xs
xsm
sm
md
lg

ส่ง"บุญสร้าง"เจรจาพิพาทชายแดน"หมัก"หงอ"ฮุนเซน"กดดัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

"หมัก" กระเหี้ยนกระหือรือ ทำตามเขมร เรียกถกด่วนผู้นำเหล่าทัพ หาทางแก้ไขปัญหาความขัดแย้งไทย-กัมพูชา หลัง "ฮุนเซน" จี้ให้ไทยถอนทหารจากชายแดนเขาพระวิหาร ส่ง"บุญสร้าง" พร้อมจดหมาย นำไปเจรจา "เตีย บันห์" ที่สระแก้ว 21 ก.ค.นี้ "สุริยะใส" เฉ่ง"หมัก" ส่ง ผบ.สส. เจรจาเขมรโดยไร้จุดยืน จี้ประกาศไม่รับรองมติ กก. มรดกโลกก่อนเปิดเจรจา จับตา"บุช"พบ"แม้ว" ที่เชียงใหม่ 9 ส.ค.นี้ ส่อแบ่งเค้กธุรกิจพลังงาน ด้าน สื่อนอกตีข่าวทั้งสองฝ่ายต่างเพิ่มกำลังทหาร และอาวุธ ตรึงชายแดน และเกือบยิงใส่กัน " ชวน" ห่วงความขัดแย้งบานปลาย แนะกก.ปักปันเขตแดน ยึดบันทึกข้อตกลงปี 43 ข้อยุติปัญหาพื้นที่ทับซ้อน

หลังจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชามีความตึงเครียด เนื่องจากทั้งสองฝ่ายได้นำกำลังทหารติดอาวุธเข้าประชิดชายแดนระหว่างกัน โดยนายฮุน เซ็น นายกรัฐมนตรีกัมพูชาได้ส่งหนังสือด่วน ถึงนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ขอให้ไทยถอนกำลังทหารบริเวณใกล้ปราสาทพระวิหารออกไปโดยด่วน

วานนี้ (18 ก.ค.) เวลา 15.00 น. นายกรัฐมนตรีได้เรียกประชุมด่วน ผู้นำเหล่าทัพ ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เพื่อหารือถึงแนวทางแก้ไขปัญหา ก่อนจะมีการประชุมคณะกรรมการกิจการชายแดนไทย - กัมพูชาหรือ จีบีซี ในวันที่ 21 ก.ค.นี้ ที่โรงแรมอินโดจีน อ. อรัญประเทศ จ. สระแก้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศก่อนการประชุมว่า เมื่อเวลา 14.00 น. นายสมัคร เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล พร้อมกับพล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.สส. ต่อมา พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. และ พล.อ.ชลิต พุกผาสุก ผบ.ทอ. เดินทางมาสมทบ ตามด้วย พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผบ.ทร พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. พล.ท. สุรพล เผื่อนอัยกา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ พล.ท.นิพัทธ์ ทองเล็ก เจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร ทั้งนี้ ในการประชุมดังกล่าว มีตัวแทนจากกรมแผนที่ทหารเข้าร่วมประชุมด้วย โดยเป็นการประชุมลับ

จากนั้นเวลา 16.30 น. พล.ท. สุรพล เผื่อนอัยกา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ตนมาร่วมประชุมเฉย ๆ ส่วนเรื่องรายละเอียดต่างๆ ต้องถาม ผบ.สส. ดีกว่า เพราะเป็นผู้ที่มีรายละเอียด เมื่อถามว่า ที่ประชุมมีการพูดถึงสารที่ นายฮุน เซน ส่งถึงนายสมัคร ด้วยหรือไม่ พล.ท.สุรพล กล่าวปฏิเสธว่า ตนพูดอะไรไม่ได้เลย ประเด็นคือ ตนไม่ใช่เจ้าของเรื่อง เพียงแต่มารับทราบ ถ้าจะถามให้ไปถามผู้บัญชาการทหารสูงสุด

