ผู้จัดการรายวัน - ผู้จัดการรายวัน/รอยเตอร์/เอเอฟพี - ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกหล่นวูบลงมาอีกกว่า 4 ดอลลาร์เมื่อวันพุธ(16) หลังจากดำดิ่งกว่า 6 ดอลลาร์ในวันอังคาร(15) โดยตัวเลขข้อมูลล่าสุดยิ่งชี้ว่า ราคาซึ่งแพงลิ่วกำลังลดความต้องการใช้น้ำมันของชาติผู้บริโภคมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งอย่างสหรัฐฯ ขณะที่ ปตท.ลดน้ำมัน 60 สต.วันนี้
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ เพื่อการส่งมอบเดือนสิงหาคม ปิดวันพุธโดยต่ำลงมาอีก 4.14 ดอลลาร์ ยืนอยู่ที่ 134.60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่อเนื่องจากที่ถอยลง 6.44 ดอลลาร์ในวันอังคาร และเมื่อเทียบกับราคาที่พุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันศุกร์(11)ที่แล้ว ณ 147.27 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลแล้ว ก็เท่ากับหล่นฮวบร่วม 13 ดอลลาร์ทีเดียว
ส่วนสัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดเบรนต์ของลอนดอน เพื่อการส่งมอบเดือนสิงหาคม ปิดวันพุธอันเป็นวันสุดท้ายของการซื้อขายสัญญาเดือนสิงหาคมนี้ ติดลบไป 2.56 ดอลลาร์ อยู่ที่ 136.19 ดอลลาร์
บรรดาดีลเลอร์บอกว่า ราคาหล่นฮวบในวันพุธมีปัจจัยสำคัญจากการแถลงตัวเลขน้ำมันตามคลังเก็บทั่วสหรัฐฯประจำสัปดาห์ของกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ทั้งน้ำมันดิบ, น้ำมันเบนซิน, และดิสทิลเลต ต่างก็มีปริมาณสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง น้ำมันดิบนั้นมีปริมาณสูงขึ้นจากสัปดาห์ก่อนถึง 3 ล้านบาร์เรล ทั้งที่ตลาดคาดหมายกันไว้ว่า จะลดต่ำลง 2.2 ล้านบาร์เรล
"รายงานตัวเลขในคลังนี้โดยสาระแล้วก็คือบ่งชี้ให้เห็นว่า อุปสงค์ความต้องการใช้น้ำมันในสหรัฐฯกำลังอยู่ในสภาพย่ำแย่มาก" เป็นความเห็นของ วิกเตอร์ ชุม นักวิเคราะห์ที่ประจำอยู่ในสิงคโปร์ ของบริษัทที่ปรึกษาด้านพลังงาน เพอร์วิน แอนด์ เกิร์ตซ์
ขณะที่ อองตวน ฮัลฟ์ รองหัวหน้าฝ่ายวิจัยภาคพื้นอเมริกา แห่ง นิวเอดจ์ ยูเอสเอ ในนครนิวยอร์ก ชี้ว่า "อุปสงค์ความต้องการใช้ของผู้บริโภคที่ย่ำแย่มาก ตลอดจนอุปทานน้ำมันจากโอเปกที่กำลังฟื้นตัวเข้าสู่ตลาดมากขั้น ในที่สุดแล้วก็น่าจะกำลังปรากฏให้เห็นในตัวเลข (น้ำมันตามคลังเก็บนี้) ซึ่งเป็นการจัดเวทีสำหรับการถดถอยของราคาอย่างยืดยาวออกไปอีก"
ส่วน เดวิด มัวร์ นักวิเคราะห์แห่ง คอมมอนเวลธ์ ออฟ ออสเตรเลีย บอกว่า นอกจากปริมาณน้ำมันดิบ เบนซิน และดิสทิลเลต ตามคลังเก็บจะเพิ่มขึ้นถ้วนหน้าแล้ว ตัวเลขความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์น้ำมันของสหรัฐฯก็ค่อนข้างอ่อนตัวด้วย
ทั้งนี้ รายงานของรัฐบาลสหรัฐฯชี้ว่า อุปสงค์ความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์น้ำมันของสหรัฐฯ กำลังอยู่ในระดับต่ำกว่าเมื่อปีที่แล้วราว 2.0%
