นายกค้าปลีกชี้ชัด ครึ่งปีหลังยังน่าห่วง โดยเฉพาะเรื่อเงินเฟ้อ ราคาน้ำมัน ฉุดกำลังซื้อผู้บริโภค ทั้งปีน่าจะโตแค่ 5% ด้านซีอาร์ซียันลงทุนต่อเนื่อง รุกตลาดคอมมูนิตี้มอลล์ ประเดิมทุ่ม 150 ล้านเปิดที่อุดมสุข ชูท็อปส์มาร์เก็ตตัวนำ
นายธนภณ ตังคณานันท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด ในฐานะนายกสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า ภาพรวมของธุรกิจค้าปลีกไทยในครึ่งปีหลังนี้คาดว่าอาจจะเติบโตได้ประมาณ 4-5% เช่นเดียวกับครึ่งปีแรก และคาดว่าทั้งปีคงอยู่ในระดับไม่เกิน 5% ใกล้เคียงกับปีที่แล้ที่เติบโต 4-5% ซึ่งถือว่าเป็นการเติบโตที่น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้เมื่อต้นปีนี้ว่า ปีนี้จะเติบโต 7-8% จากมูลค่าตลาดรวมกว่า 1.4-1.5 แสนล้านบาท ขณะที่เมื่อช่วงก่อนปี 2549 จะเติบโตเป็นตัวเลขสองหลักตลอด
ปีนี้ตอนไตรมาสแรกยังดีอยู่ แต่พอไตรมาสที่สองเริ่มชะลอตัวลง และไตรมาสที่สามยังน่าห่วง เนื่องจากยังมีปัจจัยลบอีก โดยเฉพาะที่น่าห่วงคือเรื่องของเงินเฟ้อ แต่มีแนวโน้มว่ารัฐบาลอาจจะสามารถควบคุมเงินเฟ้อได้ ส่วนปัจจัยที่นอกเหนือการควบคุมคือ ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นแม้ว่าจะราคาเริ่มตกลงมาบ้างก็ตามแต่ก็ยังเป็นสัดส่วนที่น้อย หรือสถานการณ์รอบโลกที่ยังไม่สงบ ปัญหาการเมืองในไทยยังเป็นตัวแปรหลัก
สถานการณ์แบบนี้ผู้บริโภคก็ต้องระมัดระวังในการใช้จ่าย เพราะค่าครองชีพสูงขึ้น รายได้ไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้นตามด้วย ดังนั้นผู้ประกอบการจะต้องคำนึงถึงการนำเสนอสิ่งดีให้กับผู้บริโภคคือ เรื่องราคาต่ำ คุณภาพสินค้าและการบริการ
อย่างไรก็ตามกลุ่มซีอาร์ซียังคงลงทุนต่อเนื่องเพื่อสร้างโอกาสและขยายธุรกิจใหม่ๆในวงการค้าปลีก แม้ว่ากม.ค้าปลีกที่จะออกมาจะคุมเข้ม ซึ่งสังเกตได้ว่า ขณะนี้ค้าปลีกส่วนใหญ่ขยายตัวในรูปแบบเล็กลงหรือเป็นคอมมูนิตี้มอลล์มากขึ้น เพราะลงทุนไม่มาก ตอบสนองไลฟ์สไตล์คนในปัจจุบันได้ตรงจุด
โดยล่าสุดซีอาร์ซีได้รุกเข้าสู่เซ็กเมนท์คอมมูนิตี้มอล์ เพราะว่าตลาดยังมีโอกาสและช่องว่างอีกมาก ขยายตัวได้รวดเร็วกว่าโมเดิร์นเทรดรูปแบบอื่น โดยวางแผนไว้ว่าจะเปิดให้ครอบคลุม 4 มุมเมืองในกรุงเทพฯให้ได้ก่อน และจะขยายในหัวเมืองใหญ่ต่างจังหวัดในอนาคต ซึ่งแผนปีหน้าจะเปิดตัวโครงการได้อย่างต่ำ 2-3 แห่งในปีหน้า ส่วนปีหน้าเปิดตัว 1 โครงการคือ ท็อปส์มาร์เก็ตเพลสอุดมสุข ลงทุน 150 ล้านบาท
