xs
xsm
sm
md
lg

จ่อฟ้องยึดทรัพย์ทักษิณคดีเอสซีแอสเซสส่อมวยล้มไร้หลักฐานสำคัญ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยวานนี้ (24 ก.ค.) ว่า เมื่อวันที่ 23 ก.ค. คณะทำงานร่วมอัยการและป.ป.ช. ได้ประชุมเพื่อพิจารณาความไม่สมบูรณ์ของสำนวนไต่สวน กรณีคณะกรรมการตรวจสอบ การกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) มีมติให้อัยการยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในคดีแพ่ง ข้อหาเอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจของตนเอง และพวกพ้องและร่ำรวยผิดปกติ ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่ง ทางการเมือง เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินจำนวนกว่า 7 หมื่นล้านบาท ตกเป็นของแผ่นดิน
ทั้งนี้ คณะทำงานร่วมระหว่างอัยการ และ ป.ป.ช. ได้ประชุมร่วมกันแล้วได้ข้อยุติว่าอัยการจะเป็นโจกท์ยื่นฟ้องคดีนี้ให้ ป.ป.ช. โดยวันที่ 30 ก.ค.นี้ คณะทำงานร่วมทั้ง 2 ฝ่ายจะประชุม เพื่อรับรองมติเรื่องนี้อีกครั้ง ก่อนที่อัยการจะยื่นสำนวนฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไป

ป.ป.ช.ไม่มีอำนาจถอดอายัดเงินแม้ว
นายกล้านรงค์ ยังกล่าวถึงการพิจารณาคำร้องของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ขอให้ยกเลิกการอายัดทรัพย์สินของ พ.ต.ท. ทักษิณ จำนวนกว่า 69,000 ล้านบาท ที่ คตส. ได้สั่งอายัดไว้ก่อนหน้าที่จะส่งมอบงานให้กับ ป.ป.ช. ว่า เรื่องนี้จบแล้ว เพราะคณะกรรมการ ปปช. ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ 9 เสียงว่า ป.ป.ช. ไม่มีอำนาจยกเลิกคำสั่งอายัดทรัพย์สินของ คตส. ซึ่งทำให้คำสั่งอายัดของ คตส. ยังมีผลต่อไป เนื่องจาก คตส.มีอำนาจอายัดทรัพย์สินของ พ.ต.ท. ทักษิณ ตามประกาศของ คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัติย์ทรงเป็นประมุข (คปค. ) ฉบับที่ 30 ซึ่งจากการที่ คตส. ได้สั่งอายัดทรัพย์สินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ดังกล่าว ทำให้ทาง พ.ต.ท.ทักษิณ ยื่นฟ้อง คณะกรรมการ คตส. เรียกค่าเสียหายถึง 50,000 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวถามว่า ป.ป.ช. ได้พิจารณาด้วยหรือไม่ว่า ในส่วนของ ป.ป.ช. มีอำนาจ อายัดทรัพย์สินของ พ.ต.ท. ทักษิณ ต่อจาก คตส. หรือไม่ นายกล้านรงค์ กล่าวว่า อย่าขยายประเด็นออกไป เดี๋ยวจะมากความ เอาเป็นว่า คำสั่งของ คตส. ที่ให้อายัดทรัพย์สินของ พ.ต.ท. ทักษิณ ยังมีผลต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อ ป.ป.ช. วินิจฉัยว่าไม่มีอำนาจยกเลิกคำสั่งของ คตส.ที่สั่งอายัดทรัพย์สินของ พ.ต.ท. ทักษิณ ทาง พ.ต.ท. ทักษิณ จะต้องดำเนินการอย่างไร ต่อไป นายกล้านรงค์ กล่าวว่า ไม่ขอออกความเห็น
ด้านนายวิชัย วิวิทเสรี กรรมการ ป.ป.ช. กล่าวเสริมว่า ป.ป.ช.ไม่มีอำนาจ ในการอายัดทรัพย์เงินจำนวน 6.9 หมื่นล้านบาท ของ พ.ต.ท.ทักษิณและป.ป.ช. ก็ไม่มีอำนาจในการเพิกถอนคำสั่งอายัติทรัพย์ของ คตส.อีกเช่นกัน
นายวิชัย กล่าวว่า การที่อดีตนายกฯจะขอเพิกถอนการอายัดทรัพย์ กรณีนี้อยู่นอกเหนือการวินิจฉัยของป.ป.ช.เป็นหน้าที่ของศาลที่จะวินิจฉัย ยอมรับว่า เรื่องนี้เป็นปัญหาทางข้อกฎหมาย เพราะมีข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก ซึ่งป.ป.ช.จะทำเอกสารชี้แจงในเรื่องนี้อีกครั้ง
นาง สมลักษณ์ จัดกระบวนพล กรรมการป.ป.ช.อีกคน กล่าวว่า ยอมรับว่า ป.ป.ช.ทุกคนห่วงในกรณีนี้เพราะเรื่องการอายัดทรัพย์ ยังไม่มีความชัดเจน อาจมีผลกระทบต่อประเทศได้ แต่ทุกอย่างต้องว่าไปตามกฎหมายซึ่งป.ป.ช. ต้องทำเรื่องนี้อย่างรอบคอบไม่เช่นนั้นจะมีความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเอง

