xs
xsm
sm
md
lg

คองเกรสผ่านร่างกม.อุ้มตลาดบ้าน อัดฉีดกู้ชีพสองสถาบันสินเชื่อเคหะ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เอเจนซีส์ – วุฒิสภาสหรัฐฯ อนุมัติแผนการอุ้มตลาดที่อยู่อาศัย ซึ่งมีทั้งมาตรการให้สินเชื่อฉุกเฉินแก่แฟนนี เมและเฟรดดี แมค และจัดตั้งกองทุนมูลค่า 300,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อช่วยเหลือเจ้าของบ้านนับแสนรายที่กำลังประสบปัญหา โดยการผ่านร่างกฎหมายฉบับนี้เกิดขึ้นในจังหวะเดียวกับที่มีการสั่งปิดธนาคารเพิ่มอีก 2 แห่ง ทำให้ยอดแบงก์ที่ถูกปิดกิจการในรอบ 18 เดือนที่ผ่านมาเพิ่มเป็น 10 แห่ง
วันเสาร์ที่ผ่านมา (26) สภาสูงสหรัฐฯ รับรองร่างกฎหมายฉบับนี้ ที่มีมาตรการอย่างเช่นการอัดฉีดเงิน 300,000 ล้านดอลลาร์เพื่อรีไฟแนนซ์สินเชื่อบ้านที่มีปัญหา ด้วยคะแนนเสียง 72-13 หลังจากสภาล่างผ่านร่างกฎหมายนี้ไปตั้งแต่วันพุธ (23)
ด้านประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช ก็ได้ยกเลิกคำขู่ที่จะคัดค้าน และรับปากว่าจะลงนามรับรองร่างกฎหมายฉบับนี้โดยเร็วที่สุด
ก่อนการลงมติ วุฒิสมาชิกหลายคนยกย่องร่างกฎหมายฉบับนี้ว่า เป็นผลิตผลของความร่วมมือของทั้งสองพรรค และว่าร่างกฎหมายนี้มีความสำคัญต่อการป้องกันไม่ให้ภาคที่อยู่อาศัยที่ง่อนแง่นอย่างหนักต้องล่มสลายลง
นอกเหนือจากการค้ำประกันสินเชื่อบ้านแล้ว ร่างกฎหมายนี้ยังอนุมัติให้กระทรวงการคลังอัดฉีดสินเชื่อตลอดจนเข้าซื้อหุ้นในแฟนนี เม และเฟรดดี แมค สองสถาบันสินเชื่อเคหะที่เป็นเสาหลักของตลาดที่อยู่อาศัยสหรัฐฯ
ร่างกฎหมายฉบับนี้ยังเรียกร้องให้มีการจัดสรรเงิน 3,900 ล้านดอลลาร์เพื่อให้รัฐบาลท้องถิ่นเข้าซื้อและฟื้นฟูบ้านที่หลุดจำนอง
ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยและพยายามชะลอการลงมติ ค้านว่าแผนการนี้จะทำให้ตลาดบิดเบือนโดยจะเป็นการให้รางวัลผู้กู้และผู้บริโภคที่ ‘ไม่รับผิดชอบ’ รวมทั้งทำให้รัฐเข้าไปมีบทบาทกับตลาดที่อยู่อาศัยมากเกินไป ส่วนนักเคลื่อนไหวและนักวิชาการมากมายก็ชี้ว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้ที่ออกมาในปีที่จะมีการเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ จะทำได้เพียงผ่อนคลาย แต่ไม่ได้ทำให้วิกฤตตลาดที่อยู่อาศัยจบลง