เมื่อถามว่า นายกฯได้แสดงความเป็นห่วงต่อสถานการณ์ขณะนี้อย่างไร พล.ท.สุรพล กล่าวว่า ท่านก็เป็นห่วงบ้านเมือง ซึ่งแนวโน้มจะมีการเจรจา ไม่มีการเผชิญหน้าแน่นอน

"หมัก"ส่ง"บุญสร้าง"ไปเจรจา

ด้าน พล.ท.นิพัทธ์ ทองเล็ก เจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร เปิดเผยว่า ในที่ประชุมได้มีการหารือถึงสถานการณ์บริเวณชายแดน จ.ศรีสะเกษ โดยนายกรัฐมนตรี จะใช้กลไกระหว่างประเทศ ที่เรียกว่า คณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ จีบีซี ซึ่งจะมี รมว.กลาโหม ของทั้ง 2 ประเทศ เป็นประธานการประชุม แต่ในการประชุม วันที่ 21 ก.ค.นี้ ที่โรงแรมอินโดจีน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว นายกรัฐมนตรีได้มอบหมาย พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.สส. ในฐานะรองประธานคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา เป็นผู้แทน ในการประชุม ซึ่งจะเดินทางไปพร้อมกับปลัดกระทรวงมหาดไทย และอธิบดีกรมสนธิสัญญา กระทรวงการต่างประเทศ

พล.ท.นิพัทธ์ กล่าวด้วยว่า การประชุมในวันนี้ เป็นการทำความเข้าใจของฝ่ายไทย และการกำหนดท่าทีในการที่จะพูดจากับทางกัมพูชา ซึ่งทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยนายสมัคร ได้เขียนบันทึกข้อความถึง พล.อ.เตีย บันห์ โดยฝากให้ พล.อ.บุญสร้าง ส่งไปให้

ทั้งนี้การเจรจา จะพูดกันในกรอบของประเด็นปัญหาในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะจ.ศรีสะเกษ ซึ่งมีปัญหาพื้นที่ทับซ้อน ก็จะถูกหยิบยกขึ้นมาพูดจากัน และเมื่อตัวแทนผู้นำทั้ง 2 ประเทศได้พบกัน ก็เป็นโอกาสดี ที่จะได้พูดจากันทุกเรื่อง ทั้งนี้ความสัมพันธ์ระหว่างคนไทย-กัมพูชาไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เพราะผบ. ทบ.ได้ร่วมชี้แจง สถานการณ์อย่างชัดเจน ซึ่งระบุว่า การแก้ปัญหาที่ผ่านมาทั้งหมด ทำได้ด้วยความร่วมมือระหว่าง 2 ประเทศอย่างไร ทุกอย่างเป็นที่เข้าใจกันดี

ถอนทหารหรือไม่รอหลังประชุม

เมื่อถามว่านายกฯ ได้ชี้แจงเกี่ยวกับสาร ที่นายฮุน เซน ส่งมาเพื่อขอให้ทหารไทยถอนกำลังออกจากพื้นที่เขาพระวิหารหรือไม่ พล.ท.นิพัทธ์ กล่าวว่า ได้มีการพูดจากับนายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่จะเดินทางไปประชุมในครั้งนี้ โดยจะนำไปพูดจากับกัมพูชา เมื่อถามย้ำว่าจะถอนทหารในพื้นที่หรือไม่ พล.ท.นิพัทธ์ กล่าวว่า เรื่องทั้งหมดจะนำไปพูดจาในเวทีที่ประชุมคณะกรรมการ จีบีซี ซึ่งหลังจากการประชุม จะมีการแถลงข่าวร่วมที่ อ.อรัญประเทศ อีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม นายกฯได้มอบหมายว่าในการพูดจากันทุกอย่างต้องดำรงอยู่บนความสัมพันธ์ที่ดีของทั้ง 2 ประเทศ เป็นสิ่งที่จะต้องยึดถือ และจะต้องทำให้ได้

