xs
xsm
sm
md
lg

เศรษฐีน้ำมันไล่ซื้ออสังหา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บริษัทเอเจนซี่ฯระบุราคาน้ำมันที่สูงขึ้น กลายเป็นขุมทรัพย์ใหญ่ที่สร้างผลตอบแทนอย่างมหาศาลให้แก่กลุ่มเจ้าของน้ำมัน ส่งผลให้เศรษฐีน้ำมันมิดเดิลอิส - ยุโรป ขนเงินลงทุนอสังหาฯไทย เผยบางรายซื้อคอนโดฯยกล็อตเต็มอัตรากฎหมายการถือครองของต่างชาติ 49% รวมถึงรีสอร์ทเมืองท่องเที่ยว แบงก์ชาติเผยไตรมาสแรกยอดลงทุน 17,000 ล้านบาท คาดทั้งปีไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นล้านบาท ชี้หากรัฐผ่อนเกณฑ์ต่างชาติซื้อคอนโดฯเชื่อยอดลงทุนพุ่ง

นายวสันต์ คงจันทร์ กรรมผู้จัดการ บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด (AREA) บริษัทที่ปรึกษาและวิจัยทางด้านอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า จากตัวเลขของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เกี่ยวกับการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทยในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ มีสูงถึง 17,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่น่าสนใจมาก เพราะหากมีจำนวนเงินดังกล่าวเข้ามาอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะมีเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติทั้งปีสูงกว่า 50,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ ยอดลงทุนดังกล่าวถือว่าสูงมากหากเทียบกับปี 2550 ที่มีการลงทุนของต่างชาติเพียง 32,000 ล้านบาท แต่หากมองย้อนกลับไปเมื่อปี 2549 จะเห็นว่าตัวเลของนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาในอสังหาฯ ไทย รวมทั้งปีสูงถึง 50,000 ล้านบาท แล้วมาลดลงในปี 50 ซึ่งได้รับผลกระทบจากปัจจัยทางการเมือง จนเมื่อการเมืองมีความชัดเจนด้วยรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ทำให้นักลงทุนต่างชาติมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น

สำหรับเม็ดเงินลงทุนที่เข้ามาต่อเนื่องในปีนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า ส่วนใหญ่เป็นเม็ดเงินจากกลุ่มนักลงทุนแถบตะวันออกกลาง กลุ่มทุนน้ำมัน และกลุ่มทุนยุโรปตอนเหนือ เช่น นักลงทุนจากประเทศรัสเซีย ซึ่งมีผลกำไรที่ดีจากการปรับตัวของราคาน้ำมัน ทำให้มีเม็ดเงินมหาศาลในการลงทุนในตลาดโลก

ส่วนกลุ่มประเทศแถบเอเชียที่กลุ่มทุนเหล่านี้ให้ความสนใจ หนึ่งในนั้นคือ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเมืองไทย ส่วนหนึ่งมีศักยภาพด้านการท่องเที่ยว โดยทุนกลุ่มนี้จะเน้นการเข้ามาลงทุนซื้อคอนโดมิเนียมทั้งในกรุงเทพฯ และเมืองท่องเที่ยวต่างจังหวัด ในรูปแบบการซื้อแบบยกล็อตเต็มตามข้อกำหนดการถือครองของต่างชาติที่ 49%ของพื้นที่ขายทั้งหมด ซึ่งเริ่มเห็นจำนวนที่เพิ่มมากขึ้นแล้ว ส่วนที่เหลืออีก 51% นั้นบางรายเป็นการซื้อผ่านนอมินีหรือภรรยาคนไทย นอกจากนี้ กลุ่มดังกล่าวยังให้ความสนใจลงทุนในอสังหาฯที่เป็นรีสอร์ท วิลลาหรูตามเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญของไทย

“อย่างไรก็ตาม เม็ดเงินที่กลุ่มทุนเหล่านี้นำมาลงทุนในไทยถือว่าน้อยมาก หากเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านที่กลุ่มเหล่านี้สามารถซื้อคอนโดฯได้ยกตึก เช่น มาเลเซีย และสิงคโปร์ ซึ่งหากรัฐบาลไทยขยายการถือครองกรรมสิทธิ์ในอสังหาฯ มากกว่าที่เป็นอยู่ ก็จะช่วงส่งเสริมให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนในบ้านเรามากยิ่งขึ้น”

ขณะที่กลุ่มคนที่มีเงินเย็นหรือเงินออมในไทยเอง ก็เริ่มให้ความสนใจลงทุนในอสังหาริมทรัพย์มากขึ้นเช่นกัน โดยหลังจากที่ภาวะเงินเฟ้อสูงขึ้น และมีการประกาศยกเลิกการประกันเงินฝากในปี 2552 กลุ่มที่มีเงินเย็นเริ่มมองหาลู่ทางในการสร้างมูลค่าเพิ่ม ด้วยการนำเงินไปลงทุนในด้านอื่นๆ รวมถึง ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นด้วย โดยเฉพาะในตลาดคอนโดมิเนียม

ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2548 จนถึงปัจจุบัน ตัวเลขการซื้อคอนโดมิเนียมสะสมในตลาดอยู่ที่ 92,000 ยูนิต เป็นของกลุ่มนักลงทุนประมาณ 30-40% หรือประมาณปีละ 10,000 ยูนิต มีทั้งลงทุนแบบเก็งกำไร และลงทุนเพื่อปล่อยเช่า ทั้งนี้ ตัวเลขดังกล่าวยังไม่ถือว่าน่าหวั่นวิตกมากนัก เมื่อเทียบกับตัวเลขเก็งกำไรในช่วงก่อนฟองสบู่แตกปี 2540 ที่มีการเก็งกำไรคอนโดมิเนียมสูงถึงปีละ 1 แสนยูนิต

ก่อนหน้านี้ บริษัะท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ระบุว่า นักลงทุนชาวต่างชาติสนใจเข้ามาลงทุนซื้ออสังหาฯเพื่อการลงทุนเพิ่มมากขึ้น จากเดิมกลุ่มชาวต่างชาติจะซื้อเพื่อการพักอาศัยเป็นบ้านหลังที่ 2 เป็นส่วนใหญ่ โดยในปี 2549 จำนวนสินค้า(ซัปพลาย) ที่พักอาศัยในภูเก็ตมีจำนวนสูงถึง 1,473 หน่วย ต่อมาในปี 50 พบว่า จำนวนซัปพลายหดตัวลง 44% เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมือง คาดว่าในปีนี้ ซัปพลายมีแนวโน้มว่าจะปรับตัวสูงขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น