ผู้จัดการรายวัน – ซี พี ออลล์ช่วยผู้ประกอบการโชห่วยจัดสัมมนาให้ความรู้ทำธุรกิจค้าปลีกให้ยั่งยืน “สุวิทย์”ย้ำธุรกิจโชห่วยปิดตัวเพราะขาดทายาทสืบต่อธุรกิจ เผยร้านโชห่วยยังเติบโตปีละ 7 % คาด”มิ่งขวัญ”ยังไม่เร่งคลอด พรบ.ค้าปลีกฯเพราะจะมีผลกระทบต่อธุรกิจในระบบการค้าเสรี
นายสุวิทย์ กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการ อาวุโส บริษัท ซี พี ออลล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าบริษัทได้เห็นความสำคัญของธุรกิจค้าปลีกที่กระจายอยู่ทั่วประเทศและเป็นธุรกิจดั้งเดิม ซึ่งสถานการณ์ค้าปลีกทั่วโลกได้มีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วและอย่างต่อเนื่อง ทางบริษัทจึงได้วางแนวทางในการให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการทั่วประเทศกว่า 400,000 รายด้วยการจัดอบรมสัมมนาธุรกิจค้าปลีก หัวข้อ”กลยุทธ์การทำธุรกิจค้าปลีกให้ยั่งยืน” เพื่อให้ความรู้กับการบริหารกิจการค้าปลีกให้ทันสมัยและปรับตัวเพื่อการอยู่รอด ทั้งในด้านการจัดการสินค้าและบริการ การตลาด และการบริหารเงินทุน บุคลลและการเปลี่ยนแปลง ซึ่งโครงการนี้จัดโดย สถาบันเทคโนโลยีปัญญาภิวัฒน์ บริษัท เซเว่น อีเลฟเว่นและกรมการค้าภายใน ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 ส.ค.นี้เวลา 13.00-17.00 น.ที่โรงแรมเอเชีย
ปัจจุบันร้านค้าปลีกรายย่อยหรือโชห่วยที่ประสบปัญหาและต้องปิดกิจการไปนั้นมาจากสาเหตุอื่น ซึ่งพบว่า มีร้านค้าปลีกรายย่อยปี 2549 เกิดขึ้นกว่า 6.7 แสนราย ซึ่งในแต่ละปีคาดว่ามีร้านโชห่วยเพิ่มขึนปีละกว่า 5 พันรายหรือโตขึ้นปีละ 7 % สาเหตุมาจากผู้ประกอบการส่วนใหญ่ที่ในท้องถิ่นไม่รู้จะประกอบอาชีพอะไรก็หันมาประกอบกิจการประเภทโชห่วยเพิ่มขึ้น โดยมีเงินทุนสักก้อนหนึ่งและมีรถขนส่งสินค้าแล้วก็ไปซื้อสินค้ามาจำหน่าย มีรายได้วันละ 1,000 บาทก็อยู่ได้
“ต้องยอมรับว่าธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่มีส่วนช่วยผู้ประกอบการรายย่อยให้สามารถซื้อสินค้ามาจำหน่ายได้ในต้นทุนที่ต่ำกว่ายี่ปั๊วและซาปั๊วและไม่จำเป็นต้องมีการสต็อกสินค้าไว้เป็นจำนวนมาก ซึ่งทำให้มีช่องทางในการเลือกซื้อสินค้าราคาถูกได้มากขึ้น เพราะค้าปลีกรายใหญ่จะมาแข่งขันกับพ่อค้าคนกลางทำให้รายย่อยมีทางเลือกเพิ่มขึ้น “
นอกจากนี้ยังมีปัญหาว่าร้านโชห่วยรายย่อยต้องปิดกิจการนี้สาเหตุหลักเกิดจากไม่มีทายาทมารับช่วงทำต่อ พอมาถึงรุ่นลูกรุ่นหลานซึ่งจบการศึกษาระดับสูง ๆ มาก็หันไปประกอบอาชีพอื่นแทน ทำให้ไม่มีคนสานต่อ ทำให้ต้องเลิกกิจการโชห่วยไปในที่สุด จึงต้องยอมว่าปัญหาโชห่วยที่เลิกกิจการไปนั้นไม่ได้เป็นเพราะธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่เป็นต้นเหตุเท่านั้น ทั้งนี้โชห่วยยังจำเป็นต้องอยู่ในชุมชนในระดับหนึ่งเช่น ในตำบล หมู่บ้าน หรืออำเภอและในตลาดสด ก็ยังสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้หากมีการปรับตัวให้สอดคล้องกับการแข่งขัน
นายสุวิทย์ กล่าวต่อไปถึงความคืบหน้าของ พรบ.ค้าปลีกฯ ว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการของกระทรวงพาณิชย์ แต่นโยบายที่นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้มอบให้นักธุรกิจและผู้ประกอบการในช่วงที่เข้ามารับตำแหน่งใหม่ ๆ ว่าจะปล่อยระบบธุรกิจเป็นแบบการค้าเสรี จะไม่มีการกีดกันรายและแต่จะต้องได้รับความเป็นธรรมทุกฝ่าย ซึ่งเชื่อว่าจะยังไม่มีการผลักดันออกมาในช่วงนี้ เพราะภาวะเศรษฐกิจและการลงทุนยังไม่ดี หากผลักดันออกมาตอนนี้จะมีผลกระทบต่อการลงทุน