เฉ่ง"หมัก"ส่ง ผบ.สส.ถก "ฮุนเซน" ไร้จุดยืน

นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึง การประชุมของนายกรัฐมนตรี และผู้นำเหล่าทัพ ที่มีมติให้ พล.อ.บุญสร้างไปหารือกับ พล.อ.เตีย บันห์ ถือว่าไม่ถูกต้อง รัฐบาลควรจะแสดงจุดยืนให้ชัดเจน ก่อนว่าจะเจรจาเรื่องอะไร รัฐบาลควรมีจุดยืนว่าไม่ควรรับมติของคณะกรรมการมรดกโลก ที่มีข้อพิรุธหลายประการ การที่ไปแสดงจุดยืนของผบ.สส.ในวันจันทร์นี้ จึงไม่มีความหมายอะไร เป็นในลักษณะลูบหน้าปะจมูก ดังนั้น พันธมิตรฯจึงขอเรียกร้องให้กองทัพ แสดงจุดยืน และควรไม่รับรองก่อนที่จะมีการเดินหน้าเจรจาอะไร

นายสุริยะใส กล่าวอีกว่า เราทราบมาว่าในวันที่ 9 ส.ค.นี้ นายจอร์จ ดับเบิลยู บุช ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะไปพบปะกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่จ. เชียงใหม่ เกรงว่าจะมีการพูดคุยในเรื่องของพลังงานน้ำมัน เพราะทราบกันดีอยู่แล้วว่านายจอร์จ ดับเบิลยู บุช มีธุรกิจน้ำมัน บางส่วนอาจจะมีการเสนอเรื่องนี้ ดังนั้นเราจึงขอเรียกร้องว่า กองทัพ และรัฐบาล ควรที่จะปกป้องผลประโยชน์ของชาติ

ทั้งเขมรและไทยต่างส่งทหารเพิ่ม

สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่า นายเฮงโซธ เจ้าหน้าที่กัมพูชาได้บอกกับผู้สื่อข่าวที่ปราสาทพระวิหารว่า ไทยได้ส่งทหารเพิ่มเติมเข้าไปในบริเวณที่พิพาทกับกัมพูชาเมื่อวานนี้(18) โดยทหารส่วนเพิ่มเติมของไทย 109 คนได้ไปถึงแล้ว และสมทบกับกำลังพลเดิม 400 คน ซึ่งตั้งมั่นอยู่ตรงข้ามกับทหารกัมพูชากว่า 800 คน

ส่วนสำนักข่าวรอยเตอร์ก็รายงานว่า ฝ่ายกัมพูชาได้ส่งทหารเพิ่มเข้าไปยังพื้นที่พิพาทเหมือนกัน โดยที่ขบวนลำเลียงของทหาร ซึ่งประกอบด้วยรถบรรทุกหนักจำนวน 4 คันซึ่งติดตั้งปืนกลหนักพรักพร้อม และรถบรรทุกขนาดเล็กลงมาอีก 2 คัน กำลังเคลื่อนออกจากกรุงพนมเปญไปยังชายแดน ขณะที่ทหารกัมพูชาในขบวนต่างมีเครื่องยิงจรวดอาร์พีจีและอาวุธปืนเล็กยาวอัตโนมัติประจำกาย

รอยเตอร์อ้างคำพูดของผู้บังคับบัญชาทหารหน่วยนี้ ซึ่งมีชื่อว่า นายพล ยิม ซานห์ ได้บอกว่า เขากำลังนำทหารเหล่านี้ไปเสริมกำลังที่เขาพระวิหาร

