โอสถสภา เบรกแผนปรับราคาสินค้าขึ้นครึ่งปีหลัง หลังกำลังซื้อผู้บริโภคเมืองกรุง-ภูธร ส่อแววลดลงต่อเนื่อง หวั่นขึ้นราคากระทบยอดขายวูบ ระบุทิศทางการตลาดผู้ประกอบการหน้ามืด อัดโปรโมชัน ลด แลก แจก แถม หนักหวังกระตุ้นยอดขาย
นายวิเชียร สันติมหกุลเลิศ ผู้อำนวยการการตลาด บริษัท โอสถสภา จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภค เปิดเผยว่า จากเมื่อต้นปีที่ผ่านมาบริษัทฯได้วางแผนที่จะปรับราคาสินค้าขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังในกลุ่มอุปโภคทั้งหมด อาทิ แป้งเด็กเบบี้มายด์ ทเวลฬ์พลัส เอ็กซิท เนื่องจากไม่สามารถแบกรับภาระต้นทุนที่ปรับเพิ่มขึ้นได้
แต่เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจครึ่งปีหลังไม่ดีมากนัก และประการสำคัญกำลังซื้อของผู้บริโภคทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดลดลงอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงตัดสินใจไม่ขึ้นราคา แม้ว่าขณะนี้บริษัทแบกรับภาระต้นทุนการผลิตเฉพาะวัตถุดิบอย่างเดียว 10% ยังไม่รวมค่าขนส่ง เพราะเกรงว่าหากขึ้นราคาไปแล้วจะส่งผลกระทบยอดขายภายหลัง
“ในช่วงที่ผ่านมาผู้ประกอบการหลายรายต้องการขึ้นราคาสินค้าในช่วงครึ่งปีหลัง แต่ขณะนี้พบว่าหลายรายไม่ได้ปรับราคาสินค้าขึ้น อาทิ บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง และบริษัท พีแอนด์จี แต่กลับเลือกวิธีการลดปริมาณแต่จำหน่ายราคาเท่าเดิมแทน เพราะอย่างน้อยก็ช่วยในเรื่องจิตวิทยาของผู้บริโภค เพื่อไม่ให้รู้สึกว่าสินค้าแพงขึ้น”
สำหรับปีนี้ตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตได้ถึง 5% ก็ถือว่าเก่งแล้ว เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาตลาดมีอัตราการเติบโต 6-7% โดยพบว่า ตลาดโคลโลญจ์หดตัวลง 5% ขณะที่ ตลาดรวมโรลออนมีมูลค่า 1,014 ล้านบาทก็หดตัวลง 5% เนื่องจากผู้บริโภคลดความถี่ในการใช้ลง
อย่างไรก็ตามตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคในช่วงครึ่งปีหลัง มีแนวโน้มว่าสงครามโปรโมชัน ลด แลก แจก แถม จะมีความรุนแรงมากขึ้น เพื่อกระตุ้นกำลังการซื้อของผู้บริโภค ทั้งนี้การที่ผู้ประกอบการไม่กล้าขึ้นราคา แล้วยังอัดงบเพื่อทำโปรโมชัน ส่วนหนึ่งเพราะสถานการณ์ตลาดแย่มาก ผู้ประกอบการตกอยู่ภาวะหน้ามืดเหมือนกันหมด ซึ่งพบว่ามีผู้ประกอบการแป้งเด็กอัดโปรโมชันซื้อ 1 แถม 1 โดยเป็นการทำโปรโมชันไม่เคยมีมาก่อน
สำหรับแผนการตลาดโอสถสภาในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทมุ่งเน้นการทำโปรโมชัน ลด แลก แจก แถม มากขึ้น ทั้งนี้เพื่อช่วงชิงกำลังการซื้อของผู้บริโภค ขณะเดียวกันบริษัทจะลดงบการทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อโทรทัศน์ลดลง อย่างไรก็ตามขณะนี้บริษัทกำลังพิจารณาลดปริมาณแต่จำหน่ายราคาเท่าเดิมแทน ทั้งนี้เพื่อต้นทุนต่างๆของบริษัทที่ปรับสูงขึ้น และเพื่อให้ผลประกอบการของบริษัทเป็นไปตามเป้าหมายตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต 7% หรือมีรายได้ 6,000 ล้านบาท โดยผลประกอบการครึ่งปีแรกมีอัตราการเติบโต 7-8%