นอกจากปัจจัยด้านภาวะอุปสงค์ในสหรัฐฯแล้ว ในเรื่องปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ รายงานข่าวที่สหรัฐฯจะส่งปลัดกระทรวงการคลังไปร่วมการเจรจาหารือระหว่างผู้แทนมหาอำนาจรายใหญ่ๆ กับผู้แทนอิหร่านช่วงสุดสัปดาห์นี้ ก็ถือเป็นข่าวที่ส่งผลทำให้ราคาน้ำมันหล่นลงเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม สำหรับวานนี้เมื่อถึง 13.00 น.เวลามาตรฐานกรีนิช (ตรงกับ 20.00 น.เมืองไทย) ไลต์สวีตครูดได้ไหลลงอีก 10 เซ็นต์ อยู่ที่ 134.50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล กระเตื้องขึ้นจากช่วงก่อนหน้านั้นที่ทรุดลงถึงระดับ 133.02 ดอลลาร์ ขณะที่เบรนต์เพื่อการส่งมอบเดือนกันยายน ถอยลงมา 11 เซ็นต์ อยู่ที่ 135.70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สาเหตุสำคัญที่ทำให้ราคาน้ำมันกลับมาทรงๆ ตัว คือข่าวเรื่องท่อส่งน้ำมันที่ไนจีเรียถูกคนร้ายโจมตีทำลายอีกคำรบหนึ่ง ทำให้การผลิตน้ำมันดิบของประเทศนี้ลดลงไปราว 20,000 บาร์เรลต่อวัน โดยข่าวนี้เป็นการตอกย้ำว่าโลกยังมีความเสี่ยงในเรื่องอุปทานน้ำมันที่จะออกสู่ตลาด
ปตท.ลดน้ำมัน 60 สต.วันนี้
นายชัยวัฒน์ ชูฤทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปตท.ประกาศปรับลดราคาน้ำมันทุกประเภทลงอีก 60 สตางค์ต่อลิตร มีผลตั้งแต่ วันนี้ (18 ก.ค.) เป็นต้นไป โดยสาเหตุที่ปรับลดเนื่องจากได้ปรับลดลงตามตลาดโลกที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบที่ตลาดสหรัฐลดลงเกือบ 10 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ในช่วง 2 วันติดต่อกัน และล่าสุดทำให้ราคาน้ำมันที่ตลาดสิงคโปร์ปรับลดลงตามไปด้วย โดยหากราคาน้ำมันที่ตลาดสิงคโปร์ยังลดลงต่อเนื่องอีก ทาง ปตท.ก็จะมีการปรับลดราคาน้ำมันลงให้กับประชาชนต่อไป การปรับราคาดังกล่าวส่งผลให้เบนซิน 91 เหลือ 41.19 บาทต่อลิตร ดีเซลเหลือ 43.64
แผนขึ้นแอลพีจีขนส่งยังไม่ชัด
นายพรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะทำงานพิจารณาโครงสร้างราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงพลังงานยังอยู่ระหว่างพิจารณาแผนการประกาศโครงสร้างราคาก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี)แยกเป็น 2 ราคาโดยส่วนของครัวเรือนชัดเจนว่าจะตรึงราคาออกไป 6 เดือนแต่จะมีการปรับในส่วนของภาคขนส่ง/อุตสาหกรรมโดยส่วนนี้ยังต้องรอมาตรการป้องกันการลักลอบนำแอลพีจีภาคครัวเรือนมาติดตั้งใช้ในภาคขนส่ง/อุตสาหกรรมรวมไปถึงการลักลอบส่งออกตามชายแดนเนื่องจากจะต้องประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อความชัดเจนในการปฏิบัติงานไม่เช่นนั้นแล้วอาจเกิดปัญหาได้ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปในการประกาศโครงสร้างราคาแอลพีจีขนส่ง/อุตสาหกรรมเร็วๆ นี้