นายสุวิทย์ กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการ อาวุโส บริษัท ซี พี ออลล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าบริษัทได้เห็นความสำคัญของธุรกิจค้าปลีกที่กระจายอยู่ทั่วประเทศและเป็นธุรกิจดั้งเดิม ซึ่งสถานการณ์ค้าปลีกทั่วโลกได้มีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วและอย่างต่อเนื่อง ทางบริษัทจึงได้วางแนวทางในการให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการทั่วประเทศกว่า 400,000 รายด้วยการจัดอบรมสัมมนาธุรกิจค้าปลีก หัวข้อ”กลยุทธ์การทำธุรกิจค้าปลีกให้ยั่งยืน” เพื่อให้ความรู้กับการบริหารกิจการค้าปลีกให้ทันสมัยและปรับตัวเพื่อการอยู่รอด ทั้งในด้านการจัดการสินค้าและบริการ การตลาด และการบริหารเงินทุน บุคลลและการเปลี่ยนแปลง ซึ่งโครงการนี้จัดโดย สถาบันเทคโนโลยีปัญญาภิวัฒน์ บริษัท เซเว่น อีเลฟเว่นและกรมการค้าภายใน ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 ส.ค.นี้เวลา 13.00-17.00 น.ที่โรงแรมเอเชีย
ปัจจุบันร้านค้าปลีกรายย่อยหรือโชห่วยที่ประสบปัญหาและต้องปิดกิจการไปนั้นมาจากสาเหตุอื่น ซึ่งพบว่า มีร้านค้าปลีกรายย่อยปี 2549 เกิดขึ้นกว่า 6.7 แสนราย ซึ่งในแต่ละปีคาดว่ามีร้านโชห่วยเพิ่มขึนปีละกว่า 5 พันรายหรือโตขึ้นปีละ 7 % สาเหตุมาจากผู้ประกอบการส่วนใหญ่ที่ในท้องถิ่นไม่รู้จะประกอบอาชีพอะไรก็หันมาประกอบกิจการประเภทโชห่วยเพิ่มขึ้น โดยมีเงินทุนสักก้อนหนึ่งและมีรถขนส่งสินค้าแล้วก็ไปซื้อสินค้ามาจำหน่าย มีรายได้วันละ 1,000 บาทก็อยู่ได้
“ต้องยอมรับว่าธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่มีส่วนช่วยผู้ประกอบการรายย่อยให้สามารถซื้อสินค้ามาจำหน่ายได้ในต้นทุนที่ต่ำกว่ายี่ปั๊วและซาปั๊วและไม่จำเป็นต้องมีการสต็อกสินค้าไว้เป็นจำนวนมาก ซึ่งทำให้มีช่องทางในการเลือกซื้อสินค้าราคาถูกได้มากขึ้น เพราะค้าปลีกรายใหญ่จะมาแข่งขันกับพ่อค้าคนกลางทำให้รายย่อยมีทางเลือกเพิ่มขึ้น “
นอกจากนี้ยังมีปัญหาว่าร้านโชห่วยรายย่อยต้องปิดกิจการนี้สาเหตุหลักเกิดจากไม่มีทายาทมารับช่วงทำต่อ พอมาถึงรุ่นลูกรุ่นหลานซึ่งจบการศึกษาระดับสูง ๆ มาก็หันไปประกอบอาชีพอื่นแทน ทำให้ไม่มีคนสานต่อ ทำให้ต้องเลิกกิจการโชห่วยไปในที่สุด จึงต้องยอมว่าปัญหาโชห่วยที่เลิกกิจการไปนั้นไม่ได้เป็นเพราะธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่เป็นต้นเหตุเท่านั้น ทั้งนี้โชห่วยยังจำเป็นต้องอยู่ในชุมชนในระดับหนึ่งเช่น ในตำบล หมู่บ้าน หรืออำเภอและในตลาดสด ก็ยังสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้หากมีการปรับตัวให้สอดคล้องกับการแข่งขัน
นายสุวิทย์ กล่าวต่อไปถึงความคืบหน้าของ พรบ.ค้าปลีกฯ ว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการของกระทรวงพาณิชย์ แต่นโยบายที่นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้มอบให้นักธุรกิจและผู้ประกอบการในช่วงที่เข้ามารับตำแหน่งใหม่ ๆ ว่าจะปล่อยระบบธุรกิจเป็นแบบการค้าเสรี จะไม่มีการกีดกันรายและแต่จะต้องได้รับความเป็นธรรมทุกฝ่าย ซึ่งเชื่อว่าจะยังไม่มีการผลักดันออกมาในช่วงนี้ เพราะภาวะเศรษฐกิจและการลงทุนยังไม่ดี หากผลักดันออกมาตอนนี้จะมีผลกระทบต่อการลงทุน
