รอยเตอร์ - คอนโดลีซซา ไรซ์ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เตือนเมื่อวานนี้ (21) ว่าอิหร่านจะต้องให้ "คำตอบที่ชัดเจน" ภายในกำหนดเส้นตายของมหาอำนาจหกชาติที่เสนอให้ความช่วยเหลือด้านการค้าและเทคนิคแก่อิหร่าน แลกเปลี่ยนกับการที่เตหะรานต้องยอมหยุดโครงการเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียม โดยเธอขู่ว่าถ้าเตหะรานยังถ่วงเวลาต่อไปก็จะถูกมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มขึ้น
"เราอยู่ในจุดยืนอันแข็งแกร่งที่สุดที่จะเป็นไปได้แล้ว เพื่อสาธิตให้เห็นว่าหากอิหร่านไม่ดำเนินการตามนั้นแล้วก็จะถึงเวลากลับไปใช้แนวทาง (คว่ำบาตร) นั้นอีก" ไรซ์กล่าว
ครั้งนี้นับเป็นการแสดงความเห็นของไรซ์ครั้งแรกหลังจากที่สหรัฐฯ เปลี่ยนแนวนโยบาย โดยยอมร่วมพูดคุยกับอิหร่านในที่ประชุมระหว่างมหาอำนาจ 6 ชาติกับอิหร่าน เพื่อยุติโครงการนิวเคลียร์ของเตหะราน ซึ่งจัดขึ้นที่เจนีวาเมื่อวันเสาร์ (19)
ไรซ์ยังกล่าวในระหว่างการเดินทางเยือนยุโรปและเอเชียว่า หากอิหร่านไม่ทำตามข้อเรียกร้องของผู้นำโลก สหรัฐฯ จะประกาศใช้มาตรการแซงก์ชันแบบทวิภาคีต่ออิหร่านให้มากขึ้น ส่วนประเทศยุโรปก็จะหาช่องทางที่จะตอบโต้อิหร่านเช่นกัน
ไรซ์บอกว่าตัวแทนของอิหร่านในที่ประชุมเมื่อวันเสาร์มัวแต่พูดเรื่องเล็กๆ แทนที่จะพูดถึงเรื่องหลักคือข้อเสนอของชาติตะวันตก ทั้งๆ ที่ฆาเบียร์ โซลานา ประธานด้านนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรปได้ระบุในที่ประชุมอย่างชัดเจนแล้วเกี่ยวกับทางเลือกของอิหร่าน
"ข้อความที่มีถึงชาวอิหร่านนั้นชัดเจนมากว่า พวกเขาไม่สามารถที่จะถ่วงเวลาแล้วเอาแต่พูดเล็กพูดน้อยเกี่ยวกับเรื่องวัฒนธรรม มันชัดเจนแล้วว่าพวกเขาต้องตัดสินใจ"
ไรซ์กล่าวว่าสหรัฐฯ ไม่มีแผนการเข้าร่วมพูดคุยเรื่องนิวเคลียร์อีก จนกว่าอิหร่านจะทำตามเงื่อนไขโดยหยุดเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียม ส่วนการตัดสินใจเข้าร่วมการประชุมที่เจนีวานั้นเป็นเพราะสหรัฐฯ ต้องการแสดงให้เห็นว่ามีความมุ่งมั่นอย่างจริงจังในการเสนอความช่วยเหลือแก่อิหร่าน และไม่ควรมองว่าเป็นการมุ่งสานความสัมพันธ์ต่อกัน
"ดิฉันคิดว่าเราได้ดำเนินการมากเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าสหรัฐฯ เอาจริง และเพื่อให้พันธมิตรของเรามั่นใจว่าเราเอาจริง และให้ชาวอิหร่านเห็นด้วยว่าเราเอาจริง" ไรซ์กล่าว
ส่วนซาอีด จาลิลี ตัวแทนเจรจาจากอิหร่าน กล่าวว่าในการประชุมคราวหน้าอิหร่านจะไม่พูดถึงข้อเรียกร้องให้หยุดโครงการนิวเคลียร์ เพราะเป้าหมายโครงการดังกล่าวเป็นไปเพื่อสันติ
