การเมืองทำพิษยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตของนักท่องเที่ยวต่างชาติลดฮวบ เคทีซีลั่นยังไม่กระทบมากเพราะลูกค้าส่วนใหญ่มาจากลูกค้าในประเทศ ด้านแบงก์ไทยพาณิชย์เฝ้าติดสถานการณ์ใกล้ชิด ส่วนกสิกรไทยสวนกระแสยอดใช้จ่ายยังเพิ่ม
นายธวัชชัย ธิติศักดิ์สกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส บริษัทบัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กำKTC เปิดเผยว่า ช่วงที่เหลือของปีนี้คาดว่ายอดการใช้จ่ายผ่านบัตรของนักท่องเที่ยวต่างชาติน่าจะมีการปรับตัวลดลงประมาณ 30% เนื่องจากปัญหาทางการเมืองที่ทำให้มีการยกเลิกห้องพักและโปรแกรมการท่องเที่ยวในไทย สำหรับยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรของนักท่องเที่ยวในปีก่อนอยู่ที่ 40-50%
จากยอดใช้จ่ายผ่านบัตรรวมทั้งปี
สำหรับในส่วนของบริษัทนั้นเชื่อว่าจะไม่ได้รับผลกระทบ จากยอดใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ปรับลดลง เนื่องจากรายได้ส่วนใหญ่มากจากผู้ถือบัตรในประเทศ แบ่งเป็นรายได้จากดอกเบี้ย และการใช้จ่ายผ่านบัตร ส่วนรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาตินำบัตรเครดิตมาใช้จ่ายผ่านร้านค้าของเคทีซีก็มีน้อยมาก สาเหตุเกิดจากช่วงที่ผ่านมาผู้ประกอบการธุรกิจบัตรเครดิต ได้มีการแข่งขันสูงและมีการตัดราคารายได้ค่าธรรมเนียมร้านค้า ทำให้มีรายได้น้อยมาก ดังนั้นธุรกิจร้านค้าจึงเป็นเพียงการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ถือบัตร
นายรุ่งเรือง สุขเกิดกิจพิบูลย์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายผลิตภัณฑ์ลูกค้าบุคคลและการโฆษณา ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)หรือ SCB กล่าวว่า ธนาคารได้เฝ้าติดตามดูสถานการณ์การใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตของประชาชนทั้งที่เป็นคนไทยและต่างชาติเป็นรายวัน หลังจากรัฐบาลประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งก็พบว่ายังอยู่ในสถานการณ์ที่ยังไม่น่าเป็นห่วงมากนัก แต่หากสถานการณ์การเมืองยังยืดเยื้อ ไปถึงไตรมาสสี่ซึ่งเป็นฤดูกาลท่องเที่ยว และนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ยกเลิกการมาเที่ยวเมืองไทย ก็จะกระทบต่อธุรกิจบัตรเครดิตเหมือนกัน
นางสาวอัญชลี จรัสยศวุฒิชัย ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์และการตลาดบัตรเครดิต ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK กล่าวว่า ปัจจุบันธนาคารมีเครื่องรับบัตรอยู่ทั่วประเทศกว่า 30,000 เครื่อง โดยอยู่ในสถานที่ท่องเที่ยว ประเภทโรงแรม 7%ของจำนวนเครื่องทั้งหมด ส่วนใหญ่จะอยู่ตามร้านค้า ห้างสรรพสินค้าทั่วๆ ไปแต่ก็ยอมรับว่าภาพโดยรวมเมื่อต่างชาติไม่เดินทางมาท่องเที่ยวก็ย่อมได้รับผลกระทบเช่นกัน
สำหรับยอดการใช้จ่ายเดือนส.ค.ที่ผ่านมาโดยรวมก็ถือว่ายังเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่จำนวนรายการลดลงประมาณ 10% แต่มูลค่าการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น2% ซึ่งตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวไทยลดลง แต่มีระยะเวลาการพักที่นานขึ้น หากสถานการณ์ทางการเมืองยังเป็นเช่นนี้อยู่จะมีผลต่อภาคธุรกิจท่องเที่ยว
นายธวัชชัย ธิติศักดิ์สกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส บริษัทบัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กำKTC เปิดเผยว่า ช่วงที่เหลือของปีนี้คาดว่ายอดการใช้จ่ายผ่านบัตรของนักท่องเที่ยวต่างชาติน่าจะมีการปรับตัวลดลงประมาณ 30% เนื่องจากปัญหาทางการเมืองที่ทำให้มีการยกเลิกห้องพักและโปรแกรมการท่องเที่ยวในไทย สำหรับยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรของนักท่องเที่ยวในปีก่อนอยู่ที่ 40-50%
จากยอดใช้จ่ายผ่านบัตรรวมทั้งปี
สำหรับในส่วนของบริษัทนั้นเชื่อว่าจะไม่ได้รับผลกระทบ จากยอดใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ปรับลดลง เนื่องจากรายได้ส่วนใหญ่มากจากผู้ถือบัตรในประเทศ แบ่งเป็นรายได้จากดอกเบี้ย และการใช้จ่ายผ่านบัตร ส่วนรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาตินำบัตรเครดิตมาใช้จ่ายผ่านร้านค้าของเคทีซีก็มีน้อยมาก สาเหตุเกิดจากช่วงที่ผ่านมาผู้ประกอบการธุรกิจบัตรเครดิต ได้มีการแข่งขันสูงและมีการตัดราคารายได้ค่าธรรมเนียมร้านค้า ทำให้มีรายได้น้อยมาก ดังนั้นธุรกิจร้านค้าจึงเป็นเพียงการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ถือบัตร
นายรุ่งเรือง สุขเกิดกิจพิบูลย์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายผลิตภัณฑ์ลูกค้าบุคคลและการโฆษณา ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)หรือ SCB กล่าวว่า ธนาคารได้เฝ้าติดตามดูสถานการณ์การใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตของประชาชนทั้งที่เป็นคนไทยและต่างชาติเป็นรายวัน หลังจากรัฐบาลประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งก็พบว่ายังอยู่ในสถานการณ์ที่ยังไม่น่าเป็นห่วงมากนัก แต่หากสถานการณ์การเมืองยังยืดเยื้อ ไปถึงไตรมาสสี่ซึ่งเป็นฤดูกาลท่องเที่ยว และนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ยกเลิกการมาเที่ยวเมืองไทย ก็จะกระทบต่อธุรกิจบัตรเครดิตเหมือนกัน
นางสาวอัญชลี จรัสยศวุฒิชัย ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์และการตลาดบัตรเครดิต ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK กล่าวว่า ปัจจุบันธนาคารมีเครื่องรับบัตรอยู่ทั่วประเทศกว่า 30,000 เครื่อง โดยอยู่ในสถานที่ท่องเที่ยว ประเภทโรงแรม 7%ของจำนวนเครื่องทั้งหมด ส่วนใหญ่จะอยู่ตามร้านค้า ห้างสรรพสินค้าทั่วๆ ไปแต่ก็ยอมรับว่าภาพโดยรวมเมื่อต่างชาติไม่เดินทางมาท่องเที่ยวก็ย่อมได้รับผลกระทบเช่นกัน
สำหรับยอดการใช้จ่ายเดือนส.ค.ที่ผ่านมาโดยรวมก็ถือว่ายังเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่จำนวนรายการลดลงประมาณ 10% แต่มูลค่าการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น2% ซึ่งตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวไทยลดลง แต่มีระยะเวลาการพักที่นานขึ้น หากสถานการณ์ทางการเมืองยังเป็นเช่นนี้อยู่จะมีผลต่อภาคธุรกิจท่องเที่ยว
