ศูนย์ข่าวภูเก็ต -ทุนไทย-ต่างชาติยังพาเหรดเข้าภูเก็ต ผุดโรงแรม รีสอร์ตหรู พร้อมซื้อโรงแรมเดิมอีกเพียบ เผยทุนฮาวายเตรียมทุ่มหลายพันล้านบาทผุดโรงแรมพร้อมสวนน้ำที่หาดไม้ขาวและหาดราไวย์ ขณะที่ทุนจากอินเดียยึดเกาะโหลนขึ้นรีสอร์ตหรู และอีกหลายกลุ่มที่เข้ามาลงทุนในขณะนี้ ด้านสิงคโปร์เปิด “มิลเลนเนียม รีสอร์ท ป่าตอง” กว่า 400 ห้อง
นางสุวลัย ปิ่นประดับ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานภูเก็ต กล่าวถึงการลงทุนด้านโรงแรมที่พักรองรับนักท่องเที่ยวของนักลงทุนในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ว่า จากการเติบโตของธุรกิจการท่องเที่ยว ส่งผลให้ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวเติบโตตามไปอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ ที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั้งชาวไทยและต่างประเทศเป็นอย่างมาก
ทำให้ภาพรวมการท่องเที่ยวของภูเก็ตเมื่อเปรียบเทียบจังหวัดอื่นๆแล้ว ถือว่ายังค่อนข้างที่จะดี แม้จะมีปัญหาราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งส่งผลกระทบกับเที่ยวบินต้นทุนต่ำต้องหยุดให้บริการ ซึ่งส่วนนี้กลุ่มที่ได้รับผลกระทบหลักน่าจะเป็นกลุ่มคนท้องถิ่น แต่หากเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในฤดูกาลท่องเที่ยวนี้คงไม่มีปัญหาเนื่องจากมีการซื้อโปรแกรมการท่องเที่ยวล่วงหน้า ซึ่งจะรวมถึงราคาค่าโดยสารเครื่องบินด้วย
นอกจากการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์แล้ว ยังมีกลุ่มทุนจากต่างประเทศที่สนใจจะเข้ามาลงทุนกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว เท่าที่ทราบขณะนี้มีกลุ่มทุนจากฮาวาย สหรัฐอเมริกา จะเข้ามาลงทุนสวนน้ำ และรีสอร์ตหรู คอนโดมิเนียม ที่บริเวณหาดไม้ขาว อ.ถลาง และกลุ่มทุนดังกล่าวยังสนใจที่จะเข้ามาลงทุนโรงแรมและคอนโดมิเนียม ที่บริเวณหาดราไวย์ ต.ราไวย์ อ.เมืองภูเก็ต ใกล้เคียงกับวิจิตรบังกะโล ซึ่งทั้ง 2 โครงการมีมูลค่าการลงทุนหลายพันล้านบาท และคาดว่าจะเข้ามาลงทุนในภูเก็ตประมาณปลายปีนี้ต่อเนื่องไปจนถึงต้นปีหน้า
ส่วนกลุ่มทุนอื่นๆก็มีการเคลื่อนไหวเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง เช่น กลุ่มทุนจากอินเดีย ที่จะมาลงทุนด้านที่พักระดับหรู บนเกาะโหลน ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต กลุ่มกระดาษดั๊บเบิ้ลเอ เข้ามาเทกโอเวอร์โรงแรมบนเกาะไม้ท่อน โครงการจูเมร่า ไพรเวท ไอแลนด์ ภูเก็ต บนเกาะแรด เนื้อที่ 175 ไร่ มีทั้งโรงแรมหรู วิลลาหรู และท่าเทียบเรือยอชต์ มูลค่าการลงทุนกว่า 5,000 ล้านบาท
สาเหตุที่นักลงทุนยังให้ความสนใจเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากภูเก็ตมีการเติบโตของการท่องเที่ยวเพิ่มทุกปี ความสะดวกในการเดินทาง ความปลอดภัย และโครงสร้างพื้นฐานด้านการอำนวยความสะดวกต่างๆ
นางสุวลัย กล่าวอีกว่า สำหรับทิศทางการเติบโตยังมีต่อเนื่อง ที่สำคัญคือจะต้องมีการบริหารจัดการให้เป็น โดยเฉพาะการพัฒนาศักยภาพของคนไทยให้สามารถเข้าสู่การบริหารงานในระดับกลางถึงระดับบน และหากเป็นไปได้ก็ควรที่จะพัฒนาให้ภูเก็ตเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ด้านการท่องเที่ยวในระดับนานาชาติ เนื่องจากเรามีความพร้อมในทุกด้าน ทั้งเรื่องของคนและสถานที่ในการฝึกปฏิบัติ และที่สำคัญเห็นว่าการพัฒนาภูเก็ตคนท้องถิ่นน่าที่จะได้รับประโยชน์ด้วย
