วานนี้ (30 ก.ค.) เวลา 13.30 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 713 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดแถลงเปิดคดีที่ พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี,นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี และนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคพลังประชาชน อดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) และ กลุ่มผู้บริหารสถานีวิทยุโทรทัศน์ พีทีวี เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานร่วมกันดักรับฟังใช้ประโยชน์ หรือเปิดเผยข้อความที่มีการติดต่อทางโทรศัพท์ หรือ เครื่องมือสื่อสารอื่นใด โดยไม่มีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมาย และร่วมกันดักรับไว้ใช้ประโยชน์ หรือ เปิดเผยข้อความข่าวสาร หรือ ข้อมูลอื่นใดที่มีการสื่อสารทางโทรคมนาคมโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย กรณีจำเลยทั้งสามร่วมกันนำข้อความถ้อยคำสนทนาที่มีการติดต่อทางโทรศัพท์ ระหว่างพล.ต.ต.พีรพันธุ์ เปรมภูติ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) กับนายวิรัช ชินวินิจกุล อดีตเลขานุการศาลฎีกา และนายไพโรจน์ นวานุช ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ประจำสำนักประธานศาลฎีกา ไปเปิดบนเวทีปราศรัย ของแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) ที่ท้องสนามหลวง เมื่อคืนวันที่ 22 มิ.ย. 50
โดยจำเลยทั้งสาม เดินทางมาศาล หลังคดีต้องเลื่อนนัดพร้อมออกมาถึง 2 ครั้ง เนื่องจากจำเลยที่มีตำแหน่ง ส.ส.ติดสมัยประชุมสภาโดยมีกลุ่มนปก. เดินทางมาให้กำลังใจกว่า 40 คน
เมื่อเริ่มพิจารณา จำเลยที่ 3 ได้แถลงต่อศาลว่าเนื่องจากจำเลยมีตำแหน่ง เป็น ส.ส. การนัดสืบพยานในภายหน้า หากตรงกับการประชุมสภา อาจต้องขอเลื่อนนัดพิจารณาออกไป ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าหากวันนัดตรงกับวันประชุมสภาให้จำเลยมาแถลงขอเลื่อนนัดต่อศาลในภายหลังได้
ต่อมาอัยการโจทก์แถลงขอนำพยานขึ้นเบิกความ 22 ปาก ใช้เวลานำสืบรวม 8 นัด ส่วนทนายจำเลยขอนำสืบพยาน 23 ปาก ใช้เวลาพิจารณา 8 นัด โดยศาลนัดสืบพยานโจทก์ปากแรกวันที่ 5 ก.พ.52 เวลา 09.00 น.
ด้านพล.ต.ต.สมเดช ขาวขำ รอง ผบช.ก.ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตาม มาตรา 112 ของนายจักรภพ เพ็ญแข เปิดเผยถึงความคืบหน้าการติดตามคดีว่า ขณะนี้กองบังคับการปราบปรามได้ส่งสำนวนการสอบสวนคดีนี้มาให้คณะกรรมการพิจารณาคดีหมิ่นฯระดับ บช.ก.แล้วตั้งแต่วัน 28 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยคณะกรรมการระดับ บช.ก.จะมีการพิจารณาเพื่อลงความเห็นสั่งฟ้องหรือไม่สั่งฟ้องจากสำนวนการสอบสวนที่ บก.ป.ส่งมาให้ ซึ่งในสัปดาห์นี้ พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบช.ก.ยังไม่ได้กำหนดวาระการประชุมในเรื่องนี้ คาดว่าไม่น่าจะไม่เกินภายในสัปดาห์หน้าก็จะมีการประชุมหารือในคณะกรรมการเพื่อหาข้อสรุปได้ เนื่องจากเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ จากนั้นก็จะสรุปส่งให้คณะกรรมการระดับ ตร.ที่มี พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ รอง ผบ.ตร.(กม.) เป็นประธานพิจารณาอีกครั้ง ก่อนส่งให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ทันที
โดยจำเลยทั้งสาม เดินทางมาศาล หลังคดีต้องเลื่อนนัดพร้อมออกมาถึง 2 ครั้ง เนื่องจากจำเลยที่มีตำแหน่ง ส.ส.ติดสมัยประชุมสภาโดยมีกลุ่มนปก. เดินทางมาให้กำลังใจกว่า 40 คน
เมื่อเริ่มพิจารณา จำเลยที่ 3 ได้แถลงต่อศาลว่าเนื่องจากจำเลยมีตำแหน่ง เป็น ส.ส. การนัดสืบพยานในภายหน้า หากตรงกับการประชุมสภา อาจต้องขอเลื่อนนัดพิจารณาออกไป ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าหากวันนัดตรงกับวันประชุมสภาให้จำเลยมาแถลงขอเลื่อนนัดต่อศาลในภายหลังได้
ต่อมาอัยการโจทก์แถลงขอนำพยานขึ้นเบิกความ 22 ปาก ใช้เวลานำสืบรวม 8 นัด ส่วนทนายจำเลยขอนำสืบพยาน 23 ปาก ใช้เวลาพิจารณา 8 นัด โดยศาลนัดสืบพยานโจทก์ปากแรกวันที่ 5 ก.พ.52 เวลา 09.00 น.
ด้านพล.ต.ต.สมเดช ขาวขำ รอง ผบช.ก.ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตาม มาตรา 112 ของนายจักรภพ เพ็ญแข เปิดเผยถึงความคืบหน้าการติดตามคดีว่า ขณะนี้กองบังคับการปราบปรามได้ส่งสำนวนการสอบสวนคดีนี้มาให้คณะกรรมการพิจารณาคดีหมิ่นฯระดับ บช.ก.แล้วตั้งแต่วัน 28 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยคณะกรรมการระดับ บช.ก.จะมีการพิจารณาเพื่อลงความเห็นสั่งฟ้องหรือไม่สั่งฟ้องจากสำนวนการสอบสวนที่ บก.ป.ส่งมาให้ ซึ่งในสัปดาห์นี้ พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบช.ก.ยังไม่ได้กำหนดวาระการประชุมในเรื่องนี้ คาดว่าไม่น่าจะไม่เกินภายในสัปดาห์หน้าก็จะมีการประชุมหารือในคณะกรรมการเพื่อหาข้อสรุปได้ เนื่องจากเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ จากนั้นก็จะสรุปส่งให้คณะกรรมการระดับ ตร.ที่มี พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ รอง ผบ.ตร.(กม.) เป็นประธานพิจารณาอีกครั้ง ก่อนส่งให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ทันที