"ขณะนี้ยังไม่สามารถประกาศโครงสร้างราคาแอลพีจีภาครถยนต์ได้เพราะยังกงวลอยู่ต้องรอให้มาตรการดูแลผลกระทบชัดเจนก่อนโดยส่วนหนึ่งจะต้องมีกฏหมายออกมารองรับ แต่การปรับราคาคงใช้วิธีทยอยปรับเพื่อลดผลกระทบครั้งแรกคาดว่าไม่เกิน 10 บาทต่อกิโลกรัม" นายพรชัย กล่าว
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ เพื่อการส่งมอบเดือนสิงหาคม ปิดวันพุธโดยต่ำลงมาอีก 4.14 ดอลลาร์ ยืนอยู่ที่ 134.60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่อเนื่องจากที่ถอยลง 6.44 ดอลลาร์ในวันอังคาร และเมื่อเทียบกับราคาที่พุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันศุกร์(11)ที่แล้ว ณ 147.27 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลแล้ว ก็เท่ากับหล่นฮวบร่วม 13 ดอลลาร์ทีเดียว
ส่วนสัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดเบรนต์ของลอนดอน เพื่อการส่งมอบเดือนสิงหาคม ปิดวันพุธอันเป็นวันสุดท้ายของการซื้อขายสัญญาเดือนสิงหาคมนี้ ติดลบไป 2.56 ดอลลาร์ อยู่ที่ 136.19 ดอลลาร์
บรรดาดีลเลอร์บอกว่า ราคาหล่นฮวบในวันพุธมีปัจจัยสำคัญจากการแถลงตัวเลขน้ำมันตามคลังเก็บทั่วสหรัฐฯประจำสัปดาห์ของกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ทั้งน้ำมันดิบ, น้ำมันเบนซิน, และดิสทิลเลต ต่างก็มีปริมาณสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง น้ำมันดิบนั้นมีปริมาณสูงขึ้นจากสัปดาห์ก่อนถึง 3 ล้านบาร์เรล ทั้งที่ตลาดคาดหมายกันไว้ว่า จะลดต่ำลง 2.2 ล้านบาร์เรล
"รายงานตัวเลขในคลังนี้โดยสาระแล้วก็คือบ่งชี้ให้เห็นว่า อุปสงค์ความต้องการใช้น้ำมันในสหรัฐฯกำลังอยู่ในสภาพย่ำแย่มาก" เป็นความเห็นของ วิกเตอร์ ชุม นักวิเคราะห์ที่ประจำอยู่ในสิงคโปร์ ของบริษัทที่ปรึกษาด้านพลังงาน เพอร์วิน แอนด์ เกิร์ตซ์
ขณะที่ อองตวน ฮัลฟ์ รองหัวหน้าฝ่ายวิจัยภาคพื้นอเมริกา แห่ง นิวเอดจ์ ยูเอสเอ ในนครนิวยอร์ก ชี้ว่า "อุปสงค์ความต้องการใช้ของผู้บริโภคที่ย่ำแย่มาก ตลอดจนอุปทานน้ำมันจากโอเปกที่กำลังฟื้นตัวเข้าสู่ตลาดมากขั้น ในที่สุดแล้วก็น่าจะกำลังปรากฏให้เห็นในตัวเลข (น้ำมันตามคลังเก็บนี้) ซึ่งเป็นการจัดเวทีสำหรับการถดถอยของราคาอย่างยืดยาวออกไปอีก"
ส่วน เดวิด มัวร์ นักวิเคราะห์แห่ง คอมมอนเวลธ์ ออฟ ออสเตรเลีย บอกว่า นอกจากปริมาณน้ำมันดิบ เบนซิน และดิสทิลเลต ตามคลังเก็บจะเพิ่มขึ้นถ้วนหน้าแล้ว ตัวเลขความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์น้ำมันของสหรัฐฯก็ค่อนข้างอ่อนตัวด้วย
ทั้งนี้ รายงานของรัฐบาลสหรัฐฯชี้ว่า อุปสงค์ความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์น้ำมันของสหรัฐฯ กำลังอยู่ในระดับต่ำกว่าเมื่อปีที่แล้วราว 2.0%
