที่ก่อนหน้านี้ต้องพ้นจากเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เนื่องจากขาดคุณสมบัติกรณีเมียถือหุ้นเกิน 5 เปอร์เซ็นต์ ว่ากันว่า ถ้าโดยสปิริตของนักการเมืองแล้วก็ไม่สมควรจะต้องกลับเข้ามาเป็นเสนาบดีในช่วงเวลาเข้าด้ายเข้าเข็มแบบนี้
00 แต่เหตุผลสำคัญก็คือ เขามีทั้งทุนมีทั้งกำลัง ส.ส.ในมือ เมื่อบวกกับกลุ่ม “ยี้ห้อย” ที่เริ่มรุกคืบขยายเติบใหญ่ไปทั่วทั้งพรรคก็สำแดงบารมีชี้อนาคตรัฐบาลมากขึ้นทุกวัน ใหญ่ไม่ใหญ่ ก็ถึงขนาดถีบเอา “เป็ดเหลิม” ตกเก้าอี้ มท.1 อย่างเจ็บปวด แต่ถือเป็นเรื่องปกติเพราะ “หัวเดียวกระเทียมลีบ”
00 ถ้ามองอีกมุมหนึ่งถือว่าเป็นการ “เปิดหน้าชก” โดยตรง ได้เพาะศัตรูทั้งในที่ลับและที่แจ้งไม่น้อย ที่เห็นชัดๆ ก็มีคนอย่างเหลิมคนหนึ่งละ ที่ต้องจดจำไม่ลืม และเชื่อว่าเมื่อได้โอกาสคงได้เอาคืนแอบส่งข้อมูลให้คนอื่นจัดการในลักษณะ “ยืมมือ” คนอื่นซึ่งคนๆนี้ถนัดอยู่แล้ว
00 ดังนั้นถ้าให้สรุปนาทีนี้ถือว่า“หมัก” พยายามสลัดจากความเป็นหุ่นเชิด แล้วสร้างอาณาจักรอำนาจต่อรองเอง แม้ว่าเวลาที่เหลืออาจจะน้อยนิด แต่รับรองว่าเขาจะใช้อย่างคุ้มค่าแน่นอน เพราะคนๆนี้แหละ “จอมเขี้ยว” ของจริง แถมเป็นประเภทไม่ใช้เงินในกระเป๋าตัวเองเสียด้วยซิ !!
00 ไม่ได้เน้นในเรื่องประสิทธิภาพ หรือความน่าเชื่อถือจากสังคมอะไรแม้แต่น้อย อีกทั้งยังมีเรื่องของความ “สะใจ” ลึกๆ ของของตัวผู้นำประเภท “หอกหัก” ที่สามารถดึงรัฐมนตรีที่เพิ่งถูกตุลาการรัฐธรรมนูญ อัปเปหิออกไปได้ไม่นาน ก็ดึงกลับมานั่งรัฐมนตรีอีกรอบ ชนิดที่ไม่แคร์หน้าไหนทั้งสิ้น
00 ก็อย่างที่บอกมาตั้งแต่ต้นแล้วว่า งานนี้ เป็นการปรับด้วยเหตุผลด้านการเมือง เพื่อรักษาสถานะผู้นำของ "สมัคร สุนทรเวช" ให้ทอดนานออกไปให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ แถมยังลุ้นลึกๆ อีกว่า ถ้าตัวเองรอดพ้นคดี “หมิ่นประมาท” ในศาลอุทธรณ์ หรือคดี “ชิมไปด่าไป” ในศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งว่ากันเฉพาะคดีเฉพาะหน้าก่อน ยังไม่นับเรื่องคดีรถดับเพลิง รวมทั้งรถขยะที่ยังลูกผีลูกคน ว่ากันว่า ทั้งสองคดีข้างต้นถ้าหลุดไปได้ หรือ “ยื้อ” ไปได้ ซัก 5-6 เดือน เกมก็อาจเปลี่ยนได้เหมือนกัน
00 ประกอบกับ “แม้ว” กำลัง “เซแซดๆ” ไปไม่เป็นแล้ว หลังจาก “เมีย” ถูกสั่งจำคุกโดยไม่รอลงอาญา แถมท้ายคำพิพากษายังถูกประจานเสียล่อนจ้อน ทำให้เห็นแนวโน้มสูงว่า ถ้าถึงคิวตัวเองโอกาสติดคุกยึดทรัพย์ก็มีสูง ดังนั้นนาทีนี้ “ตัวใครตัวมัน” แล้วกันนะพี่น้อง เพราะแค่คิดแต่เรื่องหาประเทศ “ลี้ภัย” ก็ปวดหัวตายชักอยู่แล้ว ดังนั้นต่อไปนี้อย่ามาพูดเรื่องเงินให้อารมณ์เสียอีกเป็นอันขาด
