ค้าชายแดนตะวันออกทรุด ต้นทุนพุ่งลูกค้าหนีค้าเวียดฯ

ศูนย์ข่าวศรีราชา -นักธุรกิจชายแดนระบุภาวะการค้าไทย-กัมพูชาด้านจังหวัดสระแก้ว ทรุดแล้วกว่า 50% หลังราคาน้ำมันแพง ทำต้นทุนสินค้าและค่าขนส่งพุ่งจนคู่ค้าในกัมพูชาดิ้นหนีหาสินค้าราคาถูกจากเวียดนาม สิงคโปร์ และจีน ขณะยอดการค้าในตลาดโรงเกลือหายกว่า 70% ซึ่งเป็นผลจากผู้ค้าไทยไม่กล้าตีรถขนสินค้า เช่นเดียวกับยอดนักเล่นในบ่อนกาสิโนที่เริ่มลดลง ส่วนปัญหาเขาพระวิหารยังไม่กระทบ แต่หากเกิดการปักปันเขตแดนอาจกระทบต่อความสัมพันธ์กรณีชาตินิยม

นายเมธา ล้อเจริญวัฒนะชัย ผู้ส่งออกสินค้าด้านจังหวัดสระแก้วไปยังประเทศกัมพูชา เผยว่าการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชายังไม่กระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างนักธุรกิจไทยและกัมพูชา

ปัจจัยที่ทำให้ตัวเลขการค้าชายแดนในพื้นที่จังหวัดสระแก้วช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาทรุดแล้วถึง 50% เป็นผลมาจากราคาน้ำมันที่พุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ต้นทุนสินค้าและค่าขนส่งสูงตาม ทำให้ราคาสินค้าจากไทยไปกัมพูชา โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภคมีราคาสูงกว่าสินค้าจากประเทศคู่แข่ง อย่างเวียดนาม สิงคโปร์และจีน ที่ขณะนี้คู่ค้าจากกัมพูชาเริ่มหันไปสั่งซื้อสินค้าโดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภคจากประเทศคู่แข่งเหล่านี้เพิ่มมากขึ้น ปัจจุบันจึงมีเพียงผลไม้ไทยเท่านั้นที่ยังสามารถเข้าไปทำตลาดในกัมพูชาได้เป็นอย่างดี

ไม่เพียงเท่านั้น ปัญหาราคาน้ำมัน ยังฉุดให้สภาพการค้าบริเวณตลาดโรงเกลือ ซึ่งที่ผ่านมาเคยมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาทต่อเดือน และลูกค้าส่วนใหญ่ คือ กลุ่มผู้ค้าชาวไทยที่นิยมขับรถยนต์จากกรุงเทพฯ หรือจังหวัดต่างๆ เข้าไปซื้อสินค้าเพื่อจำหน่าย แต่ในระยะ 2-3 เดือนนี้พบว่า ตัวเลขการค้าของตลาดแห่งนี้หายไปแล้วกว่า 70% เพราะผู้ค้าต่างถิ่นเริ่มเห็นว่าการตีรถยนต์เพื่อไปขนสินค้าไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน เช่นเดียวกับกลุ่มนักพนัน ที่นิยมเดินทางเข้าไปเล่นการพนันในบ่อนกาสิโนแถบชายแดนสระแก้ว ปัจจุบันก็ลดน้อยลงโดยเฉลี่ยเหลือเพียงประมาณพันคนต่อวันเท่านั้น ซึ่งก็คาดว่าเป็นผลจากราคาน้ำมันเช่นกัน