ทหารเขมรกับไทยเกือบยิงใส่กัน

สำนักข่าวเอเอฟพียังรายงานว่า ทหารกัมพูชาและไทยที่เผชิญหน้ากันอยู่บริเวณปราสาทพระวิหาร เกือบถึงกับเกิดยิงปะทะกันเมื่อคืนวันพฤหัสบดี(17) โดยผู้เห็นเหตุการณ์หลายคนเล่าว่า ในช่วงเวลาอันตึงเครียดประมาณ 10 นาทีนั้น มีอยู่สองครั้งที่ทหารทั้งสองฝ่ายได้เล็งปืนเข้าใส่กัน เหตุเกิดตอนที่ทหารกัมพูชาราว 50 คนเข้าไปในปราสาท เพื่อคุ้มครองรักษาเสบียงอาหารสำหรับพระสงฆ์หลายสิบรูป

"ทหารของเรากับทหารไทยเล็งปืนของพวกเขาเข้าใส่กัน พวกเขาต่างอยู่ในภาวะเตรียมพร้อม" พลจัตวา เจีย แก้ว ผู้บัญชาการทหารกัมพูชาในจังหวัดพระวิหารกล่าว

"หลังจากผู้บังคับบัญชาของทหารกัมพูชาและของทหารไทยเปิดการเจรจากันอยู่ประมาณหนึ่งชั่วโมง เราก็สามารถแก้ปัญหากันได้" เขาเล่าต่อ "สถานการณ์เวลานี้มีเสถียรภาพแล้ว" โดยที่กองทหารกัมพูชาตกลงออกมาพักแรมข้างนอกในช่วงกลางคืน เพื่อหลีกเลี่ยงการประจันหน้ากัน

เอเอฟพีบอกว่า เมื่อถึงตอนเช้าวานนี้บรรยากาศดูจะผ่อนคลายลงมาก โดยที่ทหารกัมพูชาได้กลับเข้าไปข้างใน และมีการพูดจาและยิ้มแย้มกับฝ่ายทหารไทย

"ชวน" แนะไปดูข้อตกลงปี 43

นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า อยากให้ทุกฝ่ายใจเย็น อย่าให้เกิดการเผชิญหน้ากัน เพราะไม่ได้มีปัญหาต่อกัน แต่ความขัดแย้งที่เกิดขึ้น เป็นเพราะรัฐบาลไทยไปสนับสนุนให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก จึงทำให้เกิดผลเหล่านี้ตามมา ฉะนั้นอย่าลืมว่าเหตุเกิดเพราะรัฐบาล เมื่อมาปฏิเสธภายหลังก็สายไปแล้ว แต่จุดดีอย่างหนึ่งคือ ทำให้คนหันมาสนใจพื้นที่ทับซ้อนว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นสิทธิของฝ่ายใด หรือไม่

"ผมอยากให้กลับไปดูข้อตกลงในบันทึกช่วยจำปี 2543 ที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร รมช.ต่างประเทศ ขณะนั้น ได้ลงนามร่วมกับกัมพูชา โดยข้อ 5 มีเนื้อหาว่า ทั้งสองประเทศจะไม่ดำเนินการใดๆในพื้นที่ดังกล่าว ผมคิดว่าตรงนี้ต้องติดตามว่า ถ้าตรงนี้เป็นพื้นที่ทับซ้อน ต่างฝ่ายต่างก็ไม่มีสิทธิ์ ถ้าไทยไม่มีสิทธิ์ กัมพูชาก็ไม่มีสิทธิ์ การที่กัมพูชามาล้อมรั้ว เป็นสิ่งที่ต้องพูดคุยกันให้ชัดเจนว่า กัมพูชา มีสิทธิ์หรือไม่ เพราะถ้าเป็นพื้นที่ทับซ้อน สิทธิ์ต้องเท่าเทียมกันตามข้อตกลงที่ทำร่วมกันในปี 2543 และคิดว่าในการเจรจาของคณะกรรมการปักปันเขตแดนที่จะคุยกันในวันจันทร์นี้ ( 21 ก.ค.) ก็คงจะหยิบยกเรื่องนี้มาหารือ ซึ่งก็ควรทำให้เรื่องนี้ชัดเจนเสียทีโดยใช้โอกาสตรงนี้"