ทุนสิงคโปร์ผุดกว่า 400 ห้อง ที่ป่าตอง
นอกจากกลุ่มทุนจากสหรัฐฯและอินเดียแล้ว กลุ่มสิงคโปร์ ก็เข้ามาลงทุนที่ภูเก็ตด้วย โดยนายปีเตอร์ กิบบอนส์ ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมมิลเลนเนียม รีสอร์ท ป่าตอง ภูเก็ต เปิดเผยถึงการตัดสินใจเข้ามาลงทุนทางด้านโรงแรมที่พักในจังหวัดภูเก็ตของโรงแรม ในเครือโรงแรมใหญ่จากประเทศสิงคโปร์ ว่า โรงแรมมิลเลนเนียม รีสอร์ท ป่าตอง ภูเก็ต เป็นหนึ่งในเครือมิลเลนเนียม คอปทรอน โฮเทลส์ จำกัด มหาชน (เอ็ม แอนด์ ซี) ซึ่งเป็นกลุ่มทุนของประเทศสิงคโปร์ ที่มีบริษัท ฮง เหลียง กรุ๊ป ถือหุ้นใหญ่ ผ่านบริษัท ซิตี้ ดีเวลล็อปเม้นท์ หรือ (CDL) ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ บริหารโรงแรมกว่า 110 แห่ง รวมกว่า 350,000 ห้องพัก
ในส่วนของโรงแรมมิลเลนเนีนมฯที่ป่าตอง มีห้องพักจำนวน 421 ห้อง นับเป็นรีสอร์ตแรกในเครือและในตลาดแถบเอเชียตะวันออก ซึ่งออกแบบด้วยการนำเอาเอกลักษณ์ไทยมาผสมผสาน กับการให้บริการในระดับมาตรฐานสากลของโรงแรม 5 ดาว และการต้อนรับแบบไทย รวมไปถึงโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นเอกลักษณ์และเน้นพื้นที่สีเขียว
“เหตุที่เลือกลงทุนที่ภูเก็ต เนื่องจากเชื่อมั่นในศักยภาพของภูเก็ต และการเป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้ มีสนามบินนานาชาติซึ่งทำให้มีการเดินทางที่สะดวกทั้งไปกรุงเทพ หรือประเทศใกล้เคียง เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย หรือแม้กระทั่งจีน” นายปีเตอร์ กิบบอนส์ กล่าวและว่า
รวมทั้งศักยภาพของทำเลที่ตั้งโรงแรม ซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกับศูนย์การค้าจังซีลอน ห่างจากชายหาดป่าตอง แหล่งท่องเที่ยวยามค่ำคืนของหาดป่าตองไม่มาก ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 5-10 นาที
นายปีเตอร์ กิบบอนส์ กล่าวอีกว่า กลุ่มลูกค้าที่ใช้บริการโรงแรมค่อนข้างจะหลากหลายขึ้นอยู่กับฤดูกาลท่องเที่ยวของภูเก็ต และอัตราเข้าพักสูงถึง 95% เนื่องจากโรงแรมตั้งอยู่ในทำเลที่อยู่จุดศูนย์กลางในทุกเรื่องๆ และทางโรงแรมได้ให้ความสำคัญกับตลาดกลุ่ม MICE ด้วยการเพิ่มห้องประชุมจาก 9 ห้องเป็น 14 ห้อง ที่สามารถรองรับผู้เข้าร่วมประชุมได้ตั้งแต่ 15-300 คน
นอกจากนี้ กลุ่ม เอ็ม แอนด์ ซี ยังมีแผนเปิดโรงแรมอีก 2 แห่งในจีน ประมาณปลายปีนี้ หรือต้นปี 2552 คือ โรงแรมมิลเลนเนียมวูซิง และโรงแรมมิลเลเนียม เซ็งดู และวางแผนที่จะเปิดโรงแรมในดีไซน์ทันสมัย ในระดับชั้นธุรกิจที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งจะเปิดให้บริการในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2552 พร้อมทั้งได้เซ็นสัญญาบริหารโรงแรม 2 แห่งที่ดูไบ และคูเวต และได้ประกาศการเซ็นสัญญาบริหารรีสอร์ต อีก 7 แห่ง ในสาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์และอีกหนึ่งแห่งใน ดูไบ