รอยเตอร์ – มือระเบิดฆ่าตัวตายหญิง 3 คน ฉวยโอกาสช่วงที่นักแสวงบุญชาวชีอะห์นับล้านเข้ามาทำพิธีทางศาสนาในกรุงแบกแดด ก่อเหตุบึ้มคร่าชีวิตผู้คน 28 รายและบาดเจ็บอีก 92 รายเมื่อวานนี้(28) โดยในวันเดียวกัน ยังเกิดการระเบิดที่เคอร์คุก เมืองศูนย์กลางน้ำมันทางภาคเหนือของประเทศ ทำให้มีผู้เสียชีวิตผู้คนอย่างน้อย 22 ราย และบาดเจ็บอีก 150 ราย
เหตุระเบิดเหล่านี้ทำให้เมื่อวานนี้กลายเป็นหนึ่งในวันนองเลือดที่สุดของอิรักในรอบหลายๆ เดือนที่ผ่านมา อีกทั้งตอกย้ำให้เห็นว่าสถานการณ์ความมั่นคงปลอดภัยในประเทศนี้ยังคงเปราะบางมาก ถึงแม้ทำท่าจะมีความสงบเพิ่มขึ้นมากในช่วงหลังๆ มานี้ ด้วยจำนวนความรุนแรงลดลงสู่จุดต่ำที่สุดนับตั้งแต่ต้นปี 2004
แม้ว่าขณะนี้ยังไม่มีผู้อ้างตนว่าเป็นผู้ก่อเหตุระเบิดในกรุงแบกแดด แต่กลุ่มอัลกออิดะห์ก็มักจะเข้าโจมตีนักแสวงบุญชาวชีอะห์ที่เข้าร่วมพิธีกรรมทางศาสนาในอิรักอยู่บ่อยครั้ง เพราะถือว่ากลุ่มมุสลิมนิกายชีอะห์ ซึ่งเป็นมุสลิมส่วนใหญ่ในอิรักนั้น เป็นพวกนอกรีต
“การระเบิดที่เกิดขึ้นในวันนี้มีแต่จะเพิ่มความมุ่งมั่นของเราในอันที่จะทำให้พิธีแสวงบุญเสร็จสิ้นอย่างสมบูรณ์ และกำจัดการก่อการร้ายไป” ตาเฮอร์ อับด์-นัวร์ นักแสวงบุญคนหนึ่งกล่าว
ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีนูรี อัล มาลิกี ได้ประกาศนโยบายต้อนรับชาวต่างชาติเข้าประเทศมากขึ้น โดยอ้างว่าการเติบโตอย่างรวดเร็วของกองทัพอิรัก ทำให้อิรักสามารถรักษาสันติภาพได้ โดยอาศัยการสนับสนุนเพิ่มเติมจากสหรัฐฯเพียงเล็กน้อย
ทว่า เหตุระเบิดในกรุงแบกแดดครั้งนี้ได้ทำลายความสงบโดยรวมในเมืองหลวงในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา อีกทั้งยังเกิดขึ้นท่ามกลางระบบการรักษาความปลอดภัยแบบเข้มงวดก่อนหน้าพิธีแสวงบุญของชาวชีอะห์ที่ศาสนสถานคาดามิยาซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมือง
เป็นที่คาดว่าจะมีชาวมุสลิมอย่างน้อย 1 ล้านคนเข้าร่วมในพิธีแสวงบุญดังกล่าวนี้ โดยจะมีผู้มาร่วมงานมากที่สุดในวันนี้(29) ซึ่งเป็นวันรำลึกถึงการเสียชีวิตของอิหม่ามคนหนึ่งใน 12 คนของชาวมุสลิมนิกายชีอะห์
ทางด้านกองทัพสหรัฐฯกล่าวว่า เป็นไปได้ว่ามือระเบิดสามคนเป็นผู่ก่อเหตุ แต่ไม่ได้ระบุว่าทั้งสามเป็นเพศหญิงหรือไม่
ทั้งนี้ กลุ่มอัลกออิดะห์ได้หันมาใช้ผู้หญิงเป็นมือระเบิดมากขึ้นในระยะหลังเพราะผู้หญิงสามารถหลบเลี่ยงการตรวจความปลอดภัยจากเจ้าหน้าที่ชายได้ง่าย และภายในปีนี้ ก็มีมือระเบิดฆ่าตัวตายเพศหญิงเป็นผู้ก่อเหตุถึงกว่า 20 ครั้งในอิรัก
เหตุระเบิดล่าสุดเมื่อวานนี้ เกิดขึ้นใกล้กับเขตคาร์ราดา ทางตอนกลางของแบกแดด ซึ่งเป็นบริเวณที่ผู้แสวงบุญจำนวนมากเดินทางผ่านเพื่อไปยังศาสนสถาน นอกจากนั้น ก่อนหน้านี้ในวันอาทิตย์(27) ก็มีนักแสวงบุญอีก 7 คนถูกมือปืนลอบยิงทางตอนใต้ของแบกแดด ในระหว่างเดินทางไปยังศาสนสถานด้วย
ส่วนที่เมืองเคอร์คุก ซึ่งเป็นศูนย์ผลิตน้ำมันทางตอนเหนือของอิรัก ก็เกิดเหจึระเบิด ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 22 คน และบาดเจ็บอีก 150 คน ในระหว่างที่ชาวเคิร์ดซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยของประเทศ แต่มีกันอยู่จำนวนมากในภาคเหนือ กำลังชุมนุมประท้วงกฎหมายเลือกตั้งระดับจังหวัด โดยก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีจาลาล ตาลาบานีของอิรัก ก็ได้ปฏิเสธกฎหมายฉบับดังกล่าว โดยบอกว่าเป็นกฎหมายที่ขัดรัฐธรรมนูญ