00 ว่ากันว่าบรรยากาศในพรรคพลังประชาชนตอนนี้เริ่ม “ชุลมุน” เพราะเมื่อ “ท่อน้ำเลี้ยง” ถูกตัด บรรด “เห็บ-หมัด” ทั้งหลายต่างก็ต้องกระโดดเกาะหมาตัวใหม่กันจ้าละหวั่น ขณะเดียวกันบรรดาหัวหน้าหมา ต่างก็ฉวยโอกาสเสริมสร้างบารมีเป็นหัวหน้าฝูงกันวุ่นวาย
00 แถมบรายากาศก็เริ่มดูน่ากลัว แต่ละกลุ่มก็จ้องขย้ำอีกฝ่าย หากทำให้ฝ่ายตัวเองต้องเสียผลประโยชน์ กรณีของกลุ่มอีสานพัฒนา ที่ออกมาแฉ "คนใกล้ชิด" นายกฯ งาบสินบนพันล้านจากโครงการซื้อรถเมล์ 6 พันคัน ซึ่งคอยดูก็แล้วกันว่า เหตุการณ์แบบนี้จะทยอยออกมาเรื่อยๆ เพราะบอกแล้วไงว่า"หมาใหญ่" ใกล้ตายแล้ว ทุกอย่างมันเลยโกลาหล และอีกไม่นาน ก็จะได้เห็นเรื่องสนุกๆได้เรื่อยๆ
00 วกมาที่การปรับคณะรัฐมนตรีอีกที หลายคนตั้งข้อสังเกตตรงกันว่า ไม่ได้เน้นเรื่องภาพลักษณ์หรือประสิทธิภาพ ความเชื่อมั่นจากนักลงทุนแม้แต่น้อย ไม่เช่นนั้นคงไม่เอาคนอย่าง “โกวิท-ไชยา” เข้ามากุมเก้าอี้รัฐมนตรี ระดับเกรดเอกันหรอก
00 ถ้าโฟกัสเฉพาะตัว"ไชยา สะสมทรัพย์" ที่ก่อนหน้านี้ต้องพ้นจากเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เนื่องจากขาดคุณสมบัติกรณีเมียถือหุ้นเกิน 5 เปอร์เซ็นต์ ว่ากันว่า ถ้าโดยสปิริตของนักการเมืองแล้วก็ไม่สมควรจะต้องกลับเข้ามาเป็นเสนาบดีในช่วงเวลาเข้าด้ายเข้าเข็มแบบนี้
00 แต่เหตุผลสำคัญก็คือ เขามีทั้งทุนมีทั้งกำลัง ส.ส.ในมือ เมื่อบวกกับกลุ่ม “ยี้ห้อย” ที่เริ่มรุกคืบขยายเติบใหญ่ไปทั่วทั้งพรรคก็สำแดงบารมีชี้อนาคตรัฐบาลมากขึ้นทุกวัน ใหญ่ไม่ใหญ่ ก็ถึงขนาดถีบเอา “เป็ดเหลิม” ตกเก้าอี้ มท.1 อย่างเจ็บปวด แต่ถือเป็นเรื่องปกติเพราะ “หัวเดียวกระเทียมลีบ”
00 ถ้ามองอีกมุมหนึ่งถือว่าเป็นการ “เปิดหน้าชก” โดยตรง ได้เพาะศัตรูทั้งในที่ลับและที่แจ้งไม่น้อย ที่เห็นชัดๆ ก็มีคนอย่างเหลิมคนหนึ่งละ ที่ต้องจดจำไม่ลืม และเชื่อว่าเมื่อได้โอกาสคงได้เอาคืนแอบส่งข้อมูลให้คนอื่นจัดการในลักษณะ “ยืมมือ” คนอื่นซึ่งคนๆนี้ถนัดอยู่แล้ว
00 ดังนั้นถ้าให้สรุปนาทีนี้ถือว่า“หมัก” พยายามสลัดจากความเป็นหุ่นเชิด แล้วสร้างอาณาจักรอำนาจต่อรองเอง แม้ว่าเวลาที่เหลืออาจจะน้อยนิด แต่รับรองว่าเขาจะใช้อย่างคุ้มค่าแน่นอน เพราะคนๆนี้แหละ “จอมเขี้ยว” ของจริง แถมเป็นประเภทไม่ใช้เงินในกระเป๋าตัวเองเสียด้วยซิ !!