เตือน"หมัก"หยุดสำราก

นายชวน ยังได้ตำหนิ นายสมัคร ที่กล่าวหาคนไทย 3 คน ที่เข้าไปปฏิบัติธรรมในพื้นที่ที่มีปัญหาว่า เป็นคนบ้า ว่าไม่ควรมองในแง่ร้าย เพราะคนที่เข้าไป เขาก็ต้องคิดว่าถูกต้อง และรู้ว่ามีความเสี่ยง อย่าไปว่าเขาเป็นคนบ้า เพราะเขารู้สึกหวงแหนดินแดนไทย ซึ่งรัฐต้องทำความเข้าใจว่า อะไรจะเป็นชนวนให้เกิดเหตุร้าย และรัฐบาลก็ต้องเร่งทำความเข้าใจ เพราะเกิดเหตุปะทะกันเองแล้ว อย่าไปปฏิเสธทุกเรื่องทั้งหมด ต้องดูว่าความจริงเป็นอย่างไร ความจริงข้อเสนอของหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็น เรื่องที่น่ารับฟังว่า เมื่อไปขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร ทำให้มีผลต่อพื้นที่ตามมาเป็นสิทธิที่มากกว่าคำพิพากษาของศาลโลกให้ไว้ เพราะตัดสินเฉพาะแค่ตัวปราสาทพระวิหารเท่านั้น นายกฯ จึงไม่ควรมีอคติว่าเป็นข้อเสนอของฝ่ายค้าน แต่ต้องดูข้อเท็จจริงว่า มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร เรื่องนี้มีเหตผลที่รัฐบาลต้องทบทวน

"ถ้านายกฯ ยังด่าคนอื่นแบบนี้ ใครเดินไปไหนก็ด่าว่าเป็นไอ้บ้า ก็ยิ่งทำให้เกิดความตึงเครียด ผมอยากให้นายกฯ ดูเหตุผลดีดี เพราะคงไม่มีใครอยากจะเสี่ยงในสิ่งที่ผิด เขาก็ต้องเชื่อว่าทำในสิ่งที่ถูกต้อง รัฐต้องเข้าไปทำความเข้าใจถ้าคิดว่าเป็นปัญหา คนไทยด้วยกันพูดกันดีๆ ดีกว่า" นายชวนกล่าว

ทหารส่งสัญญาณลอยแพรัฐบาล

ศ.ดร.ภูวดล ทรงประเสริฐ อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวถึงกรณีความตึงเครียดที่บริเวณเขาพระวิหารว่า วันนี้เราพอจะสรุปได้ว่า ทหารไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งกองทัพบกเริ่มคำนึงถึงศักดิ์ศรี และอธิปไตยของชาติมากขึ้น ซึ่งก็คือการตัดสินการประจันหน้ากรณีที่ดินทับซ้อนเขาพระวิหาร เหตุผลเพราะในอดีตผู้นำกองทัพไทย มีความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับผู้นำรัฐบาล และไม่ว่ารัฐบาลนี้จะเป็นรัฐบาลกำมะลอ หรือหุ่นเชิดของระบอบทักษิณ ซึ่งไม่มีนายกรัฐมนตรีประเทศไหน มีพฤติกรรมที่บัดซบเหมือนนายกฯ ไทยทุกวันนี้ที่พูดสับปลับ สามหาว สกปรก และโสโครก รวมทั้งจิตใจยังอำมหิต โดยแสดงออกด้วยการยุยงให้ประชาชนไปฆ่ากัน