นอกจากปัจจัยด้านภาวะอุปสงค์ในสหรัฐฯแล้ว ในเรื่องปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ รายงานข่าวที่สหรัฐฯจะส่งปลัดกระทรวงการคลังไปร่วมการเจรจาหารือระหว่างผู้แทนมหาอำนาจรายใหญ่ๆ กับผู้แทนอิหร่านช่วงสุดสัปดาห์นี้ ก็ถือเป็นข่าวที่ส่งผลทำให้ราคาน้ำมันหล่นลงเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม สำหรับวานนี้เมื่อถึง 13.00 น.เวลามาตรฐานกรีนิช (ตรงกับ 20.00 น.เมืองไทย) ไลต์สวีตครูดได้ไหลลงอีก 10 เซ็นต์ อยู่ที่ 134.50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล กระเตื้องขึ้นจากช่วงก่อนหน้านั้นที่ทรุดลงถึงระดับ 133.02 ดอลลาร์ ขณะที่เบรนต์เพื่อการส่งมอบเดือนกันยายน ถอยลงมา 11 เซ็นต์ อยู่ที่ 135.70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สาเหตุสำคัญที่ทำให้ราคาน้ำมันกลับมาทรงๆ ตัว คือข่าวเรื่องท่อส่งน้ำมันที่ไนจีเรียถูกคนร้ายโจมตีทำลายอีกคำรบหนึ่ง ทำให้การผลิตน้ำมันดิบของประเทศนี้ลดลงไปราว 20,000 บาร์เรลต่อวัน โดยข่าวนี้เป็นการตอกย้ำว่าโลกยังมีความเสี่ยงในเรื่องอุปทานน้ำมันที่จะออกสู่ตลาด
ปตท.ลดน้ำมัน 60 สต.วันนี้
นายชัยวัฒน์ ชูฤทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปตท.ประกาศปรับลดราคาน้ำมันทุกประเภทลงอีก 60 สตางค์ต่อลิตร มีผลตั้งแต่ วันนี้ (18 ก.ค.) เป็นต้นไป โดยสาเหตุที่ปรับลดเนื่องจากได้ปรับลดลงตามตลาดโลกที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบที่ตลาดสหรัฐลดลงเกือบ 10 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ในช่วง 2 วันติดต่อกัน และล่าสุดทำให้ราคาน้ำมันที่ตลาดสิงคโปร์ปรับลดลงตามไปด้วย โดยหากราคาน้ำมันที่ตลาดสิงคโปร์ยังลดลงต่อเนื่องอีก ทาง ปตท.ก็จะมีการปรับลดราคาน้ำมันลงให้กับประชาชนต่อไป การปรับราคาดังกล่าวส่งผลให้เบนซิน 91 เหลือ 41.19 บาทต่อลิตร ดีเซลเหลือ 43.64
แผนขึ้นแอลพีจีขนส่งยังไม่ชัด
นายพรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะทำงานพิจารณาโครงสร้างราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงพลังงานยังอยู่ระหว่างพิจารณาแผนการประกาศโครงสร้างราคาก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี)แยกเป็น 2 ราคาโดยส่วนของครัวเรือนชัดเจนว่าจะตรึงราคาออกไป 6 เดือนแต่จะมีการปรับในส่วนของภาคขนส่ง/อุตสาหกรรมโดยส่วนนี้ยังต้องรอมาตรการป้องกันการลักลอบนำแอลพีจีภาคครัวเรือนมาติดตั้งใช้ในภาคขนส่ง/อุตสาหกรรมรวมไปถึงการลักลอบส่งออกตามชายแดนเนื่องจากจะต้องประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อความชัดเจนในการปฏิบัติงานไม่เช่นนั้นแล้วอาจเกิดปัญหาได้ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปในการประกาศโครงสร้างราคาแอลพีจีขนส่ง/อุตสาหกรรมเร็วๆ นี้
"ขณะนี้ยังไม่สามารถประกาศโครงสร้างราคาแอลพีจีภาครถยนต์ได้เพราะยังกงวลอยู่ต้องรอให้มาตรการดูแลผลกระทบชัดเจนก่อนโดยส่วนหนึ่งจะต้องมีกฏหมายออกมารองรับ แต่การปรับราคาคงใช้วิธีทยอยปรับเพื่อลดผลกระทบครั้งแรกคาดว่าไม่เกิน 10 บาทต่อกิโลกรัม" นายพรชัย กล่าว