เหตุระเบิดเหล่านี้ทำให้เมื่อวานนี้กลายเป็นหนึ่งในวันนองเลือดที่สุดของอิรักในรอบหลายๆ เดือนที่ผ่านมา อีกทั้งตอกย้ำให้เห็นว่าสถานการณ์ความมั่นคงปลอดภัยในประเทศนี้ยังคงเปราะบางมาก ถึงแม้ทำท่าจะมีความสงบเพิ่มขึ้นมากในช่วงหลังๆ มานี้ ด้วยจำนวนความรุนแรงลดลงสู่จุดต่ำที่สุดนับตั้งแต่ต้นปี 2004
แม้ว่าขณะนี้ยังไม่มีผู้อ้างตนว่าเป็นผู้ก่อเหตุระเบิดในกรุงแบกแดด แต่กลุ่มอัลกออิดะห์ก็มักจะเข้าโจมตีนักแสวงบุญชาวชีอะห์ที่เข้าร่วมพิธีกรรมทางศาสนาในอิรักอยู่บ่อยครั้ง เพราะถือว่ากลุ่มมุสลิมนิกายชีอะห์ ซึ่งเป็นมุสลิมส่วนใหญ่ในอิรักนั้น เป็นพวกนอกรีต
“การระเบิดที่เกิดขึ้นในวันนี้มีแต่จะเพิ่มความมุ่งมั่นของเราในอันที่จะทำให้พิธีแสวงบุญเสร็จสิ้นอย่างสมบูรณ์ และกำจัดการก่อการร้ายไป” ตาเฮอร์ อับด์-นัวร์ นักแสวงบุญคนหนึ่งกล่าว
ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีนูรี อัล มาลิกี ได้ประกาศนโยบายต้อนรับชาวต่างชาติเข้าประเทศมากขึ้น โดยอ้างว่าการเติบโตอย่างรวดเร็วของกองทัพอิรัก ทำให้อิรักสามารถรักษาสันติภาพได้ โดยอาศัยการสนับสนุนเพิ่มเติมจากสหรัฐฯเพียงเล็กน้อย
ทว่า เหตุระเบิดในกรุงแบกแดดครั้งนี้ได้ทำลายความสงบโดยรวมในเมืองหลวงในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา อีกทั้งยังเกิดขึ้นท่ามกลางระบบการรักษาความปลอดภัยแบบเข้มงวดก่อนหน้าพิธีแสวงบุญของชาวชีอะห์ที่ศาสนสถานคาดามิยาซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมือง
เป็นที่คาดว่าจะมีชาวมุสลิมอย่างน้อย 1 ล้านคนเข้าร่วมในพิธีแสวงบุญดังกล่าวนี้ โดยจะมีผู้มาร่วมงานมากที่สุดในวันนี้(29) ซึ่งเป็นวันรำลึกถึงการเสียชีวิตของอิหม่ามคนหนึ่งใน 12 คนของชาวมุสลิมนิกายชีอะห์
ทางด้านกองทัพสหรัฐฯกล่าวว่า เป็นไปได้ว่ามือระเบิดสามคนเป็นผู่ก่อเหตุ แต่ไม่ได้ระบุว่าทั้งสามเป็นเพศหญิงหรือไม่
ทั้งนี้ กลุ่มอัลกออิดะห์ได้หันมาใช้ผู้หญิงเป็นมือระเบิดมากขึ้นในระยะหลังเพราะผู้หญิงสามารถหลบเลี่ยงการตรวจความปลอดภัยจากเจ้าหน้าที่ชายได้ง่าย และภายในปีนี้ ก็มีมือระเบิดฆ่าตัวตายเพศหญิงเป็นผู้ก่อเหตุถึงกว่า 20 ครั้งในอิรัก
เหตุระเบิดล่าสุดเมื่อวานนี้ เกิดขึ้นใกล้กับเขตคาร์ราดา ทางตอนกลางของแบกแดด ซึ่งเป็นบริเวณที่ผู้แสวงบุญจำนวนมากเดินทางผ่านเพื่อไปยังศาสนสถาน นอกจากนั้น ก่อนหน้านี้ในวันอาทิตย์(27) ก็มีนักแสวงบุญอีก 7 คนถูกมือปืนลอบยิงทางตอนใต้ของแบกแดด ในระหว่างเดินทางไปยังศาสนสถานด้วย
ส่วนที่เมืองเคอร์คุก ซึ่งเป็นศูนย์ผลิตน้ำมันทางตอนเหนือของอิรัก ก็เกิดเหจึระเบิด ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 22 คน และบาดเจ็บอีก 150 คน ในระหว่างที่ชาวเคิร์ดซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยของประเทศ แต่มีกันอยู่จำนวนมากในภาคเหนือ กำลังชุมนุมประท้วงกฎหมายเลือกตั้งระดับจังหวัด โดยก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีจาลาล ตาลาบานีของอิรัก ก็ได้ปฏิเสธกฎหมายฉบับดังกล่าว โดยบอกว่าเป็นกฎหมายที่ขัดรัฐธรรมนูญ