คดีCTX-บ้านเอื้อไม่สมบูรณ์
ด้าน นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงข่าว ในการประชุมร่วมกันระหว่างคณะทำงานร่วมของอัยการ กับ ป.ป.ช. ในคดีทุจริตจัดซื้อเครื่อง ตรวจสอบวัตถุระเบิด CTX 9000 ปรากฏว่าทาง ป.ป.ช.เห็นด้วยกับข้อไม่สมบูรณ์ที่อัยการเสนอไปครบทุกข้อ ซึ่งคณะทำงานร่วมจะมีการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเสนอให้นายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุด พิจารณาสั่งคดีต่อไป
ส่วนคดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทร ของการเคหะแห่งชาติ ขณะนี้อัยการอยู่ระหว่างเตรียมแจ้งข้อไม่สมบูรณ์ในสำนวนคดีไปยังคณะกรรมการ ป.ป.ช.ซึ่งคาดว่าน่าจะดำเนินการได้ภายในสัปดาห์นี้
ส่วน คดียึดทรัพย์ 76,000 ล้าน ของ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น เมื่อวันที่ 23 ก.ค. ที่ผ่านมา มีการประชุมร่วมกันของคณะทำงานอัยการ และ ป.ป.ช. ซึ่งบรรยากาศ การประชุมเป็นไปด้วยดี โดยจะมีการประชุมร่วมกันอีกครั้งในสัปดาห์หน้า
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมอัยการสามารถทำงานร่วมกับ ป.ป.ช.ได้ดีไม่มีข้อติดขัดเหมือนที่ร่วมงานกับ คตส. นายธนพิชญ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนก็ไม่ทราบแต่ยืนยันว่าอัยการไม่เคยมีปัญหากับ คตส.เพียงแต่ต้องการให้สำนวนคดีมีความสมบูรณ์เท่านั้น

แม้วส่อหลุดคดีเอสซีแอสเสท
นายธนพิชญ์ ยังแถลงความคืบหน้า ารพิจารณาสำนวนคดีที่เกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า สำหรับคดีปกปิด โครงสร้างผู้ถือหุ้นบริษัท เอสซีแอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) สาเหตุที่คณะทำงานอัยการพิจารณาสั่งคดีได้ล่าช้าเนื่องจากต้องรอเอกสารสำคัญเกี่ยวกับการโอนหุ้นที่อัยการมีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ติดตามมาจากประเทศสิงค์โปร์ และมาเลเซีย
อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนตัวหัวหน้าพนักงานสอบสวนดีเอสไอจะไม่ส่งผลทำให้ เกิดการล่าช้าในการขอพยานเอกสารหลักฐานเพื่อมาส่งมอบให้อัยการ เพราะเรื่องนี้มีกำหนดเวลาตามวันนัดสั่งคดี และทุกเดือนเมื่อถึงกำหนดสั่งคดีอัยการจะมีการเตือนไปยังพนักงานสอบสวนอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีช่องทางอื่นในการติดตามเอกสารหลักฐานดังกล่าวหรือไม่ เพราะดีเอสไอ ถูกจับจ้องพยายามช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ นายธนพิชญ์ กล่าวว่า ตนไม่อยากให้มองอย่างนั้น เพราะคิดว่าทางดีเอสไอเองก็ต้องการให้เรื่องมันเสร็จ เพียงแต่อาจติดปัญหาในขั้นตอนที่ยุ่งยากเพราะเอกสารดังกล่าวต้องเรียกมาจาก ต่างประเทศ
ส่วนที่ อธิบดีดีเอสไอ ออกมาประกาศว่าหมดหน้าที่ในคดีเอสซีแอสเสทแล้ว นายธนพิชญ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ยังเป็นหน้าที่ของดีเอสไอ ซึ่งเป็นเหมือนเจ้าภาพที่จะต้องไปเสาะหาจะติดตามเอกสารดังกล่าวมาให้อัยการ ส่วนจะตามมาได้หรือไม่ก็ต้องแจ้งให้ทราบ
ยอมรับว่าเอกสารที่อัยการสั่งให้ดีเอสไอไปติดตามถือเป็นหลักฐานที่สำคัญอย่างยิ่งต่อการที่อัยการจะสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องคดี เพราะหลักฐานเท่าที่มีอยู่ในตอนนี้ ยอมรับว่าไม่เพียงพอที่จะมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาคดีได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับเอกสารเกี่ยวกับการโอนหุ้นที่อัยการมีคำสั่งให้ดีเอสไอ ติดตามมาจากสิงคโปร์และมาเลเซียนั้นถือเป็นหลักฐานสำคัญหากไม่สามารถนำมาเป็นหลักฐานได้ก็อาจทำให้อัยการไม่สามารถยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ ก็จะทำให้หลุดคดีไปในที่สุด
กำลังโหลดความคิดเห็น