"ประวัติศาสตร์ทางการเมืองได้มาถึงจุดตัดสำคัญแล้ว เพราะวันนี้ความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างผู้นำกองทัพ กับผู้นำรัฐบาลไม่มีอีกต่อไปแล้ว เนื่องจากเขารู้อยู่แล้วว่าผู้นำรัฐบาลนี้เป็นสุนัขรับใช้ระบอบทักษิณ กำลังนับวันที่จะจากไปจากเวทีการเมืองไทยอย่างแน่นอน นอกจากนี้ นายทหารไทยเริ่มตระหนักว่า กรณีความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาของรัฐบาลนี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์ส่วนบุคคล และพวกพ้องของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัวเป็นส่วนใหญ่ ไม่ใช่ผลประโยชน์ของประเทศไทย แล้วอย่างนี้จะมีทหารหน้าไหนที่จะไปเชื่อฟังรัฐบาลชุดนี้อีกต่อไป" ดร.ภูวดล กล่าว

ดร.ภูวดล กล่าวอีกว่า พฤติกรรมขายชาติ พฤติกรรมขายวิญญาณ ขายความเป็นไทย จากกรณีเขาพระวิหาร ซึ่งมีปัญหาพื้นที่ทับซ้อนประมาณ 4.6 ตารางกิโลเมตร อีกทั้งยังมีปัญหาแหล่งน้ำมัน แหล่งก๊าซ และสิทธิสัมปทานในอ่าวไทย ซึ่งมีอีกนับแสนๆไร่ โดยแปลงหนึ่งอย่างต่ำประมาณ 2.5 หมื่นไร่ โดยปัญหาสิทธิทับซ้อนระหว่างไทยกับกัมพูชามีทั้งสิ้น 8 แปลง นี่คือความบัดซบของชนชั้นการปกครอง ที่คิดถึงแต่ตัวเอง และครอบครัวของตัวเอง แต่วันนี้ประชาชนไทยตื่นแล้ว ต่างลุกขึ้นมารักชาติ ฉะนั้นนายทหารคนไหนที่ยังไม่รู้ร้อนรู้หนาวถึงการขายอธิปไตย ควรลาออกแล้วไปโดดน้ำตายได้แล้ว

3 คนไทยแจ้งความถูกกักขัง

วานนี้ (18 ก.ค.) แกนนำขบวน "ธรรมยาตรา กอบกู้รักษาแผ่นดินไทยกรณีเขาพระวิหาร มณฑลบูรพา" ได้พา 3 คนไทยที่ถูกทหารกัมพูชาจับกุมตัวไป ประกอบด้วย พระคำพอง ชัยยธัมโม, นายวิชาญ ทับซ้อน และนางชนิกานต์ เก่งนอก เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.คมสัน ทันนา พนักงานสอบสวน สภ.บึงมะลู อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ เพื่อให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่กองกำลังกัมพูชา ในข้อหาร่วมกันหน่วงเหนี่ยว กักขัง หรือทำด้วยประการใด ๆ ให้ผู้อื่นปราศจากเสรีทางภาพทางกาย โดยเหตุเกิดขึ้นที่บริเวณตลาดทางขึ้นปราสาทพระวิหาร เมื่อวันที่ 15 ก.ค. ที่ผ่านมา เวลา 07.00 น. พร้อมกันนี้ พล.ต.ต.พินิจ แฝงยงค์ ผบก.ภจว. ศรีสะเกษ ได้มีคำสั่งให้ พ.ต.ท.ประยุทธ์ ทับทิมไสย์ พนักงานสอบสวน สภ.กันทรลักษ์ ร่วมดำเนินการสอบสวนทั้ง 3 คนไทยที่มาแจ้งความในครั้งนี้ด้วย

นายวิชาญ เปิดเผยว่า ที่ตนตัดสินใจปีนประตูเข้าไปในบริเวณทางขึ้นปราสาทพระวิหาร เพราะถือว่าพื้นที่บริเวณนั้นเป็นแผ่นดินไทย 100 % ในฐานะที่เราเป็นคนไทย จะทำอะไรในแผ่นดินเราก็ได้ พวกตนจึงตัดสินใจปีนเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าว เพื่อจะเข้าไปนั่งปฏิบัติธรรม และตั้งใจว่า จะเข้าไปจำพรรษาที่วัดสิกขาคีรีสะวาระ หรือวัดปราสาทพระวิหาร ซึ่งเดิมเป็นวัดของคนไทย ซึ่งดัดแปลงมาจากฐานปฏิบัติการของ ตชด.ซึ่งเป็นกองกำลังของประเทศไทย ก่อนที่จะถูกเขมรบุกรุก และเข้ามาครอบครองมาตั้งแต่ปี 44 เป็นต้นมา