“ ขณะนี้ผู้ประกอบการทั้งค้าส่งไปต่างประเทศและผู้ค้าในตลาดโรงเกลือ ทำได้แค่เพียงเฝ้าดูสถานการณ์แต่จะให้เลิกทำธุรกิจคงไม่ได้ ส่วนการที่รัฐบาลประกาศว่า จะลดภาษีสรรพสามิตซึ่งจะทำให้ราคาน้ำมันถูกลง ผมมองว่าเป็นแค่การแก้ปัญหาทางการ เมืองเท่านั้น ไม่ใช่การแก้ปัญหาให้แก่ประชาชนอย่างแท้จริง เพราะหากรัฐบาลเห็นถึงความเดือดร้อนของประชาชนก็น่าจะทำนโยบายนี้ตั้งแต่แรกแล้ว”

นายเมธา ยังเผยอีกว่าความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนตามแนวชายแดนไทย แถบจังหวัดสระแก้วและกัมพูชา ขณะนี้ยังไม่มีปัญหา แต่ชาวกัมพูชาส่วนใหญ่ยังเชื่อว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากการปลุกระดมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ทำให้ประชาชนในจัง หวัดสระแก้วที่เข้าใจการทำงานของกลุ่มพันธมิตรฯ ต้องอธิบายถึงความเป็นไปและที่มาที่ไปของการทำงานเนื่องจากประชาชนทุกคนก็รักประเทศชาติ และยังยอมรับว่าการหาลู่ทางทำธุรกิจของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรในกัมพูชาที่พันธมิตรฯ นำมาตีแผ่ เป็นเรื่องที่คนในพื้นที่ชายแดนรู้กันมานานแล้ว เพราะที่ผ่านมาคนในตระกูลชินวัตรใช้เส้นทางชาย แดนเข้าออกกัมพูชาตลอดเวลา

หอฯจันท์ หวั่นปิดพรมแดนกระทบตัวเลขหมื่นล้าน

ด้าน นายปราโมช ร่วมสุข ประธานหอการค้าจังหวัดจันทบุรี เผยถึงภาวะการค้าชาย แดนผ่านจุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลมและจุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด รวมทั้งจุดผ่อนปรนการค้าต่างๆ ของจังหวัดที่ในแต่ละปีมีมูลค่ารวมกว่าหมื่นล้านบาท ยังไม่มีผลกระทบจากปัญหาปราสาทพระวิหาร รวมทั้งความสัมพันธ์ของคนชายแดนด้านจังหวัดจันทบุรีและจังหวัดชายแดนกัมพูชาก็ยังคงเป็นไปเช่นเดิม

อย่างไรก็ตาม หวั่นว่าหากในอนาคตสถานการณ์ตึงเครียดก็อาจจะมีคำสั่งปิดแนวชายแดนทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งเมื่อถึงวันนั้นจะทำให้มูลค่าการค้าไทยได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน

“ที่ตอนนี้การค้าชายแดนแถบจันทบุรียังไม่กระทบ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะผลไม้ของเราหมดแล้ว ดังนั้น สินค้าที่ส่งไปขายขณะนี้จึงเป็นสินค้าอุปโภค-บริโภคที่มาจากกรุงเทพฯ แต่เมื่อใดที่ปิดชายแดนเมื่อนั้นการค้าไทยกระทบแน่ เพราะจะทำให้คู่ค้าหันไปหาตลาดเวียดนามแทน และหากปิดชายแดนจะทำให้สินค้าจากไทยที่บางชนิดต้องขนส่งเวลากลางคืนไปถึงกัมพูชาล่าช้า ซึ่งกลายเป็นโอกาสของประเทศคู่แข่งที่จะเข้ามาตีตลาดของเรา”นายปราโมช กล่าว

สิ่งที่ประธานหอการค้าจังหวัดจันทบุรีเรียกร้องจากรัฐบาล คือ ความชัดเจนในการชี้แจงเรื่องปัญหาปราสาทพระวิหาร เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาระหว่างประเทศซึ่งหากปล่อยให้ช้าเกินไปจะก่อให้เกิดความไม่เข้าใจระหว่างประชาชนซึ่งก็จะส่งผลกระทบต่อภาพรวมในด้านต่างๆ