นอกจากนั้น ประธานาธิบดีมาห์มูด อามาดิเนจาดของอิหร่าน ก็กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า "การเจรจาใดๆ ที่เกิดขึ้นถือเป็นความคืบหน้าอีกหนึ่งก้าว" ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของอิหร่านบอกว่า อิหร่านพร้อมที่ตอบรับกับข้อเสนอในทางบวกของสหรัฐฯ แต่อิหร่านไม่แน่ใจว่าสหรัฐฯ จะเลือกใช้แนวทางการทูตหรือใช้กำลังกันแน่
"เราอยู่ในจุดยืนอันแข็งแกร่งที่สุดที่จะเป็นไปได้แล้ว เพื่อสาธิตให้เห็นว่าหากอิหร่านไม่ดำเนินการตามนั้นแล้วก็จะถึงเวลากลับไปใช้แนวทาง (คว่ำบาตร) นั้นอีก" ไรซ์กล่าว
ครั้งนี้นับเป็นการแสดงความเห็นของไรซ์ครั้งแรกหลังจากที่สหรัฐฯ เปลี่ยนแนวนโยบาย โดยยอมร่วมพูดคุยกับอิหร่านในที่ประชุมระหว่างมหาอำนาจ 6 ชาติกับอิหร่าน เพื่อยุติโครงการนิวเคลียร์ของเตหะราน ซึ่งจัดขึ้นที่เจนีวาเมื่อวันเสาร์ (19)
ไรซ์ยังกล่าวในระหว่างการเดินทางเยือนยุโรปและเอเชียว่า หากอิหร่านไม่ทำตามข้อเรียกร้องของผู้นำโลก สหรัฐฯ จะประกาศใช้มาตรการแซงก์ชันแบบทวิภาคีต่ออิหร่านให้มากขึ้น ส่วนประเทศยุโรปก็จะหาช่องทางที่จะตอบโต้อิหร่านเช่นกัน
ไรซ์บอกว่าตัวแทนของอิหร่านในที่ประชุมเมื่อวันเสาร์มัวแต่พูดเรื่องเล็กๆ แทนที่จะพูดถึงเรื่องหลักคือข้อเสนอของชาติตะวันตก ทั้งๆ ที่ฆาเบียร์ โซลานา ประธานด้านนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรปได้ระบุในที่ประชุมอย่างชัดเจนแล้วเกี่ยวกับทางเลือกของอิหร่าน
"ข้อความที่มีถึงชาวอิหร่านนั้นชัดเจนมากว่า พวกเขาไม่สามารถที่จะถ่วงเวลาแล้วเอาแต่พูดเล็กพูดน้อยเกี่ยวกับเรื่องวัฒนธรรม มันชัดเจนแล้วว่าพวกเขาต้องตัดสินใจ"
ไรซ์กล่าวว่าสหรัฐฯ ไม่มีแผนการเข้าร่วมพูดคุยเรื่องนิวเคลียร์อีก จนกว่าอิหร่านจะทำตามเงื่อนไขโดยหยุดเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียม ส่วนการตัดสินใจเข้าร่วมการประชุมที่เจนีวานั้นเป็นเพราะสหรัฐฯ ต้องการแสดงให้เห็นว่ามีความมุ่งมั่นอย่างจริงจังในการเสนอความช่วยเหลือแก่อิหร่าน และไม่ควรมองว่าเป็นการมุ่งสานความสัมพันธ์ต่อกัน
"ดิฉันคิดว่าเราได้ดำเนินการมากเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าสหรัฐฯ เอาจริง และเพื่อให้พันธมิตรของเรามั่นใจว่าเราเอาจริง และให้ชาวอิหร่านเห็นด้วยว่าเราเอาจริง" ไรซ์กล่าว
ส่วนซาอีด จาลิลี ตัวแทนเจรจาจากอิหร่าน กล่าวว่าในการประชุมคราวหน้าอิหร่านจะไม่พูดถึงข้อเรียกร้องให้หยุดโครงการนิวเคลียร์ เพราะเป้าหมายโครงการดังกล่าวเป็นไปเพื่อสันติ
นอกจากนั้น ประธานาธิบดีมาห์มูด อามาดิเนจาดของอิหร่าน ก็กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า "การเจรจาใดๆ ที่เกิดขึ้นถือเป็นความคืบหน้าอีกหนึ่งก้าว" ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของอิหร่านบอกว่า อิหร่านพร้อมที่ตอบรับกับข้อเสนอในทางบวกของสหรัฐฯ แต่อิหร่านไม่แน่ใจว่าสหรัฐฯ จะเลือกใช้แนวทางการทูตหรือใช้กำลังกันแน่