ทั้งนี้โครงการแรกเป็นการเช่าพื้นที่ มีพื้นที่บริการ 5,000 ตารางเมตร ในเนื้อที่ 4.5 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่ท็อปส์มาร์เก็ต 1,500 ตร.ม. และเป็นสาขาที่ 102 ของกลุ่มท็อปส์ นอกนั้นเป็นพื้นที่ในร้านเช่า มีประมาณ 24 ร้านค้า ค่าเช่าเฉลีย 1,000 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน สัญญาเช่าอย่างต่ำ 3 ปี
สาเหตุที่เปิดที่อุดมสุขเนื่องจากว่า ย่านรัศมี 3-5 กิโลเมตร มีประชากรอาศัยรวม 53,889 คน รวมบ้านเรือนประมาณ 21,498 ครัวเรือน มีหมู่บ้านขนาดใหญ่มากมาย กลุ่มคนมีกำลังซื้อสูง การเติบโตของชุมชนค่อนข้างเร็ว จากข้อมูลพบว่า ปี 2544-2548 บ้านสร้างใหม่มีมากกว่า 4,600 หลัง โดยเฉพาะบริเวณถนนเฉลิมพระเกียรติบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ เกิดขึ้น รวมกว่า 40-100 หลังต่อโครงการ ราคาเฉลี่ย 3-12 ล้านบาทต่อหลัง กลุ่มเป้าหมายคือ กลุ่มคนทำงาน ครอบครัวที่มีขนาดเล็ก-กลาง รายได้ปานกลาง-สูง
อย่างไรก็ตาม หากสาขาใหม่ที่มีพื้นที่เฉลี่ย 5- 10 ไร่ ก็อาจจะนำเอาบิสซิเนยูนิตในเครือเซ็นทรัลเมาเปิดบริการด้วยเช่น บีทูเอส ซูเปอร์สปอร์ต โฮมเวิร์ค เพาเวอร์บาย เป็นตน ซึ่งสาขาแรกนี้ไม่มีเปิดบริการเนื่องจากพื้นที่มีไม่มากพอ
นายธนภณ ตังคณานันท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด ในฐานะนายกสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า ภาพรวมของธุรกิจค้าปลีกไทยในครึ่งปีหลังนี้คาดว่าอาจจะเติบโตได้ประมาณ 4-5% เช่นเดียวกับครึ่งปีแรก และคาดว่าทั้งปีคงอยู่ในระดับไม่เกิน 5% ใกล้เคียงกับปีที่แล้ที่เติบโต 4-5% ซึ่งถือว่าเป็นการเติบโตที่น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้เมื่อต้นปีนี้ว่า ปีนี้จะเติบโต 7-8% จากมูลค่าตลาดรวมกว่า 1.4-1.5 แสนล้านบาท ขณะที่เมื่อช่วงก่อนปี 2549 จะเติบโตเป็นตัวเลขสองหลักตลอด
ปีนี้ตอนไตรมาสแรกยังดีอยู่ แต่พอไตรมาสที่สองเริ่มชะลอตัวลง และไตรมาสที่สามยังน่าห่วง เนื่องจากยังมีปัจจัยลบอีก โดยเฉพาะที่น่าห่วงคือเรื่องของเงินเฟ้อ แต่มีแนวโน้มว่ารัฐบาลอาจจะสามารถควบคุมเงินเฟ้อได้ ส่วนปัจจัยที่นอกเหนือการควบคุมคือ ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นแม้ว่าจะราคาเริ่มตกลงมาบ้างก็ตามแต่ก็ยังเป็นสัดส่วนที่น้อย หรือสถานการณ์รอบโลกที่ยังไม่สงบ ปัญหาการเมืองในไทยยังเป็นตัวแปรหลัก