"การที่นายสมัคร ออกมาพูดว่า พวกผมเป็นคนบ้านั้น ไม่เข้าใจว่านายกฯ ท่านคิดอะไรอยู่ เพราะพวกผมถือว่า ได้ทำหน้าที่คนไทยที่จะเข้าไปทวงคืนอธิปไตยของประเทศเอาไว้ แต่ การที่นายสมัคร ออกมาพูดว่า พวกเราบ้า แสดงว่าท่านไม่มีจิตสำนึกในความเป็นคนไทยอยู่เลย ดังนั้นผมจึงคิดว่ารัฐบาลชุดนี้ ได้หมดความชอบธรรมที่จะบริหารประเทศต่อไปแล้ว" นายวิชาญ กล่าว

มทภ.2 ยันเจรจากันได้ไม่มีปะทะ

เวลา 09.30 น.วานนี้ (18 ก.ค.) พล.ท.สุจิตร สิทธิประภา แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เดินทางด้วยเฮลิคอร์ปเตอร์ ลงจอดที่โรงเรียนภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ เพื่อรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์บนเขาพระวิหาร จากกองร้อยทหารพรานที่ 2306 ที่บริเวณผามออีแดง โดยมีทหารพรานติดอาวุธยืนตรึงกำลังตลอดแนวชายแดน

พล.ท.สุจิตร กล่าวว่า ขณะนี้ฝ่ายกองทัพไทย และกัมพูชา ยังสามารถเจรจาหารือกันได้อย่างสงบเรียบร้อย โดยยังไม่มีสัญญาณว่าจะเกิดการปะทะกัน และมั่นใจว่า ความสัมพันธ์ระหว่างทหารไทย-กัมพูชายังเป็นไปได้ด้วยดี ซึ่งข้อสรุปในเรื่องของเขตแดน ขณะนี้ทั้ง 2 ฝ่าย ยังคงยึดแผนที่คนละฉบับ คงต้องให้เป็นหน้าที่ในการตกลงกันของคณะกรรมการร่วมชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งจะมีการหารือกันในวันที่ 21 ก.ค.นี้

โดยในหลายพื้นที่ ที่เป็นแนวชายแดน และเคยเกิดปัญหาดังเช่นบริเวณเขาพระวิหาร ก็สามารถตกลงกันได้ด้วยวิธีการใช้คณะกรรมการร่วมฯ ดังนั้น ทางกองทัพ คงทำหน้าที่เพียงการตรึงกำลัง เพื่อรักษาความสงบบริเวณแนวชายแดนเท่านั้น ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ส่งจดหมายถึงนายกรัฐมนตรีของไทยให้ไทยถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่นั้น เรื่องนี้คงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของรัฐบาล ต้องไปเจรจากับประเทศกัมพูชาเอง

รายงานข่าวแจ้งว่า ล่าสุดทางทหารไทย ได้มีการลำเลียงอาวุธปืนกลหนักเข้ามาที่ประจำตามจุดสำคัญ ส่วนรถถัง และรถหุ้มเกาะยังไม่มีการเคลื่อนเข้ามาในพื้นที่ โดยขณะนี้ทางกองร้อยทหารพรานที่ 2036 ได้นำกำลังติดอาวุธ ยืนตรึงกำลังอยู่ตามแนวชายแดน เพื่อป้องกันการลุกล้ำอธิปไตยเข้ามา ขณะที่ทางฝั่งประเทศกัมพูชาการ มีการลำเลียงกำลังทหาร พร้อมอาวุธหนัก เข้ามาประชิดชายแดนอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น