นายวิเชียร สันติมหกุลเลิศ ผู้อำนวยการการตลาด บริษัท โอสถสภา จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภค เปิดเผยว่า จากเมื่อต้นปีที่ผ่านมาบริษัทฯได้วางแผนที่จะปรับราคาสินค้าขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังในกลุ่มอุปโภคทั้งหมด อาทิ แป้งเด็กเบบี้มายด์ ทเวลฬ์พลัส เอ็กซิท เนื่องจากไม่สามารถแบกรับภาระต้นทุนที่ปรับเพิ่มขึ้นได้
แต่เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจครึ่งปีหลังไม่ดีมากนัก และประการสำคัญกำลังซื้อของผู้บริโภคทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดลดลงอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงตัดสินใจไม่ขึ้นราคา แม้ว่าขณะนี้บริษัทแบกรับภาระต้นทุนการผลิตเฉพาะวัตถุดิบอย่างเดียว 10% ยังไม่รวมค่าขนส่ง เพราะเกรงว่าหากขึ้นราคาไปแล้วจะส่งผลกระทบยอดขายภายหลัง
“ในช่วงที่ผ่านมาผู้ประกอบการหลายรายต้องการขึ้นราคาสินค้าในช่วงครึ่งปีหลัง แต่ขณะนี้พบว่าหลายรายไม่ได้ปรับราคาสินค้าขึ้น อาทิ บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง และบริษัท พีแอนด์จี แต่กลับเลือกวิธีการลดปริมาณแต่จำหน่ายราคาเท่าเดิมแทน เพราะอย่างน้อยก็ช่วยในเรื่องจิตวิทยาของผู้บริโภค เพื่อไม่ให้รู้สึกว่าสินค้าแพงขึ้น”
สำหรับปีนี้ตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตได้ถึง 5% ก็ถือว่าเก่งแล้ว เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาตลาดมีอัตราการเติบโต 6-7% โดยพบว่า ตลาดโคลโลญจ์หดตัวลง 5% ขณะที่ ตลาดรวมโรลออนมีมูลค่า 1,014 ล้านบาทก็หดตัวลง 5% เนื่องจากผู้บริโภคลดความถี่ในการใช้ลง
อย่างไรก็ตามตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคในช่วงครึ่งปีหลัง มีแนวโน้มว่าสงครามโปรโมชัน ลด แลก แจก แถม จะมีความรุนแรงมากขึ้น เพื่อกระตุ้นกำลังการซื้อของผู้บริโภค ทั้งนี้การที่ผู้ประกอบการไม่กล้าขึ้นราคา แล้วยังอัดงบเพื่อทำโปรโมชัน ส่วนหนึ่งเพราะสถานการณ์ตลาดแย่มาก ผู้ประกอบการตกอยู่ภาวะหน้ามืดเหมือนกันหมด ซึ่งพบว่ามีผู้ประกอบการแป้งเด็กอัดโปรโมชันซื้อ 1 แถม 1 โดยเป็นการทำโปรโมชันไม่เคยมีมาก่อน
สำหรับแผนการตลาดโอสถสภาในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทมุ่งเน้นการทำโปรโมชัน ลด แลก แจก แถม มากขึ้น ทั้งนี้เพื่อช่วงชิงกำลังการซื้อของผู้บริโภค ขณะเดียวกันบริษัทจะลดงบการทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อโทรทัศน์ลดลง อย่างไรก็ตามขณะนี้บริษัทกำลังพิจารณาลดปริมาณแต่จำหน่ายราคาเท่าเดิมแทน ทั้งนี้เพื่อต้นทุนต่างๆของบริษัทที่ปรับสูงขึ้น และเพื่อให้ผลประกอบการของบริษัทเป็นไปตามเป้าหมายตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต 7% หรือมีรายได้ 6,000 ล้านบาท โดยผลประกอบการครึ่งปีแรกมีอัตราการเติบโต 7-8%