ทว่า โทนี แฟรตโต โฆษกทำเนียบขาว ชี้แจงว่า ในกฎหมายล่าสุดนี้จะมาตรการเพิ่มการกำกับตรวจสอบ ซึ่งจะทำให้ตลาดที่อยู่อาศัยและตลาดการเงินมีความเชื่อมั่นและเสถียรภาพยิ่งขึ้น
“ประธานาธิบดีบุชจะลงนามรับรองร่างกฎหมายฉบับนี้ ถึงแม้เรายังมีความกังวลเกี่ยวกับบางมาตรการ อาทิ การให้เงินช่วยเหลือเกือบ 4,000 ล้านดอลลาร์แก่ผู้กู้ ไม่ใช่ให้แก่เจ้าของบ้านที่ร่างกฎหมายฉบับนี้มีเจตนารมณ์จะช่วยเหลือ”
มาตรการช่วยเหลือคราวนี้ออกมา ขณะที่ภาคที่อยู่อาศัยยังคงอ่อนแอจากภาวะตกต่ำของราคาบ้านที่เรื้อรังมาเกือบสองปีโดยยังไม่มีแนวโน้มจะดีขึ้น จนกำลังส่งผลให้ยอดบ้านใหม่ที่ขายไม่ออกมีจำนวนเพิ่มขึ้น ขณะที่ผู้ที่คิดซื้อบ้านก็ลังเลที่จะตัดสินใจ
ริชาร์ด เคลลี จากทีดี แบงก์วิจารณ์ว่า ยิ่งมีบ้านใหม่ค้างสต็อก ราคาบ้านยิ่งตกต่ำ ทำให้สินเชื่อบ้านยิ่งทรุดและต้องมีการสั่งปิดแบงก์เพิ่มขึ้น กลายเป็นวงจรอุบาทว์วนเวียนในตลาดที่อยู่อาศัยต่อไป
สัญญาณที่แสดงชัดเจนว่าตลาดที่อยู่อาศัยยังไม่พ้นเรื่องเลวร้าย เกิดขึ้นอีกในคืนวันศุกร์(25) เมื่อกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ต้องเข้าเทกโอเวอร์ธนาคารสองแห่งทางฟากตะวันตกของประเทศ คือ เฟิร์สต์ เฮอริเทจ แบงก์ในนิวพอร์ต บีช แคลิฟอร์เนีย และเฟิร์สต์ เนชันแนล แบงก์ ออฟ เนวาดาในเมืองรีโน เนวาดา
สำนักงานกำกับดูแลบริการทางการเงินหรือ โอซีซี (Office of the Comptroller of the Currency) ในสังกัดกระทรวงการคลัง แถลงว่าธนาคารทั้งสองแห่งประสบปัญหาขาดแคลนเงินทุนในการดำเนินการ ตลอดจนดำเนินกิจการขาดทุน
แม้มีขนาดค่อนข้างเล็ก กล่าวคือเฟิร์สต์ เฮอริเทจ แบงก์มีสาขาสามแห่ง และเฟิร์สต์ เนชันแนล แบงก์ออฟ เนวาดามีสาขา 25 แห่ง แต่เป็นที่ชัดเจนว่าแบงก์ทั้งสองแห่งนี้ไปไม่รอดเนื่องจากปัญหามูลค่าอสังหาริมทรัพย์ตกต่ำและการปิดกิจการในภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐฯ
สถาบันประกันเงินฝากของสหรัฐฯ (Federal Deposit Insurance Corporation) เสริมว่าสาขา 28 แห่งจะเปิดทำการอีกครั้งในวันนี้ในฐานะส่วนหนึ่งของ มิวชวล ออฟ โอมาฮา แบงก์ ซึ่งรับผิดชอบเงินฝากทั้งหมดของธนาคารที่ล้มละลายทั้งสอง ตลอดจนจะจ่ายเงิน 200 ล้านดอลลาร์เป็นค่าสินทรัพย์อื่นๆ
อนึ่ง การเจ๊งของสองแบงก์คราวนี้ เกิดขึ้นเพียงไม่กี่สัปดาห์หลังจากการไปไม่รอดของ อินดี้แมค แบงก์ จากการครอบครองสินเชื่อคุณภาพต่ำจำนวนมากและการถูกผู้ฝากแห่ถอนเงิน
กำลังโหลดความคิดเห็น