สถานการณ์แบบนี้ผู้บริโภคก็ต้องระมัดระวังในการใช้จ่าย เพราะค่าครองชีพสูงขึ้น รายได้ไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้นตามด้วย ดังนั้นผู้ประกอบการจะต้องคำนึงถึงการนำเสนอสิ่งดีให้กับผู้บริโภคคือ เรื่องราคาต่ำ คุณภาพสินค้าและการบริการ
อย่างไรก็ตามกลุ่มซีอาร์ซียังคงลงทุนต่อเนื่องเพื่อสร้างโอกาสและขยายธุรกิจใหม่ๆในวงการค้าปลีก แม้ว่ากม.ค้าปลีกที่จะออกมาจะคุมเข้ม ซึ่งสังเกตได้ว่า ขณะนี้ค้าปลีกส่วนใหญ่ขยายตัวในรูปแบบเล็กลงหรือเป็นคอมมูนิตี้มอลล์มากขึ้น เพราะลงทุนไม่มาก ตอบสนองไลฟ์สไตล์คนในปัจจุบันได้ตรงจุด
โดยล่าสุดซีอาร์ซีได้รุกเข้าสู่เซ็กเมนท์คอมมูนิตี้มอล์ เพราะว่าตลาดยังมีโอกาสและช่องว่างอีกมาก ขยายตัวได้รวดเร็วกว่าโมเดิร์นเทรดรูปแบบอื่น โดยวางแผนไว้ว่าจะเปิดให้ครอบคลุม 4 มุมเมืองในกรุงเทพฯให้ได้ก่อน และจะขยายในหัวเมืองใหญ่ต่างจังหวัดในอนาคต ซึ่งแผนปีหน้าจะเปิดตัวโครงการได้อย่างต่ำ 2-3 แห่งในปีหน้า ส่วนปีหน้าเปิดตัว 1 โครงการคือ ท็อปส์มาร์เก็ตเพลสอุดมสุข ลงทุน 150 ล้านบาท
ทั้งนี้โครงการแรกเป็นการเช่าพื้นที่ มีพื้นที่บริการ 5,000 ตารางเมตร ในเนื้อที่ 4.5 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่ท็อปส์มาร์เก็ต 1,500 ตร.ม. และเป็นสาขาที่ 102 ของกลุ่มท็อปส์ นอกนั้นเป็นพื้นที่ในร้านเช่า มีประมาณ 24 ร้านค้า ค่าเช่าเฉลีย 1,000 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน สัญญาเช่าอย่างต่ำ 3 ปี
สาเหตุที่เปิดที่อุดมสุขเนื่องจากว่า ย่านรัศมี 3-5 กิโลเมตร มีประชากรอาศัยรวม 53,889 คน รวมบ้านเรือนประมาณ 21,498 ครัวเรือน มีหมู่บ้านขนาดใหญ่มากมาย กลุ่มคนมีกำลังซื้อสูง การเติบโตของชุมชนค่อนข้างเร็ว จากข้อมูลพบว่า ปี 2544-2548 บ้านสร้างใหม่มีมากกว่า 4,600 หลัง โดยเฉพาะบริเวณถนนเฉลิมพระเกียรติบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ เกิดขึ้น รวมกว่า 40-100 หลังต่อโครงการ ราคาเฉลี่ย 3-12 ล้านบาทต่อหลัง กลุ่มเป้าหมายคือ กลุ่มคนทำงาน ครอบครัวที่มีขนาดเล็ก-กลาง รายได้ปานกลาง-สูง
อย่างไรก็ตาม หากสาขาใหม่ที่มีพื้นที่เฉลี่ย 5- 10 ไร่ ก็อาจจะนำเอาบิสซิเนยูนิตในเครือเซ็นทรัลเมาเปิดบริการด้วยเช่น บีทูเอส ซูเปอร์สปอร์ต โฮมเวิร์ค เพาเวอร์บาย เป็นตน ซึ่งสาขาแรกนี้ไม่มีเปิดบริการเนื่องจากพื้นที่มีไม่